xs
xsm
sm
md
lg

จี้ให้นร.หญิงใส่ชุดตามศาสนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวลา 10.30 น.วานนี้ (10 ม.ค.) กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติและองค์กรเครือข่ายประมาณ 400 คน เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลและเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ทำเอกสารยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า “การแต่งกายคลุมฮิญาบของนักเรียนหญิงมุสลิม เป็นการแต่งกายที่ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ โดยไม่ขัดแย้งกับระเบียบของโรงเรียนแต่อย่างใด และให้มีเอกสารยืนยันว่า “นักเรียนหญิงมุสลิมสามารถคลุมฮิญาบเช่นเดียวกันนี้เข้าโรงเรียนได้ทั่วทั้งประเทศ โดยไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับระเบียบของโรงเรียนต่างๆ แต่อย่างใด” และให้มีการดำเนินการทางวินัยกับผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวโดยด่วนที่สุด เนื่องจากกรณีปัญหาที่โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก พยายามขัดขวางการคลุมฮิญาบเข้าเรียนในโรงเรียนตามปกติของน.ส.อาทิตยา สุไลมาน เด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 คนหนึ่ง ซึ่งกรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2553 จนปัญหาบานปลายส่งผลให้เด็กนักเรียนคนดังกล่าวต้องยุติการเรียนมา 1 เทอม และทำให้การเรียนล่าช้า ในขณะที่เธอใกล้จะจบมัธยมปลายเพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อก้อนอิฐขึ้นเป็นกำแพงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเห็นว่ากำแพงนี้ต้องทุบเนื่องจากทุกคนมีความเท่าเทียมกันในสังคม
จากนั้นเวลา 11.30 น. นายยงยศ เกตุเลขา แกนนำกลุ่ม ได้นำตัวเด็กนักเรียนคนดังกล่าวมายังตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล และได้พบกับนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เลขาธิการ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที
โดยนายวรวัจน์ กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เจตนารมณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ ต้องเรียนว่าโดยภารกิจของกระรวงศึกษาธิการเราจัดภารกิจเพื่อการเรียนการสอนให้กับทุกคนที่เป็นคนไทยไม่ว่าจะเป็นชาติศาสนาใดเราก็จัดทำอย่างเท่าเทียมกัน แต่การเรียนการสอนเป็นเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งตนพึ่งจะรับทราบเรื่องนี้ และได้มอบหมายให้เลขา สพฐ.รับเรื่องดังกล่าวไปดูแลโรงเรียนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการแต่งกายตามหลักศาสนาของนักเรียนมุสลิมทั้งหมด เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ทางกระทรวงจะรับเรื่องเอาไว้และจะแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และจะดูแลให้ดีที่สุด
ด้านนายชินภัทร กล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะว่าเราต้องยึดมั่นในภารกิจของการศึกษาที่จะพัฒนาเด็กของเราให้มีอนาคตและเป็นกำลังของประเทศชาติ ซึ่งโดยหลักทางสังคมแล้วเราไม่ได้มีการแบ่งแยก เพราฉะนั้นโรงเรียนของเราไม่เลือกปฏิบัติเด็กนักเรียนไม่ว่าจะมาจากภูมิหลังอย่างไรก็ตาม โรงเรียนไม่มีหน้าที่จะเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้จรรยาบรรณของครูก็จะต้องปฏิบัติต่อเด็กด้วยความรักและปรารถนาดี ซึ่งทางสพฐ.ได้ประสานงานเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่การดำเนินการอาจจะมีปัญหาอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งล่าสุดรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สพฐ.มาดูแลและคลี่คลายปัญหานี้โดยตรง ซึ่งเมื่อวานนี้ตนก็ได้ลงพื้นที่และได้พูดคุยกับนายยงยศ เกตุเลขา ซึ่งเป็นตัวแทน โดยได้ข้อสรุปในการดำเนินการ 3 ข้อ คือ1. มอบให้ทางผู้อำนายการโรงเรียน ได้มีการประชุมชี้แจงคณะครูในโรงเรียน ให้ปฏิบัติหน้าที่ภารกิจทางด้านการศึกษาแล้วก็ชี้แจงให้ทราบว่าการแต่งกายตามหลักศาสนาของนักเรียนไม่ได้ขัดต่อระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ 2.มอบให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนมีหนังสือตอบข้อซักถามจากนางสาวอาทิตยา เกี่ยวกับเรื่องการแต่งกาย เพื่อให้มีความชัดเจนว่าการแต่งกายตามหลักศาสนาไม่ได้ขัดต่อระเบียบการแต่งกายของกระทรวงศึกษาธิการ 3. ให้โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ตารางสอนที่เหมาะสมจัดทำขึ้นเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อให้นางสาวอาทิตยาได้มีโอกาสในการเรียนจบเหมือนเพื่อนนักเรียนทุกคนต่อไป ทั้งนี้เราจะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุดและเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับรัวความดูแลอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นขอให้ทุกคนมั่นใจ และสบายใจ มีอะไรก็ของให้ใช้เหตุใช้ผล อย่าได้ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น