ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตาเทรนด์เครื่องดื่มปี 55 ดาวรุ่งแจ้งเกิด ดาวร่วงปรับกลยุทธ์การตลาด ขนนวัตกรรมแก้เกี้ยว พิษน้ำท่วมกระทบพฤติกรรมการดื่ม กำลังการซื้อจำกัด คนไทยเจียดเงินซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ “นม-น้ำผลไม้”มาแรง วงการน้ำเมาหวั่นปัจจัยการเมือง คลื่นใต้น้ำรอวันปะทุกระทบตลาดซบ ส่วนตลาดชาเขียว 3 ค่าย”โออิชิ อิชิตัน มิเรอิ” เปิดศึกแข่งเดือด
ปีเถาะหรือปี 2554 ที่ผ่านพ้นไป มีปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับวงการเครื่องดื่มมากมาย โดยเฉพาะปัจจัยสภาพอากาศที่อยู่ๆ ก็แปรปรวน ฤดูร้อนมีระยะเวลาสั้นลง จากปกติอากาศต้องร้อนเดือนมีนาคม แต่ปรากฎว่าอากาศดันร้อนในช่วงเดือนเมษายน พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคมก็เริ่มฤดูฝนทันที ขณะที่ต้นปี ช่วงเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ สภาพอากาศกลับมาหนาวอย่างน่าตกใจ ส่งผลให้เครื่องดื่มหลายตัวไม่เติบโตมากเท่าที่ควรจะเป็น
พอเข้าสู่ไตรมาส 4 ตลาดเครื่องดื่มก็ต้องผจญกับวิกฤติน้ำท่วม โรงงานต่างๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียวโออิชิ อิชิตัน ก็โดนน้ำท่วม โรงงานเสริมสุข ผู้ผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่ น้ำดื่มคริสตัล หรือกระทั่งค่ายสิงห์ อย่างเบียร์และน้ำดื่มสิงห์ ขณะที่บางโรงงานไม่โดนน้ำท่วม แต่ก็ประสบกับปัญหาการกระจายสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าหลายแห่งโดนน้ำท่วม ถนนถูกตัดขาด ทำให้มีสินค้าก็ไม่สามารถกระจายสินค้าได้ทันตามความต้องการของตลาด
และเมื่อเข้าสู่ปีมังกรของวงการเครื่องดื่มในประเทศไทย ตลาดจะเติบโตหรือไม่นั้น ปัจจัยหลักคงมาจากสภาพอากาศที่ร้อน หรือกระทั่งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ชวนให้นักดื่มได้ลิ้มลอง รวมไปถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่มีอยู่น้อยนิด หลังจากต้องฝ่าวิกฤติน้ำท่วม กระแสสุขภาพที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มในปีมังกร ซึ่งตลาดไหนจะเป็นดาวรุ่งหรือร่วง จะปรับเกมการตลาดกันอย่างไร คงต้องจับตาดูกันต่อไป
***เช็ปเป้เร่งปลุกฟังก์ชันนัลดริงก์***
ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”ฟังก์ชันนัลดริงก์”เป็นเครื่องดื่มที่มีความโดดเด่นอย่างมากในวงการเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยมีหลากหลายค่ายต่างเฮโลกระโดดลงมาเล่นในตลาด ไม่ว่าจะเป็น บิวติ ดริ้งค์ ผู้นำตลาด บีอิ้ง จากค่ายเบียร์สิงห์ หรือกระทั่งภายใต้บังเหียนของบริษัทโอสถสภา ก็อัดงบการตลาดอย่างหนัก
ปลุกปั้นเปปทีนแจ้งเกิด และส่งน้องใหม่อีโมเนอร์จี้,แซซซี่ ลงตลาด ก็เพราะด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 100% เป็นที่เย้ายวนใจนั่นเอง
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลเช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลในปี 2555 ว่า ในฐานะผู้นำตลาดมูลค่า 2,000ล้านบาท อย่าง”เช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” ด้วยการครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% มองว่า
สภาพตลาดฟังก์ชันนัล คาดว่าอยู่ในภาวะที่ทรงตัวเหมือนเช่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2554 กับ ปี 2555 ตลาดไม่มีการเติบโตมากนัก ซึ่งนับว่าเป็นปีที่สองแล้วที่ตลาดเริ่มนิ่ง
ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมของคนไทยคุ้นเคยกับเครื่องดื่มดังกล่าว โดยมีการป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการดื่ม มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งทางด้านความสวยความงาม ช่วยในระบบขับถ่าย สายตา หรือกระทั่งสมอง ทำให้ไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่แปลกใหม่อีกต่อไป จากที่ผ่านมามองว่าเป็นเครื่องดื่มใหม่ในวงการ ซึ่งการทำให้ตลาดเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ต้องมีการแตกเซกเมนต์แยกย่อย หรือสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ
“นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท แม้ว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์จะเริ่มนิ่ง แต่ภายใต้ทรัพย์อนันต์ ยังคงโฟกัสการดำเนินธุรกิจฟังก์ชันนังดริงก์เป็นเรือธงหลัก ซึ่งปี 2555 จะมีเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลใหม่ๆ เปิดตัวอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำและรักษาบัลลังก์ผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายตลาดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
***น้ำท่วมปรับพฤติกรรมดื่มนม-น้ำผลไม้***
ในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา ตลาดน้ำผลไม้คึกคักอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% จากการที่มีค่ายใหญ่โค้ก ซึ่งมี”มินิทเมด แสปช”เป็นหัวหอกหลักทำตลาด และค่ายสีน้ำเงิน เป๊ปซี่ ปลุกปั้น“ทวิสเตอร์”ไล่บี้มินิทเมด กระทั่งความร้อนแรงของน้ำผลไม้ซูเปอร์ อีโคโนมี ดับความร้อนแรงน้ำผลไม้เซกเมนต์อื่นๆ ไปอย่างถนัดตา ทว่าปี 2555 เจ้าตลาดน้ำผลไม้พรีเมียม“ทิปโก้”ถึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า ให้จับตานวัตกรรมใหม่ ทั้งแพกเกจจิ้ง วัตถุดิบ ในตัวของสินค้า เรียกได้ว่า เป็นการปฏิวัติวงการน้ำผลไม้ 100% เลยก็ว่าได้
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี
จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ กล่าวถึงาภาพรวมตลาดเครื่องดื่มว่า หลังจากที่ประเทศไทยโดยภัยน้ำท่วมใหญ่ในช่วงเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง ดังนั้นพฤติกรรมการซื้อเครื่องดื่มจะเปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาซื้อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะนมพร้อมดื่มและน้ำผลไม้ จะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกในอันดับต้นๆ และคาดว่าอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยจะกลับมาช่วงครึ่งปีหลัง
และในฐานะเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% กล่าววิเคราะห์ตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 7,000 ล้านบาทว่า ปี 2555 ตลาดจะกลับมามีอัตราการเติบโต 20% หลังจากเมื่อ 2554 ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ทำให้ตลาดน้ำผลไม้ที่คาดว่าเติบโต 15% กลับโตเพียง 10% โดยตลาดน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% หรือซูเปอร์อีโคโนมี มีมูลค่า 1,500ล้านบาท จะแข่งขันกันอย่างรุนแรงทั้งในเซกเมนต์เดียวกัน และข้ามแคธิกอรี่ชาเขียวพร้อมดื่มและฟังก์ชันนัลดริงก์ เนื่องจากผู้บริโภคจะสวิตช์ดื่มเครื่องดื่มใน 3 ตลาดนี้ โดยมีโปรโมชันกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้ 100% หรือมูลค่า 3,500 ล้านบาท นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2555 ทิปโก้จะปลุกปั้นนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านวัตถุดิบ แพกเกจจิ้ง หรือเรียกว่าเป็นการพลิกหน้าใหม่ของตลาดน้ำผลไม้ 100% ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงหน้าร้อน หรือไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 47% อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้ 100%ยังคงเป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ เป็นหลัก
***อากาศร้อนน้ำอัดลมปี55 โต 5%***
ในปี 2554 ตลาดน้ำอัดลมผจญกับหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นต้นปี อากาศไม่เป็นใจอย่างที่คิด อากาศหนาวต้นเดือนมกราคม ลากยาวไปถึงมีนาคม ขณะที่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนหรือไฮซีซั่นของเครื่องดื่มน้ำอัดลม อากาศดันแปรปรวนมีฝนตกชุก พอทิ้งท้ายปลายปี ช่วงเดือนกันยายนยันมาถึงต้นเดือนธันวาคม ประเทศไทยประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่รอบ 50 ปีโรงงานน้ำอัดลมต่างๆ โดนน้ำท่วม การกระจายสินค้าประสบกับปัญหา นับว่าเป็นมรสุมหนักอึ้งสำหรับตลาดน้ำอัดลมในปีเถาะกันเลยทีเดียว
แหล่งข่าววงการเครื่องดื่มน้ำอัดลม กล่าวว่า ในปี 2554 ปัจจัยลบที่รุมเร้าตลาดน้ำอัดลม ส่งผลให้ตลาดมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ติดลบ 3% ซึ่งนับว่าเป็นการติดลบครั้งแรกในหลายปี สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำอัดลมในปี 2555 ปัจจัยหลักยังคงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากอากาศร้อนก็จะผลักดันให้ตลาดกลับมาเติบโต 5% นับว่าเป็นการเติบโตปกติของน้ำอัดลมที่เติบโตโดยเฉลี่ย 5%
“เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกระทบต่อตลาดน้ำอัดลมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอายุ 30ปีขึ้นไป หันไปดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าดื่มน้ำอัดลม ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากนัก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวยังเป็นฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น”
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม คงไม่หวือหวา เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆ มากนัก นอกเหนือจากการเปิดตัวรสชาติใหม่ที่ออกมาสร้างสีสันในช่วงหน้าร้อน จากนั้นก็จะทยอยนำสินค้าออกจากตลาดไป
***น้ำเมาหวั่นปัจจัยการเมืองปี55***
ช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะไตรมาส 4 น้ำเมาสูญเสียโอกาสทางการตลาดไปอย่างหน้าใจหาย เพราะด้วยวิกฤตน้ำท่วมหนักในรอบ 50ปี ทำให้ตลาดอย่างเบียร์มูลค่า 8หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตแต่กลับสวนทางติดลบ เพราะด้วยบรรยายกาศที่ไม่เอื้อต่อการเฉลิมฉลองปีใหม่ พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ร่วมกับเทศกาล กำลังการซื้อลดลง เพราะต้องนำเงินไปซ่อมแซมบ้าน ทว่าในปี 2555 ผู้ประกอบการเบียร์ก็หวั่นปัจจัยลบต่างๆ นานา ที่คาดเดามิได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์ของประเทศไทยขึ้นอยู่กับการเมือง ซึ่งมีคลื่นใต้น้ำตลอดเวลา
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น กล่าวว่า สภาพตลาดเบียร์ 8 หมื่นล้านบาท ในปี 2555 ในช่วงไตรมาสแรก คาดว่าจะตลาดยังซบเซาต่อเนื่องมาจากไตรมาส 4 ของปี 2554 และมั่นใจว่าตลาดน่าจะกลับมาคึกคักไตรมาส 2
ตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือเฉลิมฉลองปีใหม่ไทย ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดจะดีหรือไม่นั้น ส่วนสำคัญขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พลิกผันและเป็นคลื่นใต้น้ำพร้อมจะระอุอยู่ทุกเมื่อ
“แนวโน้มตลาดเบียร์ในประเทศไทย ในปี 2555 มีความเป็นไปได้น้อยที่จะมีเบียร์เซกเมนต์ใหม่ๆ แจ้งเกิด เนื่องจากคนไทยไม่ได้มีวัฒนธรรมการดื่มเบียร์เช่นเดียวกับทางยุโรป ทำให้การแตกเซกเมนต์ใหม่ของเบียร์เป็นไปได้ยาก” นายปริญ กล่าวทิ้งท้าย
ปีเถาะหรือปี 2554 ที่ผ่านพ้นไป มีปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับวงการเครื่องดื่มมากมาย โดยเฉพาะปัจจัยสภาพอากาศที่อยู่ๆ ก็แปรปรวน ฤดูร้อนมีระยะเวลาสั้นลง จากปกติอากาศต้องร้อนเดือนมีนาคม แต่ปรากฎว่าอากาศดันร้อนในช่วงเดือนเมษายน พอเข้าสู่เดือนพฤษภาคมก็เริ่มฤดูฝนทันที ขณะที่ต้นปี ช่วงเดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ สภาพอากาศกลับมาหนาวอย่างน่าตกใจ ส่งผลให้เครื่องดื่มหลายตัวไม่เติบโตมากเท่าที่ควรจะเป็น
พอเข้าสู่ไตรมาส 4 ตลาดเครื่องดื่มก็ต้องผจญกับวิกฤติน้ำท่วม โรงงานต่างๆ หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียวโออิชิ อิชิตัน ก็โดนน้ำท่วม โรงงานเสริมสุข ผู้ผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่ น้ำดื่มคริสตัล หรือกระทั่งค่ายสิงห์ อย่างเบียร์และน้ำดื่มสิงห์ ขณะที่บางโรงงานไม่โดนน้ำท่วม แต่ก็ประสบกับปัญหาการกระจายสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าหลายแห่งโดนน้ำท่วม ถนนถูกตัดขาด ทำให้มีสินค้าก็ไม่สามารถกระจายสินค้าได้ทันตามความต้องการของตลาด
และเมื่อเข้าสู่ปีมังกรของวงการเครื่องดื่มในประเทศไทย ตลาดจะเติบโตหรือไม่นั้น ปัจจัยหลักคงมาจากสภาพอากาศที่ร้อน หรือกระทั่งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ชวนให้นักดื่มได้ลิ้มลอง รวมไปถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่มีอยู่น้อยนิด หลังจากต้องฝ่าวิกฤติน้ำท่วม กระแสสุขภาพที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มในปีมังกร ซึ่งตลาดไหนจะเป็นดาวรุ่งหรือร่วง จะปรับเกมการตลาดกันอย่างไร คงต้องจับตาดูกันต่อไป
***เช็ปเป้เร่งปลุกฟังก์ชันนัลดริงก์***
ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”ฟังก์ชันนัลดริงก์”เป็นเครื่องดื่มที่มีความโดดเด่นอย่างมากในวงการเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยมีหลากหลายค่ายต่างเฮโลกระโดดลงมาเล่นในตลาด ไม่ว่าจะเป็น บิวติ ดริ้งค์ ผู้นำตลาด บีอิ้ง จากค่ายเบียร์สิงห์ หรือกระทั่งภายใต้บังเหียนของบริษัทโอสถสภา ก็อัดงบการตลาดอย่างหนัก
ปลุกปั้นเปปทีนแจ้งเกิด และส่งน้องใหม่อีโมเนอร์จี้,แซซซี่ ลงตลาด ก็เพราะด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 100% เป็นที่เย้ายวนใจนั่นเอง
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลเช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กล่าวถึงแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลในปี 2555 ว่า ในฐานะผู้นำตลาดมูลค่า 2,000ล้านบาท อย่าง”เช็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” ด้วยการครองส่วนแบ่งมากกว่า 50% มองว่า
สภาพตลาดฟังก์ชันนัล คาดว่าอยู่ในภาวะที่ทรงตัวเหมือนเช่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2554 กับ ปี 2555 ตลาดไม่มีการเติบโตมากนัก ซึ่งนับว่าเป็นปีที่สองแล้วที่ตลาดเริ่มนิ่ง
ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมของคนไทยคุ้นเคยกับเครื่องดื่มดังกล่าว โดยมีการป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการดื่ม มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งทางด้านความสวยความงาม ช่วยในระบบขับถ่าย สายตา หรือกระทั่งสมอง ทำให้ไม่ได้เป็นเครื่องดื่มที่แปลกใหม่อีกต่อไป จากที่ผ่านมามองว่าเป็นเครื่องดื่มใหม่ในวงการ ซึ่งการทำให้ตลาดเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ต้องมีการแตกเซกเมนต์แยกย่อย หรือสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ
“นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท แม้ว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์จะเริ่มนิ่ง แต่ภายใต้ทรัพย์อนันต์ ยังคงโฟกัสการดำเนินธุรกิจฟังก์ชันนังดริงก์เป็นเรือธงหลัก ซึ่งปี 2555 จะมีเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลใหม่ๆ เปิดตัวอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำและรักษาบัลลังก์ผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายตลาดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
***น้ำท่วมปรับพฤติกรรมดื่มนม-น้ำผลไม้***
ในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา ตลาดน้ำผลไม้คึกคักอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% จากการที่มีค่ายใหญ่โค้ก ซึ่งมี”มินิทเมด แสปช”เป็นหัวหอกหลักทำตลาด และค่ายสีน้ำเงิน เป๊ปซี่ ปลุกปั้น“ทวิสเตอร์”ไล่บี้มินิทเมด กระทั่งความร้อนแรงของน้ำผลไม้ซูเปอร์ อีโคโนมี ดับความร้อนแรงน้ำผลไม้เซกเมนต์อื่นๆ ไปอย่างถนัดตา ทว่าปี 2555 เจ้าตลาดน้ำผลไม้พรีเมียม“ทิปโก้”ถึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า ให้จับตานวัตกรรมใหม่ ทั้งแพกเกจจิ้ง วัตถุดิบ ในตัวของสินค้า เรียกได้ว่า เป็นการปฏิวัติวงการน้ำผลไม้ 100% เลยก็ว่าได้
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี
จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ทิปโก้ กล่าวถึงาภาพรวมตลาดเครื่องดื่มว่า หลังจากที่ประเทศไทยโดยภัยน้ำท่วมใหญ่ในช่วงเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง ดังนั้นพฤติกรรมการซื้อเครื่องดื่มจะเปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาซื้อเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะนมพร้อมดื่มและน้ำผลไม้ จะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกในอันดับต้นๆ และคาดว่าอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยจะกลับมาช่วงครึ่งปีหลัง
และในฐานะเป็นผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 100% กล่าววิเคราะห์ตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 7,000 ล้านบาทว่า ปี 2555 ตลาดจะกลับมามีอัตราการเติบโต 20% หลังจากเมื่อ 2554 ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ทำให้ตลาดน้ำผลไม้ที่คาดว่าเติบโต 15% กลับโตเพียง 10% โดยตลาดน้ำผลไม้ต่ำกว่า 25% หรือซูเปอร์อีโคโนมี มีมูลค่า 1,500ล้านบาท จะแข่งขันกันอย่างรุนแรงทั้งในเซกเมนต์เดียวกัน และข้ามแคธิกอรี่ชาเขียวพร้อมดื่มและฟังก์ชันนัลดริงก์ เนื่องจากผู้บริโภคจะสวิตช์ดื่มเครื่องดื่มใน 3 ตลาดนี้ โดยมีโปรโมชันกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้ 100% หรือมูลค่า 3,500 ล้านบาท นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2555 ทิปโก้จะปลุกปั้นนวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านวัตถุดิบ แพกเกจจิ้ง หรือเรียกว่าเป็นการพลิกหน้าใหม่ของตลาดน้ำผลไม้ 100% ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงหน้าร้อน หรือไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 47% อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้ 100%ยังคงเป็นกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ เป็นหลัก
***อากาศร้อนน้ำอัดลมปี55 โต 5%***
ในปี 2554 ตลาดน้ำอัดลมผจญกับหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นต้นปี อากาศไม่เป็นใจอย่างที่คิด อากาศหนาวต้นเดือนมกราคม ลากยาวไปถึงมีนาคม ขณะที่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนหรือไฮซีซั่นของเครื่องดื่มน้ำอัดลม อากาศดันแปรปรวนมีฝนตกชุก พอทิ้งท้ายปลายปี ช่วงเดือนกันยายนยันมาถึงต้นเดือนธันวาคม ประเทศไทยประสบกับอุทกภัยครั้งใหญ่รอบ 50 ปีโรงงานน้ำอัดลมต่างๆ โดนน้ำท่วม การกระจายสินค้าประสบกับปัญหา นับว่าเป็นมรสุมหนักอึ้งสำหรับตลาดน้ำอัดลมในปีเถาะกันเลยทีเดียว
แหล่งข่าววงการเครื่องดื่มน้ำอัดลม กล่าวว่า ในปี 2554 ปัจจัยลบที่รุมเร้าตลาดน้ำอัดลม ส่งผลให้ตลาดมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ติดลบ 3% ซึ่งนับว่าเป็นการติดลบครั้งแรกในหลายปี สำหรับแนวโน้มตลาดน้ำอัดลมในปี 2555 ปัจจัยหลักยังคงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากอากาศร้อนก็จะผลักดันให้ตลาดกลับมาเติบโต 5% นับว่าเป็นการเติบโตปกติของน้ำอัดลมที่เติบโตโดยเฉลี่ย 5%
“เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกระทบต่อตลาดน้ำอัดลมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอายุ 30ปีขึ้นไป หันไปดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่าดื่มน้ำอัดลม ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากนัก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวยังเป็นฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น”
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม คงไม่หวือหวา เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆ มากนัก นอกเหนือจากการเปิดตัวรสชาติใหม่ที่ออกมาสร้างสีสันในช่วงหน้าร้อน จากนั้นก็จะทยอยนำสินค้าออกจากตลาดไป
***น้ำเมาหวั่นปัจจัยการเมืองปี55***
ช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะไตรมาส 4 น้ำเมาสูญเสียโอกาสทางการตลาดไปอย่างหน้าใจหาย เพราะด้วยวิกฤตน้ำท่วมหนักในรอบ 50ปี ทำให้ตลาดอย่างเบียร์มูลค่า 8หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตแต่กลับสวนทางติดลบ เพราะด้วยบรรยายกาศที่ไม่เอื้อต่อการเฉลิมฉลองปีใหม่ พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ร่วมกับเทศกาล กำลังการซื้อลดลง เพราะต้องนำเงินไปซ่อมแซมบ้าน ทว่าในปี 2555 ผู้ประกอบการเบียร์ก็หวั่นปัจจัยลบต่างๆ นานา ที่คาดเดามิได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์ของประเทศไทยขึ้นอยู่กับการเมือง ซึ่งมีคลื่นใต้น้ำตลอดเวลา
นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น กล่าวว่า สภาพตลาดเบียร์ 8 หมื่นล้านบาท ในปี 2555 ในช่วงไตรมาสแรก คาดว่าจะตลาดยังซบเซาต่อเนื่องมาจากไตรมาส 4 ของปี 2554 และมั่นใจว่าตลาดน่าจะกลับมาคึกคักไตรมาส 2
ตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือเฉลิมฉลองปีใหม่ไทย ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว อย่างไรก็ตาม สภาพตลาดจะดีหรือไม่นั้น ส่วนสำคัญขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองด้วย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พลิกผันและเป็นคลื่นใต้น้ำพร้อมจะระอุอยู่ทุกเมื่อ
“แนวโน้มตลาดเบียร์ในประเทศไทย ในปี 2555 มีความเป็นไปได้น้อยที่จะมีเบียร์เซกเมนต์ใหม่ๆ แจ้งเกิด เนื่องจากคนไทยไม่ได้มีวัฒนธรรมการดื่มเบียร์เช่นเดียวกับทางยุโรป ทำให้การแตกเซกเมนต์ใหม่ของเบียร์เป็นไปได้ยาก” นายปริญ กล่าวทิ้งท้าย