xs
xsm
sm
md
lg

"เสี่ยตัน อิชิตัน" ประกาศมอบรายได้จากยอดขายหนังสือ "วิถี(ไม่)ตัน" ให้เหยื่อน้ำท่วมทุกบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เสี่ยตัน อิชิตัน" ประกาศมอบรายได้จากการขายหนังสือ "วิถี(ไม่)ตัน" ให้เหยื่อน้ำท่วมทุกบาททุกสตางค์ เจ้าตัวลั่นแม้โรงงานที่โรจนะจมน้ำเสียหายกว่า 2 พันล้าน แต่ยังไม่หมดกำลังใจ ขอสู้ต่อ บอกเห็นใจผู้ประสบภัยอย่างที่สุด ฝากกำลังใจให้อย่าท้อถอย ชี้แค่อย่าหมดหวังทุกอย่างสร้างใหม่ได้

เป็นคนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาโดยตลอด แต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้ "ตัน ภาสกรนที" เจ้าพ่อชาเขียวแบรนด์ อิชิตัน จะกลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง เมื่อโรงงานของเจ้าตัวในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะถูกน้ำท่วมเสียหายนับ 2 พันล้าน จนต้องนับหนึ่งใหม่ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ในงานเปิดตัวหนังสือ “วิถี(ไม่)ตัน” ของเจ้าตัว ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ "เสี่ยตัน" ได้ประกาศในงานว่า ยอดจากการขายหนังสือทุกบาททุกสตางค์ขอมอบให้กับเหยื่อน้ำท่วมทั้งหมด

"หนังสือเล่มนี้เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ผมได้พบเจอมาจากการทำธุรกิจ โดยเฉพาะรุ่งเรืองและประสบการณ์จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว จากธรรมชาติ จากวิกฤต จากปัญหาต่างๆ ก็เก็บไว้เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ให้คนอื่นไปเป็นกำลังใจ อย่างที่บอกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ให้มีความหวัง ผมเชื่อเขาก็สามารถทำได้ สามารถผ่านปัญหาไปได้ ส่วนใหญ่แล้วทุกคนเวลามีปัญหาแล้วจะงง หาแต่ทางออก จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีความรู้หรือคำตอบให้ แต่ให้คุณมีความเชื่อแล้วความหวังอย่างที่ผมมีอยู่"

"ที่ผมทำเองอยู่นี่เป็นหนังสือเล่มที่ 2 แล้วครับ ใช้เวลาทำนานมาก ปกติก็เป็นปีนะ ผมว่าอย่างน้อยก็เน้นเรื่องกำลังใจ มีความหวัง แค่นี้ผมก็คิดว่าน่าจะใช่แล้ว ในมุมมองของผมนะ ผมก็เอาตัวผมเป็นหลัก เวลาผมท้อแท้ ผมก็จะอ่านหนังสือ จำคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่นมาให้กำลังใจตัวเอง อยู่ที่เราคิดบวก"

รายได้จากการขายหนังสือทั้งหมดมอบให้การกุศล

"ส่วนที่ผมได้ค่าลิขสิทธิ์ก็มอบให้หมดเหมือนกัน เพราะมันเป็นเงินของคนอื่นอยู่แล้วไม่ใช่เงินของผม ผมไม่เอาแม้แต่บาทเดียวครับ ทุกบาททุกสตางค์ก็มอบให้การกุศลหมด"

ส่วนโรงงานที่โรจนะที่จมบาดาลไปแล้ว "เสี่ยตัน" บอกตนเองยังดีที่มีทุน เริ่มต้นใหม่ได้ ยังโชคดีกว่าชาวบ้านที่ไม่เหลืออะไรเลย ย้ำอยากให้คนไทยช่วยเหลือกัน

"ผมสบายดีครับ ก็..โดนมาก แต่ไม่หนักเท่าคนอื่น เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่ไม่มีอะไร จริงๆ อย่างเมื่อตอนที่ผมออกจากโรงงาน เห็นเลยว่า โอ..คนอื่นหนักกว่าเราเยอะ เขาไม่มีอะไรจริงๆ นะครับ อย่าถามผมว่าโรงงานผมเท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่จะฟื้น คือไม่รู้ แล้วก็ทิ้งไว้ก่อน"

"ผมรู้สึกว่านาทีนี้ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศ ไม่มีรัฐบาล ฝ่ายค้าน ช่องไหนเป็นช่องไหน ไม่มีการโยนภาระให้รัฐบาล ทหาร มูลนิธิ หรือให้คนอื่น เราต้องการแรงจากคนไทยทั้งประเทศที่ลุกขึ้นมาให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนกว่าน้ำจะลงหรือจนกระทั่งเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้จริงๆ เพราะถึงแม้คุณจะไม่ท่วม แต่ความเดือดร้อนก็ไปถึงคุณอยู่ดี"

"ทุกครั้งที่เกิดความเสียหาย มันเกิดการเรียนรู้ครั้งใหม่เสมอ ผมโดนก่อน อีกมุมหนึ่งผมอาจจะโชคร้าย อีกมุมคือผมได้เรียนรู้ใหม่ (แสดงว่าตอนนี้กำลังใจดีอยู่?) โอ้.. ดีมาก อย่างที่บอก ผมยังมีทุน มีกำลังใจ มีครอบครัว มีบ้าน แต่คนอื่นไม่มี เมื่อวานนี้เมียผม กินข้าวด้วยกันยังหัวเราะได้อยู่ เพราะมันหมดแล้ว จบแล้ว เดี๋ยวก็ทำใหม่ สิ่งที่ผมเสียคือเวลา เงินมันก็ไปๆ มาๆ มีเพิ่มขึ้นลดลงก็ไม่เป็นไร ไม่ได้มีสาระสำคัญ"

แม้ตัวเองจะเสียหายหนักแต่ยังไม่ย่อท้อในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป

"เดี๋ยวผมจะไปลพบุรี ที่ร้านอาหารชายทะเลของผมเอง ให้เขาทำอาหารทุกวัน วันละ 2,000 กล่อง จนผมรู้สึกว่าชาวบ้านไม่เดือดร้อนแล้วผมก็จะหยุด"

"เดี๋ยวจะมีเขียนลงเฟซบุ๊คตันไม่ตันครับ ตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องของน้ำท่วม ตอนที่เข้าไปดูในโรงงาน ตอนเข้ากับตอนออกมันเห็นสัจธรรมหลายอย่างที่เราไม่เคยพบเจอ ทุกอย่าง เห็นงูกินหนู เห็นตะขาบ เห็นพนักงานนอนกับพื้น ผมเคยลำบากนอนมาทีหนึ่งแล้ว แต่พอกลับมานอนอีก เอาข้าวสารมาเป็นหมอนเนี่ย โชคดีเราเคยลำบากมาก่อน ถ้าผมสบายมาตลอด ตอนที่นอนโรงงานคงมีแต่ความทุกข์ ผมมีความสุขที่ผมเคยได้นอนแบบไม่มีที่นอนหนาๆ ไม่มีแอร์ ใช้มุ้ง ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว คุ้มค่ามาก"

"ผมเข้าโรงงานช้าไปครึ่งชั่วโมงครับ แต่ก็เข้าไป อย่างน้อยที่สุดถึงแม้ผมจะเข้าไปไม่ทันเห็นตอนที่มันพัง แต่ผมก็ไปถึงแล้ว และผมก็อยู่พร้อมกับสิ่งที่มันพังไป อยู่กับพนักงาน กินข้าวพร้อมกับพนักงานทุกคนที่มาช่วยสู้กันน้ำ เราออกมาพร้อมกันทุกคน ปลอดภัยทุกคน สิ่งที่ผมยืนยันคือไม่มีพนักงานคนไหนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เงินเสียไปเดี๋ยวก็หามาใหม่"

ทิ้งท้ายให้กำลังใจคนอื่นที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้

"ตราบใดที่เรายังไม่เสียชีวิต ขอให้เราเชื่อและมีความหวัง ผมเชื่อว่าทุกคนตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดไม่ใช่ถุงยังชีพ ไม่ใช่ข้าวกล่อง ไม่ใช่น้ำด้วย มากกว่านั้นคือกำลังใจ ทำให้เกิดความหวังว่าเขาสามารถอยู่ได้ ผมอยากให้ทุกคนออกมาแสดงพลังพร้อมๆ กัน ผ่านวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดครั้งนี้ หนักหนาที่สุดของประเทศเราแล้ว อย่ารอเลย ลองไปเห็นกับตาซักครั้งหนึ่ง แล้วคุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดครับ"

ตัน ภาสกรนที สมกอด ภรรยาสุดรัก อิง สุนิสา ภาสกรนที


กำลังโหลดความคิดเห็น