ตำรวจตามจับกุมโจรหนุ่มควงปืนปลอมจี้ชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาโรบินสันรัชดาฯ เจ้าตัวสารภาพก่อเหตุหาเงินไปซื้อของและเที่ยวเตร่ที่ จ.เชียงใหม่
วันนี้ (1 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ, พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์, พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รรท.รอง ผบช.น. พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.กก.สส.น.1 และพ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายกฤษณะ หรือกิต ไสยแก้ว อายุ 21 ปี ข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 300,000 บาท อาวุธปืนปลอมขนาด .357 จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก ทะเบียน วษร760 กทม. หมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ 1 ใบ และถุงมือผ้าสีดำคาดแดง 1 คู่ โดยสามารถจับกุมได้ที่ร้านไอซ์เบอรี่ ซอยนิมมานเหมินทร์ 17 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 28 ธ.ค.54 เวลาประมาณ 13.00 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายสวมใส่หมวกกันน็อกเต็มใบและสวมไหมพรมปิดหน้า โดยมีอาวุธปืนเข้าไปทำการจี้บังคับพนักงานต้อนรับของธนาคารกสิกรไทย สาขาห้างโรบินสันรัชดา จากนั้นได้เข้าไปบังคับเอาเงินจากแคชเชียร์ที่กำลังให้บริการลูกค้าภายในธนาคารได้เงินสดไปจำนวน 420,000 บาท ก่อนจะหลบหนีไปโดยใช้จักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป
พล.ต.ท.วินัยกล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยมี กก.สส.น1 และฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ร่วมกันสนธิกำลังทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวคือนายกฤษณะ จึงได้ขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับไว้ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2023/2554 จากนั้นได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จึงได้ติดตามไปกระทั่งสามารถทำการจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนจะนำตัวมาตรวจค้นที่บ้านพักของเพื่อนผู้ต้องหา พบเงินสดของกลาง 300,000 บาท และอาวุธปืนปลอมที่ใช้ก่อเหตุ รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยเงินสดที่ได้บางส่วนได้นำไปใช้จ่ายซื้อสิ่งของต่างๆ และเที่ยวเตร่อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุในครั้งนี้เนื่องจากไม่มีเงินใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้นำตัวนายกฤษณะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ ธ.กสิกรไทย สาขาห้างโรบินสันรัชดา ท่ามกลางความสนใจของประชาชนจำนวนมาก ก่อนจะนำตัวเข้าห้องขัง สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป