ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับคนร้ายเป็นชายตัวเล็ก และ ขาเป๋ บุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์แบงก์กสิกรไทย 4 .2 แสนบาท เผย สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ทำให้รู้เบาะแสคนร้ายเป็นกลุ่มใด
วันนี้ (29 ธ.ค.) พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รองผกก.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคนร้ายเป็นชายบุกเดี่ยวเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ภายในธนาคารกสิกรไทย หน้าห้างโรบินสัน ถ.รัชดาภิเษก ได้เงินไปกว่า 4.2 แสนบาท ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีขาวไม่ทราบทะเบียนหลบหนีไป เมื่อวานนี้ (28 ธ.ค.) ว่า ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของธนาคารและลานจอดรถแล้ว โดยคนร้ายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ทำให้เห็นใบหน้าไม่เด่นชัด ส่วนกล้องบริเวณท้องถนน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ แต่หลังเกิดเหตุได้นำข้อมูลต่างๆ จากหลายส่วนมาวิเคราะห์ และประมวลเหตุการณ์จากทุกด้านว่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง โดยขณะนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก ซึ่งทำให้รู้เบาะแสว่าคนร้ายรายนี้เป็นกลุ่มไหนแล้ว โดยวันนี้จะให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับคนร้ายรายนี้ ซึ่งเป็นชายไม่ทราบชื่อนามสกุลที่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้มาก เพราะอาจทำให้เป็นผลต่อรูปคดี โดยทางตำรวจจะเร่งติดตามตัวคนร้ายมาให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กล้องวงจรปิดภายในธนาคารสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ ตั้งแต่คนร้ายเดินเข้ามาลงมือก่อเหตุจนหลบหนีไป โดยคนร้ายเป็นชายลักษณะตัวเล็ก ขาของคนร้ายมีลักษณะผิดรูปคล้ายคนขาเป๋ สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีกรมท่า สวมกางเกงขายาวทรงเดฟสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ ถุงมือหนังสีแดง-ดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ถือกระเป๋าเป้สีดำ และมีอาวุธปืนแบบออโตเมติก ไม่ทราบขนาดสีเงิน 1 กระบอก เดินเข้ามาแล้วใช้ปืนจี้ที่เอวของ น.ส.นีรนุช เขื่อนแก้ว อายุ 24 ปี เป็นพนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์รับฝาก-ถอน ช่องที่ 1 แล้วโยนกระเป๋าเป้สั่งให้ น.ส.สุกัญญา สนทอง อายุ 27 ปี พนักงานบริการและการขาย (ประจำเคาน์เตอร์) ที่ยืนอยู่ด้านใน จากนั้นคนร้ายได้สั่งให้หยิบเงินใส่กระเป๋า ซึ่งเมื่อได้เงินแล้วคนร้ายรีบเดินออกไปขึ้นรถ จยย.ที่จอดไว้ลานจอดรถหลบหนีทันที ซึ่งลักษณะคนร้ายขาเป๋นี้น่าจะเป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้ติดตามตัวคนร้ายได้เร็วขึ้น
