อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ประสบกับมรสุมหลากหลายรูปแบบต่อเนื่องนานหลายปี ทั้งวิกฤต
เศรษฐกิจ การเมือง และภัยธรรมชาติ ถึงกระนั้น ภาคเอกชนในธุรกิจนี้ ก็ไม่ท้อถอย ประกอบกับ มี การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คอยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยกับปรับแผนงานการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ปี 2555 คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหวังตรงกันว่า การท่องเที่ยวของไทย จะเติบโตสูง ชดเชย ช่วงปลายปี 2554 ที่ต้องชะลอตัวไป หลากหลายปัจจัย ทั้งลบและบวก ในมุมมอง ของ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สทท.) สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า ทุกค มีความหวัง มีความตั้งใจที่จะทำงานไม่ว่าจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ และรักษาฐานตลาดเก่า โดยหวังนำพา การท่องเที่ยวของไทย ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ 5 ปี ของรัฐบาล ที่ตั้งไว้ว่า ในปี 2558 การท่องเที่ยวของไทย จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว
ต่างชาติ 30 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2 ล้านล้านบาท
สุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นับจากต้นปี 2555 ประเทศ
ไทย ภาระกิจของ ททท. คือ ฟื้นฟูการท่องเที่ยว ให้กลับมาคึกคัก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดย ได้ดำเนินกลยุทธ์ ฟื้นความเชื่อมั่นประเทศไทย ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันก็รณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยปลายปี 2554ททท. ได้จัดกิจกรรมเมกกะแฟมทริป เชิญ สื่อมวลชน และ บริษัทนำเที่ยวจากต่างประทเศกว่า 300 ราย เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย และนำข้อมูลที่ได้ กลับไปเผยแพร่
***ดึง 3 ตลาด รัสเซีย-อินเดีย-จีน บูมเที่ยวไทย****
สำหรับปี 2555 ททท.มีเป้าหมาย รักษาฐานนักท่องเที่ยวตลาดเก่า พร้อมขยายฐานในตลาดที่มี
ศักยภาพ ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าหมายผลักดันนักท่องเที่ยวจากตลาดรัสเซีย และอินเดีย ให้เดิน
ทางเข้ามาประเทศไทยในปีนี้ให้ได้ตลาดละ กว่า1 ล้านคน จากปี 2554 ทั้ง 2 ตลาดดังกล่าว มีจำนวน
นักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยประเทศละเกือบ 1 ล้านคน แล้ว
“.ในช่วงที่ผ่านมา อินเดียและรัสเซีย เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากทั้งสองประเทศมี
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน จีนก็เป็นอีกหนึ่งตลาด ที่มีแนวโน้มเติบโต
ต่อเนื่อง เช่นกัน โดยในปี 2555 ททท.จะผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยให้
ได้1.6 หรือ 1.7 ล้านคน จากปี 2554 ที่ชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 1
ล้านคนแล้ว “
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะมีผลให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางมาประเทศไทย คือ ปัญหาความ
วุ่นวายทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะจีนเป็นตลาดอ่อนไหว ต่อทุกๆเหตุการณ์
***ท่องเที่ยวปีมะโรงเงินสะพัด 1.2 ล้านล้านบาท ****
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า เหตุที่มั่นใจว่า การท่องเที่ยวของประเทศไทยปีนี้ จะกลับมาคึกคักหลัง
เกิดเหตุอุทกภัย เพราะ เป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางเข้ามา ด้วยมีแหล่งท่องเที่ยวและบริการที่หลากหลาย มีราคาเป็นที่ดึงดูด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั้งในย่านภูมิภาคเดียวกัน
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 19.55 ล้านคน เติบโตจากปี 2554 ราว 6.83% สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 7.66 แสนล้านบาท เติบโต 9.12% ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ททท.ตั้งเป้าที่ จำนวน 107.48 ล้านคนครั้ง เติบโต 2.85% สร้างรายได้หมุนเวียนที่ 4.422 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5.01% ซึ่งรวมเม็ดเงินทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีนี้จะสร้างเม็ดเงินรวมได้มากถึง 1,208,200 ล้านบาท จากปี 2554 ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 18.3-18.6 ล้านคน สร้างรายได้ 703,000-716,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2553 ราว 18-20% เพราะในปีดังกล่าว เกิดวิกฤตทางการเมือง ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวใน
ประเทศ คาดว่า ปี 2554 จะอยู่ที่ 98 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนที่ 407,600 ล้านบาท
***ตลาดยุโรปไม่หวั่นวิกฤตเศรษฐกิจ****
ทางด้านตลาดยุโรป ซึ่งในปีนี้ สถานการณ์ยังไม่พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทย จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง และอเมริกา กล่าวว่า ในปีนี้ จะเน้นรักษาตลาดเก่า คู่ไปกับการขยายฐานนักท่องเที่ยวระดับบน เพราะกลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยนำเสนอ โรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาว พร้อมกิจกรรมซึ่งนักท่องเที่ยวสนใจ
สำหรับประเทศที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ยุโรปตะวันออก และ อีกหลายประเทศขนาดเล็ก ยังมีเศรษฐกิจที่เติบโต โดยการทำงานจะดูทุกตลาดอย่างใกล้ชิด พื้นที่ใดมีผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ก็จะทำตลาดแบบนีชมาร์เก็ต เพื่อนำรายได้เข้ามาชดเชย จำนวน กลยุทธ์ที่ใช้ จะมีทั้งการจับมือบริษัทนำเที่ยว ทำโฆษณาประชุมสัมพันธ์ และ จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ขณะที่กิจกรรม ยังเน้น เรื่อง เซเรปมาร์เก็ตติ้ง โรดโชว์ เป็นต้น โดยภาพรวม ตลาดยุโปร ยังมีส่วนแบ่ง 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศ”ทย แต่สามารถสร้างรายได้เกือบ 50% ของรายได้รวม
***ท่องเที่ยวแพ้พิษการเมือง*****
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานด้านนโยบาย สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท.
กล่าวว่า ปี 2555 ปัจจัยลบที่จะส่งต่อจำนวนนักท่องเที่ยว คือ ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ซึ่งหากไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมือง ก็ มั่นใจว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นต้นไป เพราะ วันนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เลยจุดต่ำสุดมาแล้ว และ การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวอันเกิดจากปัญหาภัยธรรมชาติ จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า การชะลอตัวจากปัญหาที่เกิดจากความวุ่นวายทางการเมือง
***ตลาดเอเชียยังโตต่อเนื่อง***
อย่างไรก็ตาม ตลาดดาวรุ่ง ในปี 2555 ที่จะมีจำนวนการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูง จะเป็น
ตลาดระยะใกล้ ย่านภูมิภาคเอเชีย เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึง
พฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวที่หันมาเดินทางเที่ยวกันเองภายในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ประเทศที่จะมี
อัตราการเติบโตสูง ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย และ จีน ทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว
มั่นใจว่า หากอยู่บนพื้นฐานที่สถานการณ์ภายในประเทศมีความเป็นปรกติ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดิน
ทางเข้ามาประทเศไทยมากกว่า 1 ล้านคน ในแต่ละตลาด เพราะในปี 2554 ตลาดทั้ง 3 ประเทศดัง
กล่าว ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย 11 เดือน แรก (ม.ค.-พ.ย. 54) จีน เติบโต 57% รัสเซีย
เติบโต 61% และ อินเดีย เติบโต 23% สำหรับตลาดยุโรป ยอมรับว่า ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจใน
ยุโรปยังคงเป็นปัญหา หนัก ซึ่งอาจมีผลให้ จำนวนการเดินทางมาของนักท่องเที่ยวจากยุโรปชะลอตัวลง หรือ
หากเดินทางมาก็จะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ขณะที่ตลาดระดับบน ยังคงเดินทางตามปรกติ จึงทำให้
ภาพรวมด้านจำนวนของนักท่องเที่ยวยุโรป อาจไม่เติบโตอย่างปีที่ผ่านๆมา
***พาต้ามั่นใจเที่ยวไทยโตกว่าค่าเฉลี่ย***
ทั้งนี้มุมมองดังที่กล่าวมาทั้งหมด สอดคล้องกับผลสำรวจของ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิก (พาต้า) ซึ่งระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย สามารถฟื้นตัวจากภาวะต่างๆได้อย่าง
รวดเร็ว มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และมีประสบการณ์ในการรับมือกับวิกฤติ โดยในปี 2555 แนว
โน้มการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออก จะเติบโตกว่า 6%
แต่ด้วยความชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยว การบริการ และ ความเป็นมิตรไมตรีของคนไทย ทำให้ ประเทศไทย
จะเติบโตกว่า 8% ซึ่งมากกว่าการเติบโตของตลาด
***จี้ปรับสินค้ารับนักท่องเที่ยวเอเชีย*****
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ กระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปรับตัวเพื่อรองรับ
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวของเอเชีย เพื่อให้การเติบด้านจำนวนและด้านรายได้ เป็นไปในสัดส่วนที่ใกล้
เคียงกัน เพราะ นักท่องเที่ยวเอเชีย แม้จะมีวันพักน้อย แต่ก็สามารถเดินทางได้มากกว่า 1 ครั้ง ใน แต่ละปี
และยังชื่นชอบการชอปปิ้ง รับประทานอาหารและกิจกรรมนันทนาการต่างๆ แม้แต่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ก็สามารรถเพิ่มการจับจ่ายให้นักท่องเที่ยว ดังนั้น สทท. จึงมั่นใจว่า ในปี 2555 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 20.2 ล้านคน สร้างรายได้ เกือบ 8 แสนล้านบาท
นายกงกฤช กล่าวถึง สถานการณ์นักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวในประเทศไทย ว่า สำหรับปี 2555 มองว่า เซกเมนต์ ที่รัฐควรให้ความสำคัญ ในการส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง คือ กรุ๊ปประชุมสัมมนา โดยเฉพาะ
จากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพราะ จะเป็นอีกหนึ่งปี ที่รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ เพื่อการขับ
เคลื่อนเศรษฐกิจ และ มาตรการที่เอื้อให้เอกชน เกิดการใช้จ่ายโดยเฉพาะมาตรการลดหย่อนภาษี เทรนการท่องเที่ยวที่มาแรง สำหรับปีมะโรง ยังคงเป็นการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม และการท่องเที่ยวแบบมีจิตสำนึก หรือ ซีเอสอาร์ รวมถึการท่องเที่ยวในรูปแบบจิตอาสา ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
จากมุมมองของทั้งภาครัฐและเอกชน ที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า แม้ท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง แต่ด้วยความหลากหลายและคุ้มค่าของแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยบวก ให้ การท่องเที่ยวของไทย ยังคงเติบโตต่อเนื่องไปได้ ซึ่งหากรัฐบาล มีการทำงานที่บูรณาการร่วมกันให้มากขึ้น
เศรษฐกิจ การเมือง และภัยธรรมชาติ ถึงกระนั้น ภาคเอกชนในธุรกิจนี้ ก็ไม่ท้อถอย ประกอบกับ มี การ
ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คอยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยกับปรับแผนงานการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ปี 2555 คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหวังตรงกันว่า การท่องเที่ยวของไทย จะเติบโตสูง ชดเชย ช่วงปลายปี 2554 ที่ต้องชะลอตัวไป หลากหลายปัจจัย ทั้งลบและบวก ในมุมมอง ของ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สทท.) สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า ทุกค มีความหวัง มีความตั้งใจที่จะทำงานไม่ว่าจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ และรักษาฐานตลาดเก่า โดยหวังนำพา การท่องเที่ยวของไทย ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ 5 ปี ของรัฐบาล ที่ตั้งไว้ว่า ในปี 2558 การท่องเที่ยวของไทย จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว
ต่างชาติ 30 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2 ล้านล้านบาท
สุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นับจากต้นปี 2555 ประเทศ
ไทย ภาระกิจของ ททท. คือ ฟื้นฟูการท่องเที่ยว ให้กลับมาคึกคัก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดย ได้ดำเนินกลยุทธ์ ฟื้นความเชื่อมั่นประเทศไทย ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันก็รณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยปลายปี 2554ททท. ได้จัดกิจกรรมเมกกะแฟมทริป เชิญ สื่อมวลชน และ บริษัทนำเที่ยวจากต่างประทเศกว่า 300 ราย เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย และนำข้อมูลที่ได้ กลับไปเผยแพร่
***ดึง 3 ตลาด รัสเซีย-อินเดีย-จีน บูมเที่ยวไทย****
สำหรับปี 2555 ททท.มีเป้าหมาย รักษาฐานนักท่องเที่ยวตลาดเก่า พร้อมขยายฐานในตลาดที่มี
ศักยภาพ ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าหมายผลักดันนักท่องเที่ยวจากตลาดรัสเซีย และอินเดีย ให้เดิน
ทางเข้ามาประเทศไทยในปีนี้ให้ได้ตลาดละ กว่า1 ล้านคน จากปี 2554 ทั้ง 2 ตลาดดังกล่าว มีจำนวน
นักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยประเทศละเกือบ 1 ล้านคน แล้ว
“.ในช่วงที่ผ่านมา อินเดียและรัสเซีย เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงมาก เนื่องจากทั้งสองประเทศมี
อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน จีนก็เป็นอีกหนึ่งตลาด ที่มีแนวโน้มเติบโต
ต่อเนื่อง เช่นกัน โดยในปี 2555 ททท.จะผลักดันให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยให้
ได้1.6 หรือ 1.7 ล้านคน จากปี 2554 ที่ชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 1
ล้านคนแล้ว “
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะมีผลให้นักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางมาประเทศไทย คือ ปัญหาความ
วุ่นวายทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะจีนเป็นตลาดอ่อนไหว ต่อทุกๆเหตุการณ์
***ท่องเที่ยวปีมะโรงเงินสะพัด 1.2 ล้านล้านบาท ****
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า เหตุที่มั่นใจว่า การท่องเที่ยวของประเทศไทยปีนี้ จะกลับมาคึกคักหลัง
เกิดเหตุอุทกภัย เพราะ เป็นเดสติเนชั่นที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางเข้ามา ด้วยมีแหล่งท่องเที่ยวและบริการที่หลากหลาย มีราคาเป็นที่ดึงดูด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั้งในย่านภูมิภาคเดียวกัน
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 19.55 ล้านคน เติบโตจากปี 2554 ราว 6.83% สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 7.66 แสนล้านบาท เติบโต 9.12% ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ ททท.ตั้งเป้าที่ จำนวน 107.48 ล้านคนครั้ง เติบโต 2.85% สร้างรายได้หมุนเวียนที่ 4.422 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5.01% ซึ่งรวมเม็ดเงินทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปีนี้จะสร้างเม็ดเงินรวมได้มากถึง 1,208,200 ล้านบาท จากปี 2554 ที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 18.3-18.6 ล้านคน สร้างรายได้ 703,000-716,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2553 ราว 18-20% เพราะในปีดังกล่าว เกิดวิกฤตทางการเมือง ส่วนตลาดคนไทยเที่ยวใน
ประเทศ คาดว่า ปี 2554 จะอยู่ที่ 98 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนที่ 407,600 ล้านบาท
***ตลาดยุโรปไม่หวั่นวิกฤตเศรษฐกิจ****
ทางด้านตลาดยุโรป ซึ่งในปีนี้ สถานการณ์ยังไม่พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทย จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง และอเมริกา กล่าวว่า ในปีนี้ จะเน้นรักษาตลาดเก่า คู่ไปกับการขยายฐานนักท่องเที่ยวระดับบน เพราะกลุ่มนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยนำเสนอ โรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาว พร้อมกิจกรรมซึ่งนักท่องเที่ยวสนใจ
สำหรับประเทศที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ยุโรปตะวันออก และ อีกหลายประเทศขนาดเล็ก ยังมีเศรษฐกิจที่เติบโต โดยการทำงานจะดูทุกตลาดอย่างใกล้ชิด พื้นที่ใดมีผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ก็จะทำตลาดแบบนีชมาร์เก็ต เพื่อนำรายได้เข้ามาชดเชย จำนวน กลยุทธ์ที่ใช้ จะมีทั้งการจับมือบริษัทนำเที่ยว ทำโฆษณาประชุมสัมพันธ์ และ จัดแคมเปญส่งเสริมการขาย ขณะที่กิจกรรม ยังเน้น เรื่อง เซเรปมาร์เก็ตติ้ง โรดโชว์ เป็นต้น โดยภาพรวม ตลาดยุโปร ยังมีส่วนแบ่ง 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศ”ทย แต่สามารถสร้างรายได้เกือบ 50% ของรายได้รวม
***ท่องเที่ยวแพ้พิษการเมือง*****
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานด้านนโยบาย สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท.
