ASTVผู้จัดการรายวัน – “ตัน อิชิตัน” ประเมินตลาดเครื่องดื่มปีนี้แข่งเดือด ทั้งรายเก่าและรายใหม่ ที่พร้อมกระโจนทำตลาด ชี้ตลาดแบ่งกลุ่มย่อยเฉพาะมากขึ้นชัดเจน ย้ำภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้น่าจะเป็นบวก แต่ต้องระวังปัจจัยลบให้ดี
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิชิตัน จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร แบรนด์ “ดับเบิ้ล ดริงค์” และชาเขียวพร้อมดื่ม “อิชิตัน” กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องดื่มในปีนี้คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำตลาด การส่งเสริมการขาย หรือการออกสินค้าตัวใหม่ แบรนด์ใหม่ ทั้งจากผู้ปะกอบการรายเดิมที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้วกับผู้เล่นรายใหม่ที่มองเห็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าเครื่องดื่ม
รวมไปถึงแนวโน้มของการแข่งขันที่จะมีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยหรือเป็นเซ็กเมนต์เตชันมากยิ่งขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงทั้งการแย่งช่องทางการจำหน่ายและการกระจายสินค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแย่งส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งปีที่แล้วรายใหญ่ถูกแย่งตลาดไปมาก และมีแนวโน้มอย่างมากว่าปีนี้แบรนด์ใหม่จะเปิดตัวมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้นายตันกล่าวด้วยว่า แม้ตลาดจะมีแนวโน้มดี แต่หากมองถึงปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็ยงคงมีเหมือนกัน โดยต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมนั้นชื่อว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกในปีนี้หรืออาจจะไม่หนักเท่าปีที่แล้ว เพราะว่าทุกฝ่ายก็ได้รับบทเรียนกันมามากเมื่อปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้พบว่าเริ่มมีการเตรียมแผนเพื่อตั้งรับไว้แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐที่จะต้องวางแผนการบริหารการจัดการน้ำที่ดี ส่วนภาคเอกชนเอง ก็มีการทบทวนแผนธุรกิจอย่างรอบด้านมากขึ้น เพื่อบริหารและป้องกันความเสี่ยง หากมีเหตุการณ์ผันผวนจากภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอีก
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดในปี55 นี้ยังมีหลายปัจจัยบวกที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคบยัตงมีอยู่ ทำให้สินค้านวัตกรรมมีโอกาสในการรุกตลดาดค่อนข้างสูง แม้ว่าจะเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อปลายปี 54 ที่ผ่านมา ที่ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกปีนี้ ก็ตาม
“ผมมองว่า ช่วงครึ่งปีแรกนี้ การใช้จ่ายเงินมี 2 ส่วนหลักคือ 1.ภาคประชาชน หรือ ผู้บริโภคที่มุ่งการจับจ่ายหรือให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากน้ำท่วม และ2. ภาคผู้ประกอบการธุรกิจ หรือ เจ้าของอุตสาหกรรม ที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักร เป็นต้น ซึ่งสวนใหญ่คงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ช่วงกลางปีนี้พร้อมกัน สอดคล้องกับผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ที่มีความพร้อมในการทำตลาดมากขึ้น”
เช่นเดียวกับบริษัทอิชิตันเองที่ต้องเลื่อนแผนการรุกตลาดและทำการส่งเสริมการขายไปเป็นช่วงกลางปีแทน จากแผนเดิมที่กำหนดทำตลาดในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมใหญ่เมือ่ปลายปีที่แล้วทำให้โรงงานที่นิคมมอุตสาหกรรมโรจนะได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่งผลให้ต้องใช้งบอีก 2,000 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ และคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมผลิตได้ในเดือนเมษายนนี้
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิชิตัน จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มน้ำสมุนไพร แบรนด์ “ดับเบิ้ล ดริงค์” และชาเขียวพร้อมดื่ม “อิชิตัน” กล่าวว่า ตลาดรวมเครื่องดื่มในปีนี้คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการทำตลาด การส่งเสริมการขาย หรือการออกสินค้าตัวใหม่ แบรนด์ใหม่ ทั้งจากผู้ปะกอบการรายเดิมที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้วกับผู้เล่นรายใหม่ที่มองเห็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าเครื่องดื่ม
รวมไปถึงแนวโน้มของการแข่งขันที่จะมีการแบ่งเป็นกลุ่มย่อยหรือเป็นเซ็กเมนต์เตชันมากยิ่งขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงทั้งการแย่งช่องทางการจำหน่ายและการกระจายสินค้ามากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแย่งส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการรายเดิมซึ่งปีที่แล้วรายใหญ่ถูกแย่งตลาดไปมาก และมีแนวโน้มอย่างมากว่าปีนี้แบรนด์ใหม่จะเปิดตัวมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้นายตันกล่าวด้วยว่า แม้ตลาดจะมีแนวโน้มดี แต่หากมองถึงปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็ยงคงมีเหมือนกัน โดยต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมนั้นชื่อว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกในปีนี้หรืออาจจะไม่หนักเท่าปีที่แล้ว เพราะว่าทุกฝ่ายก็ได้รับบทเรียนกันมามากเมื่อปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้พบว่าเริ่มมีการเตรียมแผนเพื่อตั้งรับไว้แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐที่จะต้องวางแผนการบริหารการจัดการน้ำที่ดี ส่วนภาคเอกชนเอง ก็มีการทบทวนแผนธุรกิจอย่างรอบด้านมากขึ้น เพื่อบริหารและป้องกันความเสี่ยง หากมีเหตุการณ์ผันผวนจากภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอีก
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดในปี55 นี้ยังมีหลายปัจจัยบวกที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคบยัตงมีอยู่ ทำให้สินค้านวัตกรรมมีโอกาสในการรุกตลดาดค่อนข้างสูง แม้ว่าจะเพิ่งผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ไปเมื่อปลายปี 54 ที่ผ่านมา ที่ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกปีนี้ ก็ตาม
“ผมมองว่า ช่วงครึ่งปีแรกนี้ การใช้จ่ายเงินมี 2 ส่วนหลักคือ 1.ภาคประชาชน หรือ ผู้บริโภคที่มุ่งการจับจ่ายหรือให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากน้ำท่วม และ2. ภาคผู้ประกอบการธุรกิจ หรือ เจ้าของอุตสาหกรรม ที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนปรับปรุงโรงงานและเครื่องจักร เป็นต้น ซึ่งสวนใหญ่คงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ช่วงกลางปีนี้พร้อมกัน สอดคล้องกับผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ที่มีความพร้อมในการทำตลาดมากขึ้น”
เช่นเดียวกับบริษัทอิชิตันเองที่ต้องเลื่อนแผนการรุกตลาดและทำการส่งเสริมการขายไปเป็นช่วงกลางปีแทน จากแผนเดิมที่กำหนดทำตลาดในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมใหญ่เมือ่ปลายปีที่แล้วทำให้โรงงานที่นิคมมอุตสาหกรรมโรจนะได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่งผลให้ต้องใช้งบอีก 2,000 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ และคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมผลิตได้ในเดือนเมษายนนี้