ASTVผู้จัดการรายวัน-ปรับใหญ่ครม."ยิ่งลักษณ์2" แค่รีแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ หลังจากบริหารมา 6 เดือน มีแต่ความล้มเหลว ดึงเครือข่ายธุรกิจตระกูลชินวัตรนั่งเก้าอี้ใหญ่ แถมปูนบำเหน็จ "ผู้ก่อการร้ายแดง" ส.ส.พรรคเพื่อไทยอัดกันเละ คนไม่มีผลงานกลับเอาไว้ นโยบายที่หาเสียงไว้ ก็ยังไม่ได้ทำ "มาร์ค"จี้ชี้แจงเหตุผลทำไม่ต้องปรับใหญ่ ส.ว.ยี้"ไอ้เต้น"ขึ้นชั้นเสนาบดี โยก"สุกำพล" คุมกลาโหม จะเป็นชนวนปฏิวัติ
เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า การปรับคณะรัฐมนตรี อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การปรับครม.ครั้งนี้ เป็นการปรับใหญ่ถึง 16 ตำแหน่ง โดยปรับให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.คลัง และมีนายธนุศักดิ์ เล็กอุทัย นั่งเก้าอี้ รมช.คลัง
ปรับพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา พ้นจาก รมว.กลาโหม มาแขวนไว้ที่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ขยับจากรมว.คมนาคม ไปนั่งรมว.กลาโหมแทน และให้นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มานั่ง รมว.คมนาคม และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็น รมช.คมนาคม
ขณะที่นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานที่ปรึกษา บริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) จะมานั่ง รมว.พลังงาน แทน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่หลุดจากเก้าอี้รมว.พลังงาน
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง จะขยับขึ้นนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ส่วนนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ถูกปรับออกจาก รมว.ศึกษาธิการ ไปนั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานไม่สนองนโยบายพรรค แต่สนองนโยบายตัวเองมากเกินไป และดึงนายสุชาติ ธาราดำรงเวช มานั่ง รมว.ศึกษาธิการ แทน โดยมีนายศักดิ์ดา คงเพชร เป็น รมช.ศึกษาธิการ เช่นเดียวกับ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และ ดร.นลินี ทวีสิน มานั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ด้วย
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง ถึงแม้จะมีคดีก่อการร้าย แต่ก็ได้รับการพิจารณาให้นั่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วน น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นั่งรมช.สาธารณสุข ม.ร.ว.พงศ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็น รมว.อุตสาหกรรม แทนน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่มีปัญหาสุขภาพร่างกาย ในโควตาพรรครวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งในการปรับ ครม.ครั้งนี้มี 9 คน คือ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล พ้นจาก รมว.คลัง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พ้นจาก รองนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ อึ้งอำพรวิไล พ้นจาก รมช.ศึกษาธิการ นางบุญรื่น ศรีธเรศ พ้นจาก รมช.ศึกษาธิการ นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ พ้นจาก รมช.คมนาคม น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ พ้นจาก รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ พ้นจาก รมช.เกษตรฯ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ พ้นจาก รมว.พลังงาน และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น หลุดจากเก้าอี้ รมช.สาธารณสุข แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
** "ปู"อ้างปรับเพื่อความเหมาะสม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ว่า เราทำงานมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ก็อยากจะปรับเพื่อความเหมาะสม ประกอบกับทางด้านของ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รมว.อุตสาหกรรม ไม่สบาย จะขอลา จึงถือโอกาสปรับเพื่อความลงตัว และเพื่อความเหมาะสม
เมื่อถามว่า การปรับครม.ครั้งนี้ เป็นเพราะตรวจการบ้านบางส่วนแล้ว คะแนนไม่ผ่าน หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะความจริง เราต้องทำงานไปเรื่อย ดูงาน ติดตาม และดูเวลาความเหมาะสม ก็ถือว่าทำงานมาประมาณ 6 เดือนแล้ว ก็อยากให้มีการปรับเพื่อความลงตัวมากขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลโควต้า ยังเป็นโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม
**เชื่อปรับครม.ส่งผลดีต่อประเทศ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังคนใหม่ กล่าวว่า สำหรับตนนั้น นายกฯ ต้องการให้ทำหน้าที่อะไร ก็ยินดี และเมื่อมีชื่อบุคคลใหม่ๆ หลายท่านเข้ามา ก็เห็นว่าเป็นผู้ที่มีศักยภาพ คงจะช่วยกันทำงานให้บ้านเมืองได้ดี และหากรัฐมนตรี ที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิม หรือไม่ได้อยู่ในครม. ตนก็มั่นใจว่า ท่านก็คงจะอยู่ในหน้าที่หนึ่งหน้าที่ใด ที่จะทำให้บ้านเมืองมีความเข้มแข็ง ก้าวหน้าได้
เมื่อถามว่า คิดว่าการได้เข้าไปดูแลกระทรวงการคลัง จะทำให้การบริหารงบประมาณ เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ความจริงทั้งตนและนายธีระชัย ที่ผ่านมา ก็ทำตามนโยบายรัฐบาล และหารือกันตลอด แม้ว่าจะมีข่าวเหมือนความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ความจริงไม่มีปัญหา ดังนั้น การไปรับตำแหน่งอะไร ตรงไหน ก็เชื่อว่าไม่มีปัญหา หากทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล งานไม่สะดุดแน่นอน