กล่าวว่า ปี 2555 ปัจจัยลบที่จะส่งต่อจำนวนนักท่องเที่ยว คือ ปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ซึ่งหากไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมือง ก็ มั่นใจว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นต้นไป เพราะ วันนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย เลยจุดต่ำสุดมาแล้ว และ การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวอันเกิดจากปัญหาภัยธรรมชาติ จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า การชะลอตัวจากปัญหาที่เกิดจากความวุ่นวายทางการเมือง
***ตลาดเอเชียยังโตต่อเนื่อง***
อย่างไรก็ตาม ตลาดดาวรุ่ง ในปี 2555 ที่จะมีจำนวนการเติบโตของนักท่องเที่ยวสูง จะเป็น
ตลาดระยะใกล้ ย่านภูมิภาคเอเชีย เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึง
พฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวที่หันมาเดินทางเที่ยวกันเองภายในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ประเทศที่จะมี
อัตราการเติบโตสูง ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย และ จีน ทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว
มั่นใจว่า หากอยู่บนพื้นฐานที่สถานการณ์ภายในประเทศมีความเป็นปรกติ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดิน
ทางเข้ามาประทเศไทยมากกว่า 1 ล้านคน ในแต่ละตลาด เพราะในปี 2554 ตลาดทั้ง 3 ประเทศดัง
กล่าว ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย 11 เดือน แรก (ม.ค.-พ.ย. 54) จีน เติบโต 57% รัสเซีย
เติบโต 61% และ อินเดีย เติบโต 23% สำหรับตลาดยุโรป ยอมรับว่า ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจใน
ยุโรปยังคงเป็นปัญหา หนัก ซึ่งอาจมีผลให้ จำนวนการเดินทางมาของนักท่องเที่ยวจากยุโรปชะลอตัวลง หรือ
หากเดินทางมาก็จะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ขณะที่ตลาดระดับบน ยังคงเดินทางตามปรกติ จึงทำให้
ภาพรวมด้านจำนวนของนักท่องเที่ยวยุโรป อาจไม่เติบโตอย่างปีที่ผ่านๆมา
***พาต้ามั่นใจเที่ยวไทยโตกว่าค่าเฉลี่ย***
ทั้งนี้มุมมองดังที่กล่าวมาทั้งหมด สอดคล้องกับผลสำรวจของ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิก (พาต้า) ซึ่งระบุว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย สามารถฟื้นตัวจากภาวะต่างๆได้อย่าง
รวดเร็ว มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และมีประสบการณ์ในการรับมือกับวิกฤติ โดยในปี 2555 แนว
โน้มการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออก จะเติบโตกว่า 6%
แต่ด้วยความชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยว การบริการ และ ความเป็นมิตรไมตรีของคนไทย ทำให้ ประเทศไทย
จะเติบโตกว่า 8% ซึ่งมากกว่าการเติบโตของตลาด
***จี้ปรับสินค้ารับนักท่องเที่ยวเอเชีย*****
อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ กระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปรับตัวเพื่อรองรับ
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวของเอเชีย เพื่อให้การเติบด้านจำนวนและด้านรายได้ เป็นไปในสัดส่วนที่ใกล้
เคียงกัน เพราะ นักท่องเที่ยวเอเชีย แม้จะมีวันพักน้อย แต่ก็สามารถเดินทางได้มากกว่า 1 ครั้ง ใน แต่ละปี
และยังชื่นชอบการชอปปิ้ง รับประทานอาหารและกิจกรรมนันทนาการต่างๆ แม้แต่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ก็สามารรถเพิ่มการจับจ่ายให้นักท่องเที่ยว ดังนั้น สทท. จึงมั่นใจว่า ในปี 2555 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย จะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 20.2 ล้านคน สร้างรายได้ เกือบ 8 แสนล้านบาท
นายกงกฤช กล่าวถึง สถานการณ์นักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวในประเทศไทย ว่า สำหรับปี 2555 มองว่า เซกเมนต์ ที่รัฐควรให้ความสำคัญ ในการส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง คือ กรุ๊ปประชุมสัมมนา โดยเฉพาะ
จากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพราะ จะเป็นอีกหนึ่งปี ที่รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ เพื่อการขับ
เคลื่อนเศรษฐกิจ และ มาตรการที่เอื้อให้เอกชน เกิดการใช้จ่ายโดยเฉพาะมาตรการลดหย่อนภาษี เทรนการท่องเที่ยวที่มาแรง สำหรับปีมะโรง ยังคงเป็นการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม และการท่องเที่ยวแบบมีจิตสำนึก หรือ ซีเอสอาร์ รวมถึการท่องเที่ยวในรูปแบบจิตอาสา ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
จากมุมมองของทั้งภาครัฐและเอกชน ที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า แม้ท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง แต่ด้วยความหลากหลายและคุ้มค่าของแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยบวก ให้ การท่องเที่ยวของไทย ยังคงเติบโตต่อเนื่องไปได้ ซึ่งหากรัฐบาล มีการทำงานที่บูรณาการร่วมกันให้มากขึ้น