xs
xsm
sm
md
lg

ไม่แค้นทอ. แต่ขอจำไว้ “สุกำพล”วอนสื่อเลิกพูดปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อ เวลา 07.00 น. วานนี้ (24 ม.ค.)ที่ศาลหลักเมือง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.กลาโหม พร้อมกับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ร่วมกันสักการะองค์พระหลักเมือง และสักการะเจ้าพ่อหอกลอง ณ ศาลเจ้าพ่อหอกลองภายในกระทรวงกลาโหม ก่อนจะร่วมกันสักการะพระบวรสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพุทธนวราชตรีโลกนาถศาสดากลาโหมพิทักษ์ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระรูปจอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ จากนั้นได้ร่วมพิธีเทิดเกียรติของกองทหารเกียรติยศผสม ณ ลานเอกนประสงค์ โดยมี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารระดับสูงเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง หลังจากเสร็จพิธีสวนสนามพล.อ.อ.สุกำพล ได้มอบของที่ระลึกให้กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก่อนจะเดินมาส่งถึงรถยนต์ หลังจากนั้น พล.อ.อ.สุกำพล ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้าร่วมกับบรรดาผบ.เหล่าทัพ ก่อนแยกย้ายเดินทางกลับ
พล.อ.เสถียร กล่าวในพิธีเทิดเกียรติและแสดงความยินดีต่อพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เนื่องในโอกาสได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่า ตน ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพและกำลังพลทุกคนมีความยินดีที่ท่านได้รับพระมหากุรณาธิคุณให้ ดำรงตำแหน่งสำคัญในงานความมั่นคง ที่ต้องอาศัยผู้นำที่มีความรู้ความสามารถวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พวกตนเชื่อมั่นว่าท่านทั้ง 2 จะสามารถบริหารประเทศไปในทิศทางที่จะสร้างความสงบเรียบร้อย เปี่ยมด้วยพลังความสามัคคี ซึ่ง ตลอดการทำงานที่ผ่านมา พล.อ.ยุทธศักดิ์ท่านได้น้อมนำแนวพระราชดำริ และประสบการณ์ มาใช้ในการบริหารกระทรวงกลาโหม นำมาซึ่งความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพ ตลอดจนการสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงมีความก้าวหน้า จนได้รับการยอมรับจากสาธารณชนโดยทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศว่า กระทรวงกลาโหมเป็นกระทรวงที่มีผลงานเป็นอันดับ 1 มีความโดดเด่นน่าภูมิใจ และขอแสดงความยินดีต่อพล.อ.อ.สุกำพล ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯให้มาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมคนต่อไปด้วย
จาก นั้นพล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนจะดูนโยบายเก่าของรมว.กลาโหมท่านเดิมว่า มีอะไรที่ทำไว้บ้าง และต้องสานต่ออะไร รวมถึงโครงการที่ยังค้างคาอยู่ และต้องการการทบทวน ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด หากมี ความล่าช้าต้องมีเหตุผลถึงสาเหตุ แต่จะเน้นให้ทำงานให้เร็วที่สุด เราตระหนักดีว่า เรื่องความมั่นคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ประเทศชาติจะใช้ในเรื่องของกำลังทหาร อย่างไรก็ตามในยามปกติเราต้องใช้ในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คู่กัน ในยามสงบก็หันหลัง ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ต้องมาดู ถ้าเหมาะสมกองทัพเรือสามารถชี้แจงให้ตนและสังคมเกิดความเข้าใจก็ไม่มีปัญหา เพราะการดำเนินการจะต้องเป็นที่ยอมรับด้วยกันทั้งหมด ไม่ใช่ว่า กองทัพเรือจะเอาเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอธิบายสังคมว่า เหมาะสมอย่างไร ทั้งนี้ต้องเข้าใจทหาร เพราะการอธิบายสิ่งต่างๆไม่สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด เพราะเป็นชั้นของความลับ
