>> หลายคนคงทราบข่าวการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการกลายเป็นผู้ประสบภัยเสียงเอง ของ “เสี่ยตัน อิชิตัน” หรือ “ตัน ภาสกรนที” ครั้งได้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ” กิ๊ฟ-วริษา ภาสกรนที” เจ้าของร้าน “แซ่บอีลี่” ลูกสาวคนเก่งของเสี่ยตัน เธอในฐานะลูกสาวได้เผยความรู้สึกระหว่างคุณพ่อตอนอยู่โรงงาน ที่นิคมโรจนะ รวมถึงผลกระทบที่ได้รับในช่วงน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้
“ตอนนั้นทุกคนรออยู่ที่บ้านด้วยความเป็นห่วง เพราะพ่อไม่ยอมกลับ บอกว่าจะอยู่จนพนักงานที่โรงงานออกหมดก่อน คุณพ่อบอกว่าน้ำมาเร็วมาก จากแค่ตาตุ่มแป๊บเดียวก็ถึงเอวแล้ว ตอนนั้นพวกเราที่อยู่ที่บ้านก็เป็นห่วงกันมากๆ กลัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมกลับ จะอยู่ที่นั่น
ระหว่างที่รอ พวกเราก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน รอคุณพ่ออย่างเดียว เพราะพ่อตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ต่อ ตอนนั้นกิ๊ฟคิดอยู่ว่าถ้าพ่อกลับมาบ้านเราจะทำหน้ายังไง จะให้กำลังใจยังไงดี แต่พอพ่อกลับมาแล้วก็เห็นว่าเขากำลังใจดีมากๆ เข้มแข็ง ยิ้มแย้ม พวกเราก็ดีใจมากวิ่งเข้าไปกอดพ่อ บอกรักพ่อค่ะ”
ถึงแม้ตอนนี้บ้านที่กรุงเทพฯ ของเธอจะยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่สำหรับน้องกิ๊ฟก็ขอเตรียมใจมากกว่าอย่างอื่น “บ้านอยู่ย่านรามคำแหงค่ะ ซึ่งอยู่ในเขตเสี่ยงภัยน้ำท่วมเหมือนกัน แต่ที่บ้านก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เพราะไม่ได้มีของมากมาย ก็แค่ยกของสำคัญขึ้นชั้นสอง กระสอบทรายอะไรก็ไม่ได้เตรียม เพราะถ้าน้ำจะมาก็ต้องมา ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคนเตรียมใจไว้มากกว่า”
ส่วนผลกระทบกับธุรกิจร้านอาหารนั้น ก็มีบ้างเช่นกัน แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัย “สำหรับตัวกิ๊ฟเอง ผลกระทบที่มีก็เป็นเรื่องเล็กๆ ค่ะ คือปิดร้านแซ่บอีล่า ที่เอสพลานาด รัชดา ถึงน้ำจะไม่ท่วม แต่พนักงานเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม อยากกลับบ้านกันมากกว่า ส่วนพนักงานที่เหลือก็มาอยู่ที่แซ่บอีลี่แทน เพราะที่นี่ยังเปิด และใช้เป็นที่หุงข้าว ทำอาหารไปแจกผู้ประสบภัยที่หัวหมาก บางครั้งกิ๊ฟก็ติดตามคุณพ่อไปช่วยผู้ประสบภัยบ้างเหมือนกันค่ะ มีอะไรที่พอทำได้ก็ทำ เล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี”
“ตอนแรกกิ๊ฟก็เครียดเรื่องน้ำท่วมเหมือนกันนะ แต่ก็คิดว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ถ้าน้ำจะท่วมก็ให้มันท่วมไป เสียใจได้แต่อย่าเสียใจนานเกินไป เราต้องรีบลุกขึ้นมา อย่าไปจมกับความทุกข์ เราเริ่มต้นใหม่ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีค่ะ” วริษาทิ้งท้ายไปพร้อมๆ กับให้กำลังใจผู้ที่กำลังประสบอุทกภัย :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
“ตอนนั้นทุกคนรออยู่ที่บ้านด้วยความเป็นห่วง เพราะพ่อไม่ยอมกลับ บอกว่าจะอยู่จนพนักงานที่โรงงานออกหมดก่อน คุณพ่อบอกว่าน้ำมาเร็วมาก จากแค่ตาตุ่มแป๊บเดียวก็ถึงเอวแล้ว ตอนนั้นพวกเราที่อยู่ที่บ้านก็เป็นห่วงกันมากๆ กลัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมกลับ จะอยู่ที่นั่น
ระหว่างที่รอ พวกเราก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน รอคุณพ่ออย่างเดียว เพราะพ่อตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ต่อ ตอนนั้นกิ๊ฟคิดอยู่ว่าถ้าพ่อกลับมาบ้านเราจะทำหน้ายังไง จะให้กำลังใจยังไงดี แต่พอพ่อกลับมาแล้วก็เห็นว่าเขากำลังใจดีมากๆ เข้มแข็ง ยิ้มแย้ม พวกเราก็ดีใจมากวิ่งเข้าไปกอดพ่อ บอกรักพ่อค่ะ”
ถึงแม้ตอนนี้บ้านที่กรุงเทพฯ ของเธอจะยังไม่ถูกน้ำท่วม แต่สำหรับน้องกิ๊ฟก็ขอเตรียมใจมากกว่าอย่างอื่น “บ้านอยู่ย่านรามคำแหงค่ะ ซึ่งอยู่ในเขตเสี่ยงภัยน้ำท่วมเหมือนกัน แต่ที่บ้านก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เพราะไม่ได้มีของมากมาย ก็แค่ยกของสำคัญขึ้นชั้นสอง กระสอบทรายอะไรก็ไม่ได้เตรียม เพราะถ้าน้ำจะมาก็ต้องมา ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคนเตรียมใจไว้มากกว่า”
ส่วนผลกระทบกับธุรกิจร้านอาหารนั้น ก็มีบ้างเช่นกัน แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัย “สำหรับตัวกิ๊ฟเอง ผลกระทบที่มีก็เป็นเรื่องเล็กๆ ค่ะ คือปิดร้านแซ่บอีล่า ที่เอสพลานาด รัชดา ถึงน้ำจะไม่ท่วม แต่พนักงานเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม อยากกลับบ้านกันมากกว่า ส่วนพนักงานที่เหลือก็มาอยู่ที่แซ่บอีลี่แทน เพราะที่นี่ยังเปิด และใช้เป็นที่หุงข้าว ทำอาหารไปแจกผู้ประสบภัยที่หัวหมาก บางครั้งกิ๊ฟก็ติดตามคุณพ่อไปช่วยผู้ประสบภัยบ้างเหมือนกันค่ะ มีอะไรที่พอทำได้ก็ทำ เล็กๆน้อยๆ ก็ยังดี”
“ตอนแรกกิ๊ฟก็เครียดเรื่องน้ำท่วมเหมือนกันนะ แต่ก็คิดว่ามันไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ถ้าน้ำจะท่วมก็ให้มันท่วมไป เสียใจได้แต่อย่าเสียใจนานเกินไป เราต้องรีบลุกขึ้นมา อย่าไปจมกับความทุกข์ เราเริ่มต้นใหม่ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีค่ะ” วริษาทิ้งท้ายไปพร้อมๆ กับให้กำลังใจผู้ที่กำลังประสบอุทกภัย :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
