ASTVผู้จัดการรายวัน - คนร้ายสวมหมวกกันน๊อก อำพรางมิดชิด บุกเดี่ยวเข้าไปในแบงก์กสิกรไทย หน้าโรบินสัน รัชดาฯ ชักปืนจี้บังคับให้พนักงานเก็บเงินใส่กระเป๋าได้ 4.2 แสนบาท แล้วหลบหนีไปลอยนวล โดยใช้เวลาปฏิบัติการเพียง 33 วินาทีเท่านั้น ตำรวจรับคนร้ายอาศัยช่วงเผลอ ลงมือก่อเหตุ
วานนี้(28 ธ.ค.)เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ภายในธนาคารกสิกรไทย สาขาโรบินสัน รัชดาภิเษก ถ.รัชดาภิเษกขาออก แขวงและเขตดินแดง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รรท.ผบก.น.1 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 1 ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รัชดาภิเษก ติดกับลานจอดรถด้านหน้าห้าง พบเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตกใจรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ เดินเข้ามาภายในธนาคาร ก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจี้พนักงานที่บริเวณเคาน์เตอร์รับ-ฝากเงิน โดยคนร้ายพูดกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ฝากเงินดังกล่าวว่า “ส่งเงินมา”ก่อนโยนกระเป๋าสะพายข้างสีดำให้พนักงานใส่เงินสดลงไป โดยคนร้ายได้เงินสดไปจำนวน 420,000 บาท ก่อนวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่จอดอยู่หน้าร้านอาหารปักกิ่งซึ่งอยู่ถัดไปจากธนาคาร หลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร พร้อมทั้งทำการสอบปากคำพนักงานของธนาคาร ซึ่งขณะเกิดเหตุมีพนักงานทำงานอยู่ 5 คน เนื่องจากเป็นช่วงพักเที่ยง ขณะเดียวกันจะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารทำให้ทราบพฤติการณ์และตำหนิรูปพรรณของคนร้ายได้อย่างชัดเจน พบว่า คนร้ายเป็นชายอายุไม่เกิน 30 ปี รูปร่างผอมเตี้ย สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน กางเกงผ้าขายาวสีดำ ทำทีเป็นพนักงานส่งเอกสารเข้ามาภายในธนาคาร ก่อนลงมือใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พนักงานที่บริเวณเคาน์เตอร์รับฝากเงิน ได้เงินสด 420,000 บาท ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาวหลบหนีไป ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายทำเพียงคนเดียวโดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 33 วินาที
"ขอยืนยันว่าที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการวางแผนและกำหนดมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว แต่คนร้ายได้อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอ ซึ่งหลังจากนี้จะได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติให้เอาจริงเอาจังมากกว่านี้ต่อไป"พล.ต.ต.วิชัยกล่าว
วานนี้(28 ธ.ค.)เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ภายในธนาคารกสิกรไทย สาขาโรบินสัน รัชดาภิเษก ถ.รัชดาภิเษกขาออก แขวงและเขตดินแดง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รรท.ผบก.น.1 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 1 ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รัชดาภิเษก ติดกับลานจอดรถด้านหน้าห้าง พบเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตกใจรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ เดินเข้ามาภายในธนาคาร ก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจี้พนักงานที่บริเวณเคาน์เตอร์รับ-ฝากเงิน โดยคนร้ายพูดกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ฝากเงินดังกล่าวว่า “ส่งเงินมา”ก่อนโยนกระเป๋าสะพายข้างสีดำให้พนักงานใส่เงินสดลงไป โดยคนร้ายได้เงินสดไปจำนวน 420,000 บาท ก่อนวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ที่จอดอยู่หน้าร้านอาหารปักกิ่งซึ่งอยู่ถัดไปจากธนาคาร หลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร พร้อมทั้งทำการสอบปากคำพนักงานของธนาคาร ซึ่งขณะเกิดเหตุมีพนักงานทำงานอยู่ 5 คน เนื่องจากเป็นช่วงพักเที่ยง ขณะเดียวกันจะได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารทำให้ทราบพฤติการณ์และตำหนิรูปพรรณของคนร้ายได้อย่างชัดเจน พบว่า คนร้ายเป็นชายอายุไม่เกิน 30 ปี รูปร่างผอมเตี้ย สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงิน กางเกงผ้าขายาวสีดำ ทำทีเป็นพนักงานส่งเอกสารเข้ามาภายในธนาคาร ก่อนลงมือใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พนักงานที่บริเวณเคาน์เตอร์รับฝากเงิน ได้เงินสด 420,000 บาท ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีขาวหลบหนีไป ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายทำเพียงคนเดียวโดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 33 วินาที
"ขอยืนยันว่าที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการวางแผนและกำหนดมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว แต่คนร้ายได้อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่เผลอ ซึ่งหลังจากนี้จะได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติให้เอาจริงเอาจังมากกว่านี้ต่อไป"พล.ต.ต.วิชัยกล่าว