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ในยุคของตนถ้าสิ่งไหนที่ดีและเหมาะสมที่จะทำต่อไป เราก็จะทำ ใน เรื่องกองกองทัพ การศึกษา ตนมองว่า ในยามปกติ โดยเฉพาะในส่วนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) เมื่อมีผู้บริหารระดับสูงของทุกกระทรวง ทบวง กรมไปเรียนด้วยกัน โดยรัฐบาลออกเงินให้และมีเอกชนมาร่วมด้วยถือเป็นสิ่วที่ดีในการอยู่ร่วมกัน และทำกิจกรรม ซึ่งจะสามารถสร้างผลงานที่ดีให้รัฐบาล โดยข้อมูลที่ให้มาสามารถทำไปต่อยอดใช้ได้ ซึ่งคนที่เรียนวปอ.อยู่ในระดับหัวกะทิ เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้วปอ.มีผลงาน ไม่ใช่เป็นแค่สถาบันที่ใช้พบปะสังคมกัน จะต้องมีผลงานเพื่อให้คุ้มค่ากับงบประมาณของรัฐบาล
“นโยบาย เรื่องความปรองดอง และความเป็นเอกภาพในกองทัพ ผมได้รับประทานอาหารเช้ากับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งเป็นพี่น้องกันก็พูดคุยกัน อยากขอร้องสื่อเรื่องการปฏิวัติ อย่าถามอีก ขอให้พอเสียที อย่าเอาประเด็นนี้ไปถามคนโน้น ถามคนนี้ หรือถามผม ขอให้พอ และเลิกพูดกันเสียที คำตอบยังเหมือนเดิม คือ ไม่มีใครอยากทำ ขอให้เลิกถามเรื่องปฏิวัติ และเห็นผบ.ทบ.ยืนยันกับสื่อมวลชนมากแล้ว ยืนยันกันมา 3-4 เที่ยวจนเบื่อ ยันกันจนหงายหลังแล้ว ไม่มีใครอยากทำ ถึงทำก็ไม่ง่าย ขอให้เลิกถาม อย่าไปบอกว่ามีกระแส หรือมีข่าว ขอให้หยุดเสียที ส่วนเรื่องความสามัคคี ถือว่าเป็นสิ่งแรกถ้าพี่น้องอยู่ด้วยกัน เข้าใจกัน งานก็เดินไปอย่างดี และน้องๆมีความเข้าใจกันก็จะไม่มีอะไร ส่วนอะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วย เราอยู่กันมานานจนรู้นิสัยใจคอพอสมควรว่า ใครเป็นอะไร อย่างไร เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็จบไป”พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อ ถามว่า ได้พูดคุยเคลียร์ใจกับกองทัพอากาศหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหาเก่ากับเฟื่อง(พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.)เลย ซึ่งไม่ได้คุยกันแต่ก็รู้กันอยู่ว่า เรื่องเก่าที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้ทำอะไรตน เรื่องที่เกิดขึ้นที่เคยผ่านมาในช่วงปฏิวัติเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ของตน เอง ตนก็จำไว้ แค่เป็นส่วนตัวของตน ใครทำอะไรก็ดู และจำไว้ก็เท่านั้น แต่ผบ.ทอ.คนนี้ไม่ได้ทำอะไรตน แต่ในเวลานั้น เขาต้องไปอยู่อย่างนั้น จึงต้องเข้าใจเขา ส่วนแนวทางเรื่องการปรับย้ายนายทหารนั้น ยังอีกนาน ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องโยกย้ายและยังไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ในฐานะที่อยู่ตรงกลางระหว่างการเมืองกับกองทัพจะดูแลอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถ้ากองทัพอธิบายให้ตนเห็นได้ว่า อันนี้เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น เราก็เป็นตัวกลางประสานไปยังรัฐบาลถือเป็นขั้นตอนปกติ ธรรมดา ส่วนที่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทหารนั้น มองว่า การเมืองกับการทหารต้องยุ่งกันอยู่แล้ว ไม่ยุ่งกันไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการวางตัวว่า จะวางตัวอย่างไรเท่านั้น ซึ่งก็คือความร่วมมือกัน
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำตัวรมว.กลาโหมและเลขานุการรม ว.กลาโหมยังคงใช้ทีมงานชุดเดิมจากพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหมคนเก่าทั้งสิ้น ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษารมว.กลาโหมได้แต่งตั้งให้พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ เพื่อนร่วมรุ่นตท.10ของพล.อ.อ.สุกำพล และอดีตผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 มาดำรงตำแหน่งแทนพล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล ที่ปรึกษารมว.กลาโหมคนเก่า
กำลังโหลดความคิดเห็น