นครศรีธรรมราช - สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เริ่มคลี่คลาย หลังฝนเริ่มหยุดตก ขณะที่รองแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารช่างเร่งซ้อมแซมสะพานเส้นทางกรุงชิง พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
วันนี้ (4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า ภาพรวมนั้นเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ฝนได้หยุดตกตั้งแต่ช่วงเช้า แสงแดดแรกของปี 2555 ได้สาดส่องลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่น้ำป่าจากเทือกเขาหลวงได้บรรเทาลงไปมาก ทำให้การระบายน้ำเริ่มเป็นไปได้อย่างคล่องตัว โดยมีการติดตั้งเครื่องดันน้ำของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันเดียวกัน พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาค 4 ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์บินเข้าสำรวจพื้นที่ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ที่ยังมีประชาชนถูกตัดขาดไปหลายหมู่บ้านนับตั้งแต่ ม.6 ต.กรุงชิง เป็นต้นไป โดย พล.ต.กิตติ อินทสร รอง มทภ.4 ได้สั่งการให้จัดตั้งกองอำนวยการทหารขึ้นในพื้นที่นบพิตำ เพื่อสะดวกในการบัญชาการกองกำลัง โดยได้เข้าตรวจสอบสะพานที่เคยขาดเมื่อครั้งน้ำท่วมช่วง มี.ค.-เม.ย.54 มีการเสริมสะพานแบริ่งชั่วคราว และกำลังเตรียมการก่อสร้างใหม่
ปรากฏว่า สะพานแบริ่งน้ำหนักหลายสิบตัน ได้ถูกน้ำซัดจนกระเด็นไปจากจุดเดิมนับร้อยเมตร ชาวบ้านต้องใช้รอกขนย้ายสิ่งของผ่านคลองกลายที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก และมีสะพานลิง ที่ใช้เชือกผูกโยงเดินข้ามไปมาชั่วคราว ส่วนรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ ประชาชนติดค้างอยู่ในเขต ม.6 ต.กรุงชิง เป็นจำนวนมาก
พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า กำลังพลจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 และ กรมทหารช่างได้เข้าพื้นที่ให้การช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง และชาวบ้านฝั่งที่ยังติดอยู่ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ ได้ร้องขอแพทย์ทหารเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้แพทย์จากโรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ จัดหน่วยแพทย์ทหารเคลื่อนที่เข้าไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว
“ส่วนการกู้เส้นทางนั้นทหารช่างพร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ จะเคลื่อนย้ายเครื่องกลหนักเข้าไปกู้สะพานแบริ่งที่ถูกน้ำซัดจากจุดเดิมไปไกลกลับมาจัดวางใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้ก่อน โดยผู้บังคับบัญชาของชุดปฏิบัติการทหารช่างยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้จะสามารถเปิดเส้นทางเข้าไปได้” รอง มทภ.4 ระบุ
ชาวบ้านกรุงชิง-ผู้ประกอบการ
วอนรัฐเร่งสร้างสะพานมั่นคงชาวบ้านอยู่อย่างหวาดผวา
นางอำไพ ถาวระ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ในพื้นที่ ต.กรุงชิง และเป็นผู้นำธรรมชาติของประชาชนในพื้นที่ เปิดเผยว่า น้ำที่ลงมานั้นมีปริมาณมาก และเชี่ยวกรากสะพานที่ขาดไปเมื่อคราวที่แล้ว และมีการปลูกสร้างสะพานชั่วคราว มาครั้งนี้ถูกซัดขาดหายไปอีกครั้ง อยากขอให้ทางการเร่งช่วยเหลือชาวบ้าน เนื่องจากมีความเดือดร้อนมากมีผู้ป่วยที่ไม่สามารถพาออกไปได้ ใส่เข่งโยงเชือกไปไม่ได้ ขอให้ช่วยสร้างสะพานที่มีความมั่นคงแข็งแรงให้กับพื้นที่ เนื่องจากเมื่อมีฝนตกหนักมีน้ำป่าที่เพิ่มความรุนแรงทุกครั้ง ประชาชนต่างอยู่ในสภาพที่หวาดผวากันมาก
ผวจ.นครศรีธรรมราช นำ อส.-จนท.ช่วยนักท่องเที่ยว
ติดค้างในน้ำตกหมดปลอดภัยแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นผู้ประกาศ ททบ.5
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด และ นายอภินันท์ เผือกผ่อง นายอำเภอลานสกา ได้นำกำลังสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน และอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ทั้งชาย-หญิง ที่เข้าพัก และติดค้างบริเวณน้ำตกท่าหา ต.กำโลน อ.ลานสกา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ อีกจำนวน 52 คน หลังจากที่ทางอำเภอได้เข้าช่วยเหลือแล้วก่อนหน้านี้ 13 คน ซึ่งได้ให้การช่วยเหลือโดยการไต่เชือกออกมา สำหรับผู้ที่จะต้องการเดินทางต่อไปยังภูมิลำเนา ส่วนผู้ที่ต้องการจะพักอยู่ต่อ ได้จัดรีสอร์ตไว้ให้เข้าพักได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
นายณัชระ นันทโพธิ์เดช อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นชาวกรุงเทพฯ และเป็นผู้ประกาศข่าว ททบ.5 ซึ่งเป็น 1 ในนักท่องเที่ยวที่ติดค้าง เปิดเผยว่า พวกตนได้เดินทางมาเที่ยวกันคาราวาน โดยมากันทั้งหมด 70 กว่าคน เดินทางโดยรถตู้ 1 คัน รถกระบะ 2 คัน และรถจักรยานยนต์ชอปเปอร์กว่า 20 คัน โดยจะมานอนกระบี่ 2 คืน และมานอนที่คีรีวง 2 คืน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวที่นครศรีธรรมราช เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเราไม่ได้ตกใจอะไร เพียงแต่เราข้ามฝั่งมาอีกด้านไม่ได้เท่านั้นเอง ช่วงที่ติดค้างอยู่ฝั่งตรงกันข้ามได้มีชาวบ้านและทางอำเภอช่วยทำข้าวกล่องส่งไปให้กินกันทุกวันไม่ได้อด แต่วันนี้หากไม่ได้ออกมา เราเริ่มได้รับผลกระทบจากการขาดน้ำใช้ เพราะไฟฟ้าดับมาหลายวันแล้ว
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ แล้ว 14 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ลานสกา พรหมคีรี นบพิตำ ขนอม สิชล ท่าศาลา หัวไทร ร่อนพิบูลย์ พระพรหม เฉลิมพระเกียรติ พิปูน เชียรใหญ่ และอำเภอชะอวด มีพื้นที่ประสบภัย 50 ตำบล 290 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 124,000 คน อพยพประชาชนไปอยู่ที่ปลอดภัย 3,000 คน 500 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 120 สาย สะพาน/คอสะพาน 30 แห่ง สิ่งสาธารณประโยชน์ต่างๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 120 ล้านบาท
ภูเขาถล่มที่บ้านเขาวังพันกว่าคนถูกตัดขาดออกไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อเวลา 12.00 น.ของวันเดียวกัน ได้เกิดเหตุการณ์ภูเขาถล่มพังลงมาทับเส้นทางขึ้นหมู่บ้านเขาวัง ม.12ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช โดยจุดเกิดเหตุเป็นสวนยางพาราของชาวบ้าน ภูเขาที่พังลงมาทับเสาไฟฟ้าเสียหาย 4 ต้น และการพังถล่มลงมานั้นได้ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยดินจากภูเขาได้พังทลายปิดถนนทางเข้าหมู่บ้านเขาวัง และ ร.ร.ตชด.บ้านเขาวัง ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณพันกว่า คนโดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยมุสลิม
นายทวีสน บุญผล ผู้ใหญ่บ้าน ม.12 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ เปิดเผยว่า ภูเขาเขาวังได้มีรอยปริแตกเป็นระยะยาวอยู่ 2-3 วันแล้ว หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกัน โดยตนได้ประสานเฝ้าระวังอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมาให้เฝ้าระวัง และเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาก็ได้เกิดภูเขาพังถล่มลงมาปิดเส้นทางสัญจรและยังคงมีดินสไลด์ลงมาต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ซึ่งโชคดีว่าบริเวณที่ดินพังลงมานั้นไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้านอาศัยอยู่ แต่ปัญหาก็คือด้านในของภูเขาจะมีหมู่บ้านเขาวังมี ร.ร.ตชด.บ้านเขาวัง ซึ่งมีชาวบ้านประมาณพันกว่าคนอาศัยอยู่ด้านในไม่สามารถออกมาด้านนอกได้
ล่าสุด นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีฯ ได้รุดไปยังที่เกิดเหตุเพื่ออำนวยการช่วยเหลือ ซึ่งขณะที่รองผู้ว่านครศรีธรรมราชได้ขึ้นไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุนั้นดินได้ถล่มลงมาต้นไม้ใหญ่ล้มลงมาด้วย ทำให้คณะเจ้าหน้าที่กระโดดหนีกันจ้าละหวั่น สำหรับเส้นทางที่ภูเขาถล่มลงมาปิดทับนั้นเป็นเส้นทางเสด็จฯ ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใช้เสด็จฯเพื่อไปเยี่ยม ร.ร.ตชด.บ้านเขาวัง โดยจะเสด็จฯทุกครั้งเมื่อเสด็จฯมายัง จ.นครศรีธรรมราช
พบศพถูกน้ำซัดข้ามหมู่บ้านแล้ว 2 ราย
เมื่อเวลา 15.30 น.ของวันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.มนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมแพทย์เวร เข้าทำการชันสูตรพลิกศพชายวัยรุ่นจมน้ำพร้อมกัน 2 ศพที่ ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยศพแรกคือ นายคามินทร์ สุวรรณวิโก อายุ 15 ปี อยู่ 297/35 ม.1 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อีกรายคือ นายเฉลิมเกียรติ มณินท์ อายุ 15 ปี อยู่ 64/3 ม.4 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ชม.ตัวซีดขาว
เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่า ช่วงกระแสน้ำป่ากำลังทะลักเมื่อวานนี้ ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายขับขี่ และโดยสารรถจักรยานยนต์ทะเบียน คงท 158 นครศรีธรรมราช เข้ามายังเส้นทางชลประทานวังรัก ม.5 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง และถูกกระแสน้ำที่กำลังท่วมสูงเชี่ยวกรากพัดทั้งคนทั้งรถจมน้ำหายไป เจ้าหน้าที่ และชาวบ้านพยายามค้นหา แต่ปรากฏมาพบศพในวันนี้ โดยถูกน้ำซัดไปไกลเป็นกิโลเมตร หลังจากพลิกศพแล้วจึงมอบให้ญาติไปดำเนินการ
มูลนิธิเพื่อนพึ่งพา (ภาฯ) ยามยาก ลงพื้นที่สิชลช่วยประชาชน
นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิเพื่อนพึ่งพา (ภาฯ) ยามยาก พร้อมด้วยคณะ ได้ลงพื้นที่ อ.สิชล นครศรีธรรมราช โดยมี นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตัวแทนกองทัพภาคที่ 4 ให้การต้อนรับ โดยนายอภัย เปิดเผยว่า ได้รับพระกรุณาให้นำเอาถุงยังชีพบรรจุของพระราชทานนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากภัยธรรมชาติ ซึ่งขอให้ประชาชนตื่นตัวที่จะรับมือเนื่องจากภัยธรรมชาติมีความรุนแรกมากขึ้น ฝนตกอย่างหนักมากขึ้นนับร้อยมิลลิเมตรเพียงไม่กี่ชั่วโมงต้องปรับตัวที่จะรับมือกับภัยธรรมชาติ ต้องตระเตรียมสิ่งของสำหรับยังชีพในเบื้องต้น เชื้อเพลิงไว้ให้พร้อมเพียงพอหากเกิดเหตุการณ์