หลังจากที่ผมได้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับพระบรมอัฐิและพระบรมโกศของในหลวงรัชกาลที่ 5 ผมได้พิจารณาไตร่ตรองเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผมคิดแต่เพียงว่าพระบรมโกศควรประดิษฐานในที่ที่เหมาะสมเท่านั้น ผมจึงขอออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนของเรื่องนี้
แถลงการณ์จุดยืนเรื่องพระบรมอัฐิและพระบรมโกศในหลวงรัชกาลที่ 5
ผมนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ และผมได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระบรมอัฐิและพระบรมโกศซึ่งถูกหม่อมอุ่นเรือน นำไปจำนำเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ผมได้ทราบข่าวเรื่องนี้มานานกว่า 2 ปี จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2554 ผมอยากรู้เรื่องนี้อีกสักครั้ง จึงได้โทรศัพท์ถามเพื่อน (เพราะผมกำลังทำเรื่องการสูญเสียดินแดนและปราสาทพระวิหาร ผมได้อ่านลายพระหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ 5 จนซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน)
เมื่อผมทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ผมก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือกับผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งเพราะไม่สบายใจที่มีการจำนำพระบรมอัฐิ และพระบรมโกศของในหลวงรัชกาลที่ 5 แต่ผู้ใหญ่กลุ่มนั้นปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ผมจึงได้โพสต์เรื่องนี้ลงใน Facebook และในเวลาต่อมาผมได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของเรื่องนี้ เมื่อคุณชายทักขิญ ยุคล ได้ติดต่อผมเข้ามาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 ทางข้อความ Facebook.
คุณชายทักขิญ บอกผมว่าจะมีการประชุมของราชสกุลที่บ้านท่านอ้วน และยังยืนยันกับผมว่าคุณชายคือตัวแทนของราชสกุล ผมรู้สึกดีใจที่ราชสกุลยุคลได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ และผมได้ทำหน้าที่ประสานงานติดต่อจนกระทั่งทั้งคุณชายทักขิญ ยุคล, คุณสายฝน สนิทวงศ์, ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ได้พบกันกับฝ่ายผู้รับจำนำคือเสี่ยสี่และเสี่ยสิน ซึ่งเสี่ยทั้งสองนี้รู้จักหม่อมอุ่นเรือน ยุคล เป็นอย่างดี ผู้ประสานงานของฝ่ายเสี่ยทั้งสองคือคุณวีนัส กรสุรัตน์ ซึ่งผมรู้จักกับเขาครั้งแรกเมื่อผมได้กราบเรียนเชิญท่านใหม่มาเป็นประธานเปิดงานแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว
การประชุมครั้งนั้นผมได้บันทึกรายงานการประชุมอย่างเป็นระบบ ต่อมาคุณชายทักขิญ ยุคลได้ติดต่อเสี่ยสี่เพื่อไปพบและชมพระบรมโกศ ซึ่งผมไม่เคยรับทราบเรื่องนี้หลังจากการประชุมวันที่ 17 ตุลาคม 2554 เสร็จสิ้นลง ผมก็ได้ยืนยันไปแล้วว่าผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการต่อรองใดๆ นับแต่วันนั้นเพราะทั้งสองฝ่ายได้พบกันแล้วมีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ระหว่างคุณชายทักขิญ ยุคล กับเสี่ยสี่ ในบันทึกการประชุมผมได้พูดอย่างชัดเจนและมีการคุยกันว่าให้คุณชายทักขิญนัดหมายกับเสี่ยสี่และเสี่ยสินได้เองเลย และจากวันดังกล่าวผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย มาตกใจอีกครั้งเมื่อตอนอยู่ที่ต่างประเทศเพราะได้ยินว่ามีการจับกุมเกิดขึ้น พระบรมอัฐิและพระบรมโกศของในหลวงรัชกาลที่ 5 และองค์อื่นๆ ได้ถูกตำรวจนำไปประดิษฐานที่สถานีตำรวจดุสิต
เมื่อผมทราบเรื่องนี้ หลังจากผมกลับมาจากต่างประเทศ ผมจึงได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook เพราะผมเห็นว่าไม่เป็นการยุติธรรมที่จะมีการไปแจ้งความจับกุมเสี่ยสี่และยึดของกลาง ทำไมหรือครับ นั่นก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่จะให้ไถ่ถอนและจะไถ่ถอนพระบรมโกศ บันทึกการประชุมได้บอกเหตุการณ์อย่างละเอียด มีคำพูดของแต่ละท่านทั้งหมด หากใครได้รับทราบบันทึกนี้จะเห็นว่าเนื้อหาในที่ประชุมกล่าวถึง
1. หม่อมอุ่นเรือนได้นำพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไปจำนำ คุณชายