เอเอฟพี - ที่ประชุมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของสมาคมอาเซียน ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (13) ทำนายว่าจะเกิดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ ตามแรงกดดันจากวิกฤตหลายๆ รายการในทวีปยุโรป รวมทั้งจากการหั่นงบประมาณร่ายจ่ายในสหรัฐอเมริกา
รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งประชุมกันที่เมืองมานาโด ประเทศอินโดนีเซีย ให้ประมาณการว่า หลังจากที่บรรดาประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยทั้งกลุ่มที่ระดับ 7.5% ในปี 2010 มาในปีนี้ อัตราโตอาจจะฮวบลงต่ำกว่า 6% โดยอาจเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแค่ 5.7%-6.4% โดยมีการค้าและการลงทุนข้ามไขว้กันภายในภูมิภาคเป็นตัวช่วยชดเชยแก่ปัจจัยลบจากประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย
ในคำแถลงดังกล่าวซึ่งนำออกเผยแพร่หลังจบการประชุม ระบุว่า “บรรดารัฐมนตรีต่างชี้ว่า ยังมีปัญหา ความท้าทาย และความเสี่ยงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงเรื่องของวิกฤตหนี้ภาครัฐ และปัญหาทางการคลังต่างๆ ภายในตลาดที่พัฒนาแล้วหลายต่อหลายแห่ง อีกทั้งปัญหาระดับราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ยกระดับสูงขึ้น ตลอดจนความกดดันในตลาดการเงินก็ยังรุมเร้าอย่างต่อเนื่อง”
“ที่ประชุมเห็นพ้องว่าอาเซียนควรตื่นตัวเฝ้าระวังในยามที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงเหล่านี้”
ด้าน มารี ปังเกสตู รมว.พาณิชย์อินโดนีเซีย แถลงให้กำลังใจว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังอยู่ในฐานะที่ดี มีเรี่ยวแรงที่จะรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งน่าจะเรื้อร้งนานเป็นหลายปี
ในการนี้ อินโดนีเซียให้ข้อมูลสนับสนุนความแข็งแกร่งและทรหดของกลุ่มอาเซียนด้วยตัวเลขอัตราขยายตัวของการค้าภายในอาเซียนกันเองว่า มั่นคงด้วยอัตราโตถึง 32.9% หรือเท่ากับยอดมูลค่า 2.04 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2010 หลังจากที่เคยหดตัวมากถึง 19% ในปี 2009
ส่วนสำหรับการลงทุนทางตรงในกลุ่มอาเซียน มีอัตราขยายตัวเฉลี่ยที่ 19% ต่อปีในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา โดยเมื่อปี 2010 สามารถทำยอดมูลค่าได้ถึง 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าสถิติที่ดีที่สุดที่เคยทำไว้เมื่อช่วงก่อนเกิดวิกฤตปี 2007
อนึ่ง การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของกลุ่มอาเซียนครั้งนี้ ยังมีวาระที่บรรดารัฐมนตรีเศรษฐกิจและเจ้าหน้าที่อาวุโสจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย