xs
xsm
sm
md
lg

"เวียดนาม-เขมร"ถล่มข้าวถุงไทย ปรับทิศโหมในปท. 30รายใหม่แห่รุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดข้าวถุงแข่งเดือด เหตุส่งออกเดี้ยง มุ่งทำตลาดในประเทศ คาดมีรายใหม่ลงศึกร่วม 30 ราย สิ้นปีการบิโภคข้าวในประเทศโต 10% “พนมรุ้ง” หวังตีตลาดยี่ปั๊วมากขึ้น หลีกการแข่งในโมเดิร์นเทด มั่นใจส่งรายได้ทั้งปีแตะ 1,100 ล้านบาท

นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวถุงแบรนด์ “มาบุญครอง” ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดข้าวถุงในประเทศปี 2555 นี้มั่นใจว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากตลาดส่งออกข้าวค่อนข้างมีปัญหา ส่งออกได้น้อยลง

เพราะคู่แข่งในตลาดโลกมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ทำราคาได้ดีกว่าไทย เช่น เวียดนาม ราคาข้าวจะถูกกว่าไทย ประมาณ 30-40% ส่วนกัมพูชาถูกกว่า 10-20% ทำให้ผู้ประกอบการหันมาทำตลาดในประเทศมากขึ้นแทน ดังนั้นมั่นใจว่าในปีนี้จะมีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 30 แบรนด์ เชื่อว่าจะทำให้ช่องทางขายโมเดิร์นเทรดมีการแข่งขันที่สูงขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญเชื่อว่าภายในไตรมาสสาม ราคาข้าวจะขยับขึ้นอีก 5-10%

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทางภาครัฐได้มีนโยบายรณรงค์ให้คนไทยหันมารับประทานข้าวให้มากขึ้น จาก 1-2 มื้อ เป็น 3 มื้อต่อวัน เชื่อจะส่งผลให้การบริโภคข้าวในประเทศจากปกติเติบโตเฉลี่ยปีละ 2-3% ขึ้นมาเป็น 10% ภายในปีนี้ ที่สำคัญทางสมาคมฯยังได้ร่วมกับทางกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานแข่งขันทางการค้า ในการที่จะเข้าไปช่วยเหลือสมาชิกซึ่งมีกว่า 110 ราย ที่เป็นคู่ค้ากับทางห้างโมเดิร์นเทรด โดยการเข้าไปร่วมตกลงแก้ไขปัญหาทางการค้าให้มีความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ให้คิดค่าธรรมเนียมที่สูงจนเกินไป เป็นต้น ทั้งนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มองเพียงกลุ่มข้าวเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงกลุ่มสินค้าเกษตรทั้งหมด เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีกำไรน้อยอยู่แล้ว

ด้านนายวิพุธ หวังหลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารงานขายและการตลาด บริษัท ชัยทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวพนมรุ้ง กล่าวต่อว่า สถานการณ์การส่งออกข้าวของไทย กำลังเสียเปรียบให้กับผู้แข่งขันจากประเทศอื่นๆ เนื่องจากราคาข้าวของไทยค่อนข้างสูง   กล่าวคือ ปัจจุบัน ราคาข้าวของไทยอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ ต่อ 1 ตัน ขณะที่เวียดนาม อยู่ที่
600-700 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตัน และกัมพูชาอยู่ที่ 800-900 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตัน

ถึงแม้ว่าคุณภาพข้าวจากทั้ง 2 ประเทศจะสู้ไทยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าทำได้ใกล้เคียงบวกกับมีราคาที่ถูกกว่า ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อจาก 2 ประเทศนี้แทน ส่งผลให้การส่งออกข้าวในช่วงปีที่ผ่านมาลดลงกว่า 50% ส่วนในปีนี้น่าจะติดลบ

“ปัญหาการส่งออกข้าวที่เกิดขึ้น นโยบายภาครัฐคงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ยกเว้นภาครัฐจะให้การสนับสนุน วางแผนให้ชาวนาที่ปลูกข้าว สามารถสร้างผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว จากปกติ ต่อไร่ 300 ตัน รวมถึงสร้างซับแบรนด์เข้าไปสู้ มองว่าจะเป็นทางออกที่ดีในขณะนี้”

ในส่วนของชัยทิพย์ ปีที่ผ่านมาสัดส่วนการส่งออกและจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 50% เท่ากัน แต่เนื่องจากสถานการณ์การส่งออกที่ลดลง ปีนี้จะมุ่งทำตลาดในประเทศมากขึ้นแทน โดยเฉพาะช่องทางยี่ปั้วซาปั้ว คาดว่าถึงสิ้นปีรายได้จากในประเทศจะอยู่ที่ 60% และต่างประเทศเหลือ 40%

โดยแผนการตลาดในปีนี้ เบื้องยังคงใช้งบการตลาดเท่าปีที่ผ่านมา เน้นสร้างแบรนด์ในช่องทางยี่ปั้วซาปั้วเป็นหลัก เนื่องจากโมเดิร์นเทรดน่าจะมีการแข่งขันสูงขึ้น เหตุแบรนด์ใหม่เข้ามามาก ค่าลิซซิ่งน่าจะสูงขึ้นตามไปด้วย เชื่อว่าถึงสิ้นปีเฉพาะรายได้ในประเทศจะทำได้กว่า 1,100 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 800 ล้านบาท เติบโต 40%
กำลังโหลดความคิดเห็น