สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เสนอ รัฐบาล3 แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการยกเว้นหักภาษีปันผล ดอกเบี้ย แก่กองทุน และบริษัทจดทะเบียนไทยที่ไปลงทุนพม่า - ลาว ชี้ตลาดทุนเป็นกลไกหลักในการระดมทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ลดภาระรัฐบาลหาแหล่งเงินทุนทำโครงสร้างพื้นฐาน “ไพบูลย์”แจง ล่าสุดรัฐบาลเห็นชอบ สั่งให้หน่วยงานเกี่ยวดำเนินงานต่อไป
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า การประชุมหารือร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2555 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประชุมร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อเช้าวันที่ 15 มกราคม 2555 โดย สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้มีการเสนอ 3 เรื่อง คือ 1. ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายเงินปันผล ดอกเบี้ย ให้กับบริษัทและกองทุนที่ลงทุนข้ามชาติ (Offshore Holding Company and Funds) ในอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสหภาพเมียนมาร์ และ อนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง พิจารณาความเหมาะสมในการเพิ่มข้อกำหนด เรื่องการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินปันผล ดอกเบี้ย ให้กับบริษัทและกองทุนจากประเทศไทยที่ลงทุนข้ามชาติในสหภาพเมียนมาร์ และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยให้เจรจายกเว้นในอนุสัญญาภาษีซ้อนดังกล่าวข้อ 2. ส่งเสริมและยกระดับให้ตลาดทุนเป็นกลไกหลักในการระดมทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง เพื่อการแบ่งเบาภาระรัฐบาลในเรื่องการหาแห่งเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การจัดทำโครงการสาธารณูปโภคที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับเรื่องดังกล่าวที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณารับความเห็นของที่ประชุมไปเร่งรัดการพัฒนาตลาดพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาลในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความพร้อมขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย และข้อ3.การให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชนเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยและกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพร่วม ในการดำเนินการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ผู้ประกอบการและประชาชนภาคเหนือตอนบน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ และขยายกลุ่มเป้าหมายให้รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน
“สภาธุรกิจตลาทุนฯ ได้เสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ 3 ข้อ ให้คณะรัฐมนตซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในทุกข้อเสนอ และมอบหมายให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเห็นว่าตลาดทุนมีความสำคัญและสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน ผมถือว่าเป็นความสำเร็จอีกระดับหนึ่งของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย”นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยในปัจจุบันได้รับการยอมรับจากท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น ผมคิดว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะเป็นหน่วยงานสำคัญมากในอนาคตในการช่วยยกระดับตลาดทุนให้เป็นที่รู้จักทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งรวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนทั่วไป
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่าเพิ่มเติมอีกว่า สภาฯ ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในภูมิภาคอีก 3 ครั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และ ภาคกลาง ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน นี้ตามลำดับ โดยสภาฯ จะมีการประชุมสมาชิกสภาฯ เพื่อร่วมกันพิจารณาวาระที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้งต่อไป
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า การประชุมหารือร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ครั้งที่ 1/2555 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประชุมร่วมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อเช้าวันที่ 15 มกราคม 2555 โดย สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้มีการเสนอ 3 เรื่อง คือ 1. ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายเงินปันผล ดอกเบี้ย ให้กับบริษัทและกองทุนที่ลงทุนข้ามชาติ (Offshore Holding Company and Funds) ในอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสหภาพเมียนมาร์ และ อนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง พิจารณาความเหมาะสมในการเพิ่มข้อกำหนด เรื่องการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินปันผล ดอกเบี้ย ให้กับบริษัทและกองทุนจากประเทศไทยที่ลงทุนข้ามชาติในสหภาพเมียนมาร์ และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยให้เจรจายกเว้นในอนุสัญญาภาษีซ้อนดังกล่าวข้อ 2. ส่งเสริมและยกระดับให้ตลาดทุนเป็นกลไกหลักในการระดมทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง เพื่อการแบ่งเบาภาระรัฐบาลในเรื่องการหาแห่งเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ การจัดทำโครงการสาธารณูปโภคที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับเรื่องดังกล่าวที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณารับความเห็นของที่ประชุมไปเร่งรัดการพัฒนาตลาดพันธบัตรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาลในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ให้คำนึงถึงความพร้อมขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย และข้อ3.การให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชนเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยและกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพร่วม ในการดำเนินการให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ผู้ประกอบการและประชาชนภาคเหนือตอนบน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ และขยายกลุ่มเป้าหมายให้รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน
“สภาธุรกิจตลาทุนฯ ได้เสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ 3 ข้อ ให้คณะรัฐมนตซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในทุกข้อเสนอ และมอบหมายให้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเห็นว่าตลาดทุนมีความสำคัญและสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน ผมถือว่าเป็นความสำเร็จอีกระดับหนึ่งของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย”นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยในปัจจุบันได้รับการยอมรับจากท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น ผมคิดว่าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะเป็นหน่วยงานสำคัญมากในอนาคตในการช่วยยกระดับตลาดทุนให้เป็นที่รู้จักทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งรวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนทั่วไป
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่าเพิ่มเติมอีกว่า สภาฯ ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในภูมิภาคอีก 3 ครั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และ ภาคกลาง ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน นี้ตามลำดับ โดยสภาฯ จะมีการประชุมสมาชิกสภาฯ เพื่อร่วมกันพิจารณาวาระที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้งต่อไป