**"หลงจู๊"ขอบคุณ"น้องปู" ที่ไม่แตะชทพ.
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องการปรับครม. แค่รู้จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ โดยการปรับ ครม. เป็นอำนาจและดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีการปรับในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ถือว่าเป็นความกรุณาของนายกฯ ที่ต้องการให้ทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าการทำงานของ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าพอใช้ได้ ทำงานเข้มแข็ง แต่อาจมีบกพร่องบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้ามีปัญหาก็แก้ไข เท่านั้นเอง
"ไม่เป็นจริงเลย ที่ว่าท่านนายกฯไม่กล้าแตะพรรคชาติไทยพัฒนา แต่เป็นความกรุณาของนายกฯ มากกว่า" นายบรรหาร กล่าว
** "ปู"ต้องชี้แจงทำไม่ต้องปรับครม.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับครม. ยิ่งลักษณ์ 2 ที่มีการดึงบุคคลในกลุ่มธุรกิจ หรือกลุ่มทุนของตระกูลชินวัตร เข้ามาเป็นรัฐมนตรี รวมทั้งมีแกนนำเสื้อแดงว่า ก็มีข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ก็ต้องตั้งคำถามว่า ปรับครม.จำนวนมากเช่นนี้ ด้วยเหตุผลอะไร แสดงให้เห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ทำงานไม่เข้าเป้า หรือเป็นเพียงการหมุนเวียน สลับสับเปลี่ยนให้คนได้มาดำรงตำแหน่งกัน อันนี้คงเป็นประเด็นที่ต้องถามว่า นายกฯ คิดอย่างไร ในการที่จะปรับครม. ถึงครึ่งหนึ่ง หลังจากที่เริ่มงานมาแค่ 6 เดือน
"ถ้าบอกว่าเป็นการสลับสับเปลี่ยน เพราะว่าเปิดโอกาสให้คนนั้นคนนี้ ก็แปลก เพราะหลายกระทรวงเป็นกระทรวงซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ หลายคนบอกว่า ต้องใช้เวลาในการเข้าไปเริ่มต้นศึกษา และทำให้เกิดคำถามว่า นโยบายที่เดินมาตามแนวทางของรมว.คนก่อน จะต่อเนื่องหรือไม่ ทั้งหมดก็ต้องให้นายกฯเป็นคนอธิบาย"
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการโยกนายกิตติรัตน์ ไปเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.คลัง ว่า มีความเป็นห่วงตั้งแต่เกิดความขัดแย้งระหว่าง นายกิตติรัตน์ กับนายธีระชัย โดยเฉพาะท่าทีในการใช้เงินของนายกิตติรัตน์ รวมถึงการเข้ามาบริหารโครงการจำนำข้าวของนายกิตติรัตน์ ก็มีปัญหา ส่วนกรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ที่จะถูกโยกไปนั่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงนั้น ตนเห็นว่า ที่ผ่านมาพล.อ.ยุทธศักดิ์ ทำงานเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ก็แปลกใจอยู่ สรุปแล้วมีความเป็นห่วง เพราะเป็นการปรับเพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าปรับเพื่อประโยชน์ประชาชน ซึ่งนายกฯ ต้องเป็นคนชี้แจงต่อสังคม
** เอา"ณัฐวุฒิ"เข้ามาทำอะไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เฉพาะกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ได้เป็นรมช.เกษตรฯ นั้น นายกฯต้องอธิบายว่า ปรับเพื่องานอะไร ไม่เช่นนั้นจะตอกย้ำการต่างตอบแทนที่จะสร้างความแตกแยกมากขึ้น ส่วนของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ที่มีปัญหาในการทำงานมาโดยตลอด แต่ไม่ถูกปรับออกนั้น ก็ชัดเจนว่า การปรับครม.ครั้งนี้ เพื่อเปลี่ยนเวียนสลับตำแหน่งเพื่อประโยชน์ของพวกตัวเองมากกว่า แล้วถ้าเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ปรับอีก ก็ต้องถามว่า ที่ปรับครม.กันนั้น ประเทศจะดีขึ้นอย่างไร ซึ่งต้องพิสูจน์สำหรับการปรับใหญ่ขนาดนี้
** ถึงคิว "แก๊งแดง" กินเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า เป็นไปตามความคาดหมาย ที่รวบรัดการปรับ ครม.โดยเร็ว เพราะกลัวแรงกระเพื่อมที่จะเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย แต่ที่ยอมรับความเป็นจริงว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังเหนียวแน่น ไม่มีใครกล้าแตะต้องโควต้านี้ได้ กระแสข่าวที่ออกมาโยนหินถามทางว่า จะยึดกระทรวงเกษตรฯ คืนมา ให้พรรคเพื่อไทย ก็เป็นเพียงความเคลื่อนไหวของกลุ่มนกแล ในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
"เป็นที่น่าสังเกตว่า การปรับครม. ครั้งนี้ เป็นการเปิดทางให้กับแกนนำนปช. เข้ามารับตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดง มีความสำคัญในพรรคเพื่อไทย และยึดอำนาจภายในพรรคเพื่อไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จ เห็นจากการบีบบังคับให้ ครม.มีมติชดเชยเงินเยียวยาให้คนเสื้อแดง ศพละ7.75 ล้านบาทได้สำเร็จ และมาครั้งนี้ก็เข้ายึดตำแหน่งทางการเมืองในครม.ได้อีก หลังการเลือกตั้งใหม่ยังแสดงท่าทีเหนียมอาย และแคร์กระแสสังคม ที่ไม่กล้าประเคนตำแหน่ง รมต.ให้แกนนำคนเสื้อแดง”
**ปรับครม.แค่เปลี่ยนตัวนักแสดง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการปรับครม.ว่า ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลมีอำนาจและมีสิทธิที่จะกระทำการได้ เพียงแต่ว่าการปรับนั้น เป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้แสดง หรือเบี้ยทางการเมือง เพราะสุดท้ายก็ยังเป็น ครม. ที่เป็นระบบทักษิณส่วนหน้า นอกจากนี้ การปรับ ครม.ก็เป็นการปรับที่มีลักษณะต่างตอบแทนบางกระทรวง โดยมีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม จะเป็นกระทรวงไหนนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ คงต้องรอดูไปสักระยะก่อน
**เซ็งรมต.ถุงยังชีพ ไม่หลุด
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤตมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การปรับครม.ครั้งนี้ คนที่สมควรถูกปรับออก แต่ไม่ปรับ โดยเฉพาะพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ. รวมถึงนายยงยุทธ วิชัยดิษฐรองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมาก แต่เมื่อนายกฯ เชื่อข้อมูลของทั้งสองคน นายกฯ ก็ต้องร่วมรับผิดชอบหากในอนาคตเกิดปัญหาขึ้น โดยเฉพาะจากกรณีถุงยังชีพ
** "เพื่อไทย" ซัดกันเละ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีส.ส.ของพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค เข้าร่วมประชุมด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด หลังจากนายยงยุทธ กล่าวแนะนำส.ส. ที่จะได้เป็นรัฐมนตรีต่อที่ประชุม เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมประชุมแสดงความยินดี จากนั้นได้เปิดเวทีให้ ส.ส.แต่ละคนได้อภิปราย ปรากฏว่า ส.ส.เพื่อไทยหลายภาค ได้แสดงความเห็นอย่างดุเดือดต่อการปรับครม.ครั้งนี้ ที่เห็นว่ากระทรวงที่ไม่มีผลงาน กลับไม่ถูกปรับออก แต่ไปปรับกระทรวงอื่น โดยผู้ที่ลุกขึ้นอภิปราย มีทั้งนายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน
โดยทั้งหมดอภิปรายในทิศทางเดียวกันว่า การปรับครม.ที่เกิดขึ้น บางส่วนเห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย ที่ผ่านมาเกือบ 5 เดือน ปัญหารัฐบาล คือ คนร่างนโยบาย หรือหาเสียงให้พรรคกลับไม่มีตำแหน่ง แต่เอาคนที่ไม่ได้หาเสียงมาทำงาน ซึ่งเหมือนกับเอาคนที่ไม่ได้ทำงานให้พรรค มาเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่บางคนทำงานให้กับพรรคแต่ต้น เช่น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ รอบนี้ก็น่ายินดีที่ได้เป็นรัฐมนตรี นอกจากนี้ นโยบายหลายเรื่อง ยังไม่เกิดขึ้นจริง เช่น กองทุนสตรีจังหวัดละ100 ล้านบาท ก็ยังไม่เกิดเลย ตอนนี้ประชาชนเริ่มทวงถาม ส.ส.มาแล้ว รวมทั้งโครงการพักชำระหนี้ ยังไม่เกิด เกษตรกรรออยู่ รวมถึงปัญหาโครงการรับจำนำข้าว
นอกจากนี้ ส.ส.ยังถามว่าเหตุใด นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และว่าที่รมว.คลัง ไม่เคยมาประชุมกับพรรคเลย ทำให้นายยงยุทธ ชี้แจงแทนว่า จะรับปัญหานี้ไปบอกกับรัฐมนตรีแต่ละคน ขอให้มาประชุมพรรค มารับฟังข้อเสนอส.ส. และนำไปปรับปรุง แต่ปรากฏว่า ส.ส.บางส่วน ยังไม่พอใจ ลุกขึ้นอภิปรายอย่างดุเดือดอีกครั้ง
** "ก่อแก้ว"ทวงเก้าอี้ให้"ตุ๊ดตู่"
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวถึงการปรับครม.แต่ไม่มีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้รับตำแหน่งว่า ในเดือนพ.ค. พวกบ้านเลขที่ 111 จะกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นนายจตุพร ก็คงมีโอกาส เนื่องจากจะมีผู้ที่มีประสบการณ์ และศักยภาพเข้ามาทำงานเยอะ ส่วนกรณีที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้รับการพิจารณารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีนั้น ต้องถือว่ากลุ่มนปช. ทำในหนักมามาก เป็นหนังหน้าไฟมาตลอด และตนเชื่อว่า กลุ่มใดที่มีการทำงานมามาก ก็ควรที่จะได้รับการพิจารณา โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ จะได้รับตำแหน่งรมช.เกษตรฯ นั้น ทางเสื้อแดง ก็ต้องขอขอบคุณนายกฯ ที่พิจารณาให้ แต่ก็อยากจะให้นายจตุพร ได้รับเลือกด้วย เพราะว่าทั้งสองคนก็ร่วมต่อสู้มาด้วยกัน ก็อยากให้นายกฯ พิจารณาเพิ่มเติมด้วย
**ส.ว.ยี้ "ไอ้เต้น" ขึ้นชั้นเสนาบดี
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่นั้น ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน หรือเพื่อหน้าตาของประเทศ แต่เพื่อเป็นการกระชับอำนาจ ให้คนที่ใกล้ชิดได้เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งที่สำคัญ และเพื่อต่างตอบแทนผลประโยชน์เท่านั้น โดยเฉพาะกรณีของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ที่มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งๆ ที่มีคดีก่อการร้ายติดตัวอยู่ ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะนำรายชื่อของบุคคลที่เปื้อน และมีมลทินขึ้นทูลเกล้าฯ ถึงแม้ว่าในทางกฎหมาย ที่ศาลยังไม่พิพากษาจนถึงที่สุด ทำให้นายณัฐวุฒิ จะสามารถดำรงตำแหน่งได้ก็ตาม
** โยก"สุกำพล"ชนวนปฏิวัติ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า โฉมหน้าของ ครม.ชุดใหม่นั้น ขัดกับความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะการปรับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ออกจากตำแหน่ง รมว.คมนาคม และให้ไปดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม แทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นั้น เชื่อว่ารัฐบาลต้องการให้ พล.อ.อ.สุกำพล เข้าไปมีบทบาทต่อการโยกย้ายนายทหารระดับสูง เพราะบุคลิกของ พล.อ.อ.สุกำพลนั้น เป็นบุคคลที่แข็งกร้าวกว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ มาก ซึ่งตนกังวลว่า หากเป็นเช่นนั้นอาจจะกลายเป็นชนวนที่สร้างความไม่พอใจในเหล่าทัพ และอาจนำไปสู่การปฏิวัติได้อีกรอบ