xs
xsm
sm
md
lg

เมืองคอนวิกฤต น้ำทะลักเร่งอพยพคนวุ่น เส้นทางลงใต้ถูกตัดขาดอีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ใต้ยังระทม! ล่าสุดน้ำท่วม 9 จังหวัด 56 อำเภอ เส้นทางลงใต้ถูกตัดขาดอีกรอบ หลังถนนสายเอเชีย 41 ช่วงจ.ชุมพรถูกน้ำถล่มซ้ำ นครศรีธรรมราชยังวิกฤต น้ำทะลัก เร่งอพยพชาวบ้าน คนไข้ รถไฟหยุดวิ่ง 10 ขบวน นกแอร์ประกาศเลิกเที่ยวบิน ส่วนพัทลุงระดมกระสอบทรายกั้นโรงพยาบาล ที่สงขลา ชาวบ้านแตกตื่น ดินภูเขาพังถล่ม บ้านเรือน ร้านค้าพังยับ แต่โชคดีไม่มีใครเจ็บ นราธิวาสคาดอีก 1-2 วันน้ำลด "ปู"สั่งทหารช่วยคนใต้เต็มที่ ขณะที่ปชป.จี้จริงใจช่วย อย่าแค่สร้างภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 ม.ค.) พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 พร้อมด้วย พ.ต.ฐากร ดิษฐบรรจง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 12 ในฐานะของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) นำถุงยังชีพพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 5 หมู่บ้าน กว่า 150 ครัวเรือน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย และยังได้นำชุดแพทย์เคลื่อนที่ของกรมการแพทย์ทหารบก ออกให้บริการตรวจสุขภาพแก่ประชาชนใน ต.ท่าธง ด้วย
พ.อ.คมกฤช กล่าวว่า กองทัพบก โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในทันที เนื่องจาก 2-3 วันที่ผ่านมา จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส น้ำท่วมค่อนข้างรวดเร็ว ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้รีบเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างด่วน โดยได้เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ กำลังพลพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนทันทีที่ประสบอุทกภัยไม่ว่าจะเป็นกรณีเร่งด่วนหรือฉับพลันก็ตาม ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ หรือชาวไทยมุสลิมที่มีความเดือดร้อนไปพร้อมๆ กัน

***สรุปใต้น้ำท่วมแล้ว9จังหวัด56อำเภอ

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2554 ถึงปัจจุบัน ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวม 9 จังหวัด 56 อำเภอ ดังนี้

จ.สงขลา รวม 7 อำเภอ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ สะเดา จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย คลองหอยโข่ง และสทิงพระ

จ.ยะลา รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองยะลา รามัน และกาบัง

จ.ปัตตานี รวม 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองปัตตานี ยะรัง สายบุรี มายอ โคกโพธิ์ ปะนาเระ กะพ้อ และ แม่ลาน

จ.นราธิวาส รวม 10 อำเภอ ได้แก่ อ.ยี่งอ บาเจาะ รือเสาะ ศรีสาคร ระแงะ สุไหงปาดี แว้ง สุคิริน จะแนะ และ เจาะไอร้อง

จ.พัทลุง รวม 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน ปากพะยูน กงหรา ตะโหมด ศรีบรรพต ป่าบอน บางแก้ว ป่าพะยอม และศรีนครินทร์

จ.นครศรีธรรมราช รวม 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองนครศรีธรมราช สิชล ลานสกา นบพิตำ ท่าศาลา และหัวไทร

จ.กระบี่ รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองกระบี่ และเขาพนม , จ.สุราษฎร์ธานี รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อ.กาญจนดิษฐ์ ท่าชนะ ไชยา ดอนสัก และบ้านนาสาร และ จ.ชุมพร รวม 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พะโต๊ะ ละแม ทุ่งตะโก และ สวี

ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบอุทกภัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดส่งเจ้าหน้าที่พร้อมเรือท้องแบน และเครื่องมืออุปกรณ์เข้าอพยพผู้ประสบภัยไปอาศัยในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ หรือ สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

***ภาคใต้ถูกตัดขาดซ้ำหลังสาย41จมอีก

นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร กล่าวว่า ในขณะนี้ถนนสายเอเชีย 41 ในช่วงที่ผ่านหน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งตะโก ทางขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องไปยังภาคใต้ ระดับน้ำสูงมากกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้ เนื่องจากช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักร่วม 5 ชั่วโมง ทำให้มีน้ำป่าจากด้านภูเขาจากทิศตะวันตก ไหลทะลักเข้าท่วมถนนสายเอเชีย 41 อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังที่ท่วมมาตลอดทั้งวันเมื่อวันที่ 2 ม.ค. แล้วลดลงในช่วง 4 ทุ่ม จนกระทั่งเช้าวันที่ 3 ม.ค. ระดับน้ำป่าได้ไหลเข้ากลับมาท่วมอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้

***หลังสวนอ่วมถูกน้ำป่าโอบล้อม

ขณะที่สถานการณ์ในเขต อ.หลังสวน ได้มีน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมในทุกตำบล รวมถึงเทศบาลเมืองหลังสวนที่ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้ อ.หลังสวน ถูกน้ำป่าล้อมรอบ ไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ชาวบ้านหลายหมื่นคนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก

สำหรับพื้นที่เทศบาลเมืองหลังสวน ซึ่งเป็นเมืองลำดับที่ 2 ของ จ.ชุมพร น้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงมากกว่า 80 เซนติเมตร สร้างความโกลาหลต่อชาวบ้านในตลาดหลังสวน ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงได้ทัน คนชราและเด็กจำนวนมาก ต้องติดอยู่ภายในบ้านและติดอยู่บนชั้น 2 ไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ เนื่องจากระดับน้ำรอบบ้าน มีความสูงมากกว่า 1 เมตร ในขณะที่ชาวบ้านได้กลับเข้าไปขอความช่วยเหลือจากสถานีวิทยุประจำท้องถิ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารชาวบ้านนับ 1,000 คน ไม่สามารถทำอาหารรับประทานเองได้ เนื่องจากน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน จนได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

***ชุมพรประกาศ5อำเภอเป็นพื้นที่น้ำท่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดที่ จ.ชุมพร ได้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านแล้วรวม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หลังสวน, ทุ่งตะโก, สวี, ละแม และ อ.พะโต๊ะ

นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้ประกาศให้ 5 อำเภอดังกล่าว เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว พร้อมแจ้งสถานการณ์ในพื้นที่ว่า ยังมีฝนตกหนักอีก 1 -2 วัน จึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยเฝ้าระวังและออกช่วยเหลือประชนตลอด 24 ชั่วโมง

***นครศรีธรรมราชอ่วมน้ำท่วมหนักเร่งอพยพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าจากเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราชและเทือกเขานัน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงในจังหวัด ได้ทะลักลงพื้นที่ราบและพื้นที่ต่ำ จนไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทั้งในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และเขตชานเมืองจนเต็มพื้นที่แล้วในขณะนี้ เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ทำให้ปริมาณน้ำฝนมีปริมาณมาก

ทั้งนี้ น้ำป่าและน้ำฝนได้ไหลผ่าน อ.พระพรหม และ อ.พรหมคีรี เข้าท่วมตัวเมืองอย่างรวดเร็วและรุนแรง และน้ำได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ถนนในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราชหลายสาย เช่น ถนนท่าโพธิ์ ถนนมุมป้อม ถนนปากนคร ถนนพัฒนาการคูขวาง ถนนประตูขาว ถนนบ่ออ่าง ถนนสารีบุตร ถนนเทวบุรี ถนนเพนียด ถนนศรีทวี และถนนสายสำคัญอื่นๆ ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด บางสายน้ำท่วมสูงราว 1 เมตร รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้

ในขณะเดียวกัน ชุมชน หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ถูกน้ำบ่าเข้าท่วมกันทั่วพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก โดยหลายชุมชนน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร อาทิ ชุมชนบ่อทรัพย์ ชุมชนหลังสถานีขนส่ง ชุมชนบ้านตก และอีกหลายชุมชน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน เนื่องจากน้ำทะลักเข้าท่วมแบบไม่ทันตั้งตัว

***ประกาศ8อำเภอพื้นที่ภัยพิบัติอุทกภัย

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติอุทกภัย ตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว จำนวน 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ขนอม อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร อ.เมือง อ.ท่าศาลา อ.สิชล และ อ.นบพิตำ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายในการเบิกจ่ายงบประมาณและการช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบของทางราชการ ส่วนการให้การช่วยเหลือ ขณะนี้ทุกอำเภอที่เกิดเหตุการณ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าให้การสนับสนุนพร้อมด้วยเครื่องมือยุทโธปกรณ์กู้เส้นทางอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะใน อ.นบพิตำ

ขณะเดียวกัน น้ำป่ายังคงไหลทะลักอย่างต่อเนื่องตลอดแนวเทือกเขาหลวง ใน อ.สิชล อ.นบพิตำ อ.ลานสกา อ.ร่อนพิบูลย์ อ.พรหมคีรี และ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยที่ ต.ท่างิ้ว อ.เมืองมีกระแสน้ำป่าไหลทะลักมาในคลองบ้านตาล ส่งผลให้ถนนสายนครศรี-จันดี ไม่สามารถใช้การได้ระดับน้ำท่วมสูง ถนนสายเบญจม-นาพรุ ช่วง ต.นาสาร อ.พระพรหม มีน้ำท่วมสูงเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ นายปรีชา คุ้มวงศ์ นายอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ได้เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย เนื่องจากมีรายงานว่าในพื้นที่ ม.8 ต.นบพิตำ ถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิงและมีดินถล่มเกิดขึ้นหลายจุด เสาไฟฟ้าโค่นล้ม โดยยังไม่มีรายงานชะตากรรมของชาวบ้านในย่านนั้น เนื่องจากเป็นเขตอับสัญญาณโทรศัพท์ ขณะเดียวกันอาสาสมัครภาคประชาชนในพื้นที่ต่างติดตามสถานการณ์เพื่อคอยแจ้งเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายทวีผล บุญผล ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ชาวบ้านกำลังตื่นตระหนกและอพยพขนย้ายสิ่งของออกมาจากบ้านเขาวัง ทางขึ้นโรงเรียน ตชด.บ้านเขาวัง ต.หินตก เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกต่อเนื่องส่งผลให้ภูเขาวังปริแยกเป็นทางยาวกว่า 100 เมตร กว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งเกรงว่าหากฝนยังตกเช่นนี้ต่อไปอาจเกิดเหตุดินถล่มได้ตลอดเวลา และจะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ภายในติดค้างกว่า 1,000 คนทีเดียว โดยขณะนี้ได้แจ้งให้กับทางการนายอำเภอ และฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างเร่งด่วนแล้ว

***เร่งอพยพคนไข้ออกจากโรงพยาบาล

ส่วนที่โรงพยาบาลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเคยประสบกับอุทกภัยอย่างหนักมาเมื่อครั้งเดือนมี.ค.-เม.ย.2554 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า น้ำได้ทะลักเข้าท่วมในเขตโรงพยาบาลอีกครั้งตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 2ม.ค. และเจ้าหน้าที่ได้อพยพคนไข้จำนวนมากออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลอื่นถึง 50 คน

นพ.กิตติ รัตนสมบัติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากน้ำไหลเข้าท่วม โรงพยาบาล ได้อพยพคนไข้ชุดแรกเป็นคนไข้ไอซียูไปยังโรงพยาบาลมหาราช จากนั้นได้อพยพส่วนอื่นๆ ซึ่งมีทั้งกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านและไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลมหาราชแล้ว รวม 50 ราย ส่วนการเตรียมความพร้อมก่อนหน้านั้น ได้จัดเตรียมอพยพสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ได้ทันที พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามแผนรองรับ ความเสียหายจึงมีไม่มาก

***รถไฟประกาศหยุดเดินรถ10ขบวน

นายสไลเดช แสงพยัคฆ์ นายสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้รถทุกขบวนที่จะต้องเดินรถเข้าสู่สถานีปลายทางนครศรีธรรมราช งดเดินรถทั้งหมดแล้วรวม 10 ขบวน ทั้งรถท้องถิ่น และขบวนรถนครศรีธรรมราช- กทม. ซึ่งปลายทางนครศรีธรรมราชจะเดินรถมาได้แค่สถานีชุมทางทุ่งสง หลังจากนั้นการรถไฟบริการผู้โดยสารขึ้นรถบัสมาส่งต่อที่สถานีนครศรีธรรมราช ส่วนปลายทางกทม. สถานีนครศรีธรรมราชได้บริการรถบัสไปส่งยังสถานีทุ่งสง เพื่อโดยสารรถไฟต่อไปยัง กทม. โดยจุดที่ไม่สามารถเดินรถไฟได้ อยู่ที่ช่วงระหว่างสถานีนครศรีธรรมราช และสถานีบ้านโคกคราม อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่ประสงค์จะคืนตั๋วโดยสารสามารถคืนตั๋วได้เต็มราคา และขณะนี้มีการคืนตั๋วไปแล้วจำนวน 10% ของผู้โดยสารทั้งหมดที่มีการจองตั๋วล่วงหน้า

***นกแอร์ประกาศยกเลิกทุกเที่ยวบิน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช สภาพอากาศยังปิด มีฝนตก และลมกระโชกแรง ส่งผลให้วานนี้ (3ม.ค.) สายการบินทุกเที่ยวบินไม่สามารถนำเครื่องลงจอด หรือนำเครื่องขึ้นบินได้ ส่งผลให้มีผู้โดยสารตกค้างเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้โดยสารของสายการบินนกแอร์, โอเรียนท์แอร์ และแอร์เอเชีย และล่าสุดเจ้าหน้าที่ของสายการบินนกแอร์ ได้ประกาศให้ผู้โดยสารทราบว่า สายการบินนกแอร์ตัดสินใจยกเลิกทุกเที่ยวบิน ในเส้นทางนครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศ ผู้โดยสารสามารถคืนตั๋วเดินทางได้ หรือหากจะเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอื่นๆ ในจังหวัดใกล้เคียง ทางสายการบินจะจัดรถยนต์บริการผู้โดยสารเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเหล่านั้น

ขณะที่แอร์เอเชีย และโอเรียนท์แอร์ ชี้แจงว่า ยังไม่สามารถนำเครื่องลง หรือขึ้นบินได้ ส่วนจะยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดหรือไม่ ต้องรอการตัดสินใจและคำสั่งจากผู้บริการระดับสูงในกรุงเทพฯ ก่อน

***ระดมเสริมกระสอบทรายกั้นรพ.พัทลุง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พัทลุง ล่าสุดยังไม่คลี่คลาย โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารจากกองพันทหารช่างที่ 402 ค่ายอภัยบริรักษ์ จ.พัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์การบริการส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุง และกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ได้ร่วมกันลำเลียงกระสอบทรายนำไปปิดกั้นประตูทางเข้า รพ.พัทลุง ทั้ง 5 ด้าน เพื่อป้องกันน้ำไหลทะลักเข้าไปภายในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เนื่องจากระดับน้ำที่ท่วมขังบนถนนราเมศวร์ หน้า รพ.พัทลุง ยังไม่ลดระดับลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังช่วยลำเลียงผู้ป่วยจากบริเวณหน้าโรงพยาบาลเข้ามาภายในโรงพยาบาล เนื่องจากถนนใน รพ.พัทลุง ถูกน้ำท่วมขัง ระดับสูงเฉลี่ย 40-50 ซม.

พญ.ศิริพร อรุณ ผช.ผอ.รพ.พัทลุง กล่าวว่า โรงพยาบาลได้ขอสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากสำนักงานชลประทานจังหวัดพัทลุง และ อบจ.พัทลุง รวม 4 เครื่อง มาติดตั้ง เพื่อเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังเส้นทางภายในโรงพยาบาลออก ส่วนผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตามตึกผู้ป่วยต่างๆ นั้น ยังไม่มีการย้ายแต่อย่างใด เนื่องจากระดับน้ำยังไม่ท่วมถึงตึก คาดว่าถ้าฝนไม่ตกซ้ำ สถานการณ์จะดีขึ้น
ทั้งนี้ เขตเทศบาลเมืองพัทลุง น้ำที่ท่วมขังถนนสายราเมศวร์ลดระดับลงเล็กน้อย ขณะที่ถนนสายผดุง ดอนยอ สายพัฒนา สายจรูญธรรม สายประชาบำรุง ยังคงมีน้ำท่วมขัง สูงเฉลี่ย 40-50 ซม. รถเล็กต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจร ทุกสายมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง คอยอำนวยสะดวก ส่วนบริเวณสี่แยกเอเชีย น้ำลดระดับเข้าสู่ภาวะปกติ รถสามารถผ่านได้แล้ว ขณะที่ถนนเพชรเกษม ช่วงพัทลุง-ตรัง ยังคงมีสภาพน้ำไหลลผ่านถนนเป็นช่วงๆ ระดับไม่สูง รถเล็กสามารถผ่านได้
ขณะที่ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงที่สิ่งของได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในเขตเทศบาล ต่างรุมสวดผู้บริหารเทศบาลที่นำท่อระบายน้ำมาฝังในเหมืองระบายน้ำริมถนนสายพัทลุง-ลำปำ ทำให้การระบายน้ำจากเขตเทศบาลลงสู่ทะเลสาบลำปำ (ทะเลสาบสงขลาตอนใน) ล่าช้า และเมื่อตอนดึกคืนที่ผ่านมา ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลมาเปิดประตูระบายน้ำแต่อย่างใด จึงเป็นหน้าที่ของชาวบ้านต้องช่วยกันเปิดประตูระบายน้ำเอง ส่วนการประกาศเตือนภัยในเขตเทศบาลก็ไม่มีเช่นกัน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในภาพรวมของจังหวัด ยังคงมีสภาพน้ำท่วมขังใน 7 อำเภอ ประกอบด้วย ควนขนุน, เมือง, บางแก้ว, ปากพะยูน, เขาชัยสน, ป่าบอน และป่าพะยอม หนักสุด คือ ที่เขตเทศบาลเมืองพัทลุง ต.พญาขัน ต.ชัยบุรี ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน และ ต.พนางตุง ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน เฉลี่ยน้ำสูงอยู่ที่ 1-1.50 เมตร

***นราธิวาสคาดอีก1-2วันน้ำลด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.นราธิวาส นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าฯ พร้อมนางเลขา ซื่อธานุวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส, นายมาหะมะพีสกรี วาแม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส และนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ได้เข้าเยี่ยมให้กำลงใจ มอบมุ้งและถุงยังชีพแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยจากชุมชนหัวสะพาน และท่าก่อไผ่ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 161 คนจาก 32 ครัวเรือน ที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพผู้ประสบอุทกภัย โรงเรียนเทศบาล 4 รวมถึง พ.ท.วุธยา จันทมาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ได้นำถุงยังชีพของกองทัพบกเข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ด้วย

นายอภินันท์กล่าวว่า จังหวัดเตรียมประชุมเพื่อหาข้อสรุปการเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากพบว่ามีหลายพื้นที่ซึ่งเกิดอุทกภัยขึ้นเป็นครั้งแรก และมีความรุนแรง เพื่อจะได้จัดทำแผนการป้องกันในระยะยาวต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้คาดว่าในช่วง 1-2 วันนี้ ระดับน้ำจะเริ่มลดลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติและราษฎรในพื้นที่ประสบอุทกภัยจะ สามารถกลับบ้านได้ เนื่องจากฝนเริ่มทิ้งช่วงแล้ว

ส่วนพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มขึ้นเป็น 11 อำเภอ 55 ตำบล 264 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 18,418 ครัวเรือน รวม 63,649 คน มีพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จำนวน 200 ไร่ ปศุสัตว์ 15 ตัว มีทั้ง 11 อำเภอถนนได้นับความเสียหายรวม 98 สาย สะพานและคอสะพาน 10 แห่ง และล่าสุดระดับน้ำในลุ่มน้ำโก-ลกสูงกว่าตลิ่ง 1.01 เมตร ลุ่มน้ำบางนรา สูงกว่าตลิ่ง 0.31 เมตร ส่วนลุ่มน้ำสายบุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 6.67 เมตร

***สงขลาเกิดเหตุดินเขาแก้วถล่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่จ.สงขลา เกิดเหตุดินจากเขาแก้ว เทือกเขาบรรทัด ใกล้กับน้ำตกโตนปลิว ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง พื้นที่หมู่ 7 บ้านป่ากล้วย ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พังถล่มลงมา ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่บนภูเขาโค่นล้มรวมทั้งหินขนาดใหญ่จำนวนมากได้ไหลลงมากองรวมกันอยู่บริเวณเชิงเขาระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร และยังส่งผลให้พื้นที่บริเวณที่ดินถล่มกลายเป็นทางน้ำขนาดใหญ่และมีน้ำป่าไหลลงมาตลอดเวลา ทำให้สวนผลไม้และสวนยางพาราได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ น้ำป่ายังได้พัดเอาดินและโคลนเข้าไปทับถมในบ้านเรือนของชาวบ้านชุมชนป่ากล้วยที่อยู่บริเวณเชิงเขาได้รับความเสียหาย 4 หลัง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านอย่างมากเนื่องจากในชุมชนป่ากล้วยมีบ้านเรือนอยู่กว่า 40 หลังคาเรือนประมาณ 200 คน

น้ำป่าที่ไหลลงมา ได้ทำให้ร้านอาหารพฤษาซึ่งตั้งอยู่บริเวณน้ำตกโตนปลิวได้รับความเสียหายซุ้มอาหารพัง 4 หลัง รวมทั้งภายในร้านยังเต็มไปด้วยซากโคลนสิ่งเศษไม้รวมทั้งข้าวของภายในร้านที่เสียหายทั้งหมด

***ชาวบ้านขวัญหนีดีฝ่อ

นางประไพ ขุนจันทร์ อายุ 50 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่บ้านได้รับความเสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสองทุ่มคืนที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุมีฝนตกหนักคาดว่าดินบนภูเขาอุ้มน้ำไว้ไม่อยู่ แต่โชคดีคนในครอบครัวที่อยู่รวมกัน 5 ชีวิตปลอดภัย รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนป่ากล้วยก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านอย่างมากเนื่องจากในชุมชนป่ากล้วยมีบ้านเรือนอยู่กว่า 40 หลังคาเรือน ราว200 คน และยังคงมีฝนตกหนักเกรงว่าดินขนภูเขาจะถล่มลงมาอีก

ขณะที่นายซ้อน ปานมี ชาวบ้านอีกคน กล่าวว่า ช่วงที่ฝนตกหนัก ได้สังเกตเห็นประกายไฟระยิบระยับแดงฉานขึ้นบนภูเขาบริเวณที่ดินถล่ม โดยคาดว่าน่าจะมาจากการหินขนาดใหญ่ที่กลิ้งลงมาและเสียดสีกัน ซึ่งน่ากลัวมาก ชาวบ้านยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุกลายเป็นเส้นทางน้ำสายใหม่ที่ไหลเข้าสู่กลางหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายฐานัน บุญพันธุ์ ปลัดอำเภอหาดใหญ่ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ ต.ฉลุง พร้อมด้วยนายสมโภชน์ วิเชียร นายก อบต.ฉลุง นายดลเหล๊ะ จิสวัสดิ์ กำนันตำบลฉลุง ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้ว

***ประกาศเตือนดินถล่ม-น้ำป่าหลาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศเตือนว่า ระหว่างวันที่ 3-4 ม.ค.นี้ ระวังเหตุดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัย อ.กาญจนดิษฐ์ บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี อ.ขนอม สิชล นบพิตำ พรหมคีรี ลานสะกา จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา จ.พัทลุง ที่ยังมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่

***เผยโรงพยาบาลจมน้ำแล้ว3แห่ง

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลในสังกัดถูกน้ำท่วม 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร น้ำท่วมอาคารโรงพยาบาล 4 จุด สูงประมาณ 1 เมตร ส่วนอาคารผู้ป่วยนอกยังเปิดบริการตามปกติ ซึ่งได้จัดเรือรับ-ส่งผู้ป่วย 1 ลำ ขณะนี้มีผู้ป่วยพักรักษา 100 คน

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราชมี 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลท่าศาลา น้ำท่วมอาคารผู้ป่วยนอก สูง 5 เซนติเมตร สามารถให้บริการได้ และน้ำท่วมบ้านพักเจ้าหน้าที่ สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง และย้ายผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลมหาราช-นครศรีธรรมราช จำนวน 20 ราย ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 50 ราย โดยย้ายขึ้นไปบนหอผู้ป่วย ชั้น 2 ทั้งหมด และที่สำนักงานสาธารณสุข จ.นครศรีธรรมราช

นอกจากนี้ ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขทุกแห่งในภาคใต้ จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจุดที่มีน้ำท่วม และจุดอพยพชาวบ้าน รวมถึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับบริการให้เหมาะสมในพื้นที่น้ำลดให้เฝ้าระวังป้องกันโรคที่อาจเกิดตามมา

***"ปู"สั่งกลาโหมส่งทหารช่วย

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สั่งการไปยัง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้จัดส่งกำลังเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เป็นการด่วน ซึ่งรมว.กลาโหม ได้สั่งการเพิ่มเติมให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 21 แห่ง เข้าไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในการจัดกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดพาหนะลำเลียงผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล และจัดเรือขนส่งถุงยังชีพไปช่วยผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ติดตามความเสียหาย และเตรียมมาตรการชดเชย เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เช่นเดียวกันกับภาคอื่น

ส่วนการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ประสบภัย มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายกรัฐมนตรี กำลังพิจารณา เนื่องจากวันนี้ มีภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี และการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 วาระที่ 2 และ 3

***ปชป.จี้รัฐจริงใจช่วยน้ำท่วมภาคใต้

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเสียหายจากฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินโคลนถล่มในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ ว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีคำสั่งให้มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ร่วมกับทีมอาสา จัดส่งถุงยังชีพ 1,000 ถุงไปที่ อ.จะนะ จ.สงขลา รวมทั้งสั่งให้ ส.ส.ของพรรคทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ลงพื้นที่และรายงานความเสียหาย และความต้องการช่วยเหลือจากพื้นที่มายังผู้บริหาร เพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะส่งความช่วยเหลือ ถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค ไปให้ความช่วยเหลือต่อไป

"อยากเรียกร้องรัฐบาลใส่ใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ และอยากให้นายกฯ ลงไปดูในพื้นที่ จัดสรรงบประมาณฉุกเฉินในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะเครื่องสูบน้ำ ตั้งศูนย์อพยพในแต่ละอำเภอ ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เกิดจนพี่น้องติดอยู่ในพื้นที่ ทำให้การช่วยเหลือยากลำบาก ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์อพยพในพื้นที่เสี่ยงภัยทันที และจัดสรรงบประมาณในด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม จนกว่าสถานกาณ์จะเข้าสู่ปกติ ซึ่งรัฐบาลควรให้ความระมัดระวังเรื่องน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ที่อาจจะแตกต่างจากปัญหาที่ผ่านมา เพราะต้องเข้าใจสภาพพื้นที่ และรัฐบาลควรจริงใจสั่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไปดูแลประชาชนในภาคใต้อย่างจริงจัง ไม่ให้เกิดการลุกลามบานปลายเหมือนอุทกภัยที่ผ่านมา" นายชวนนท์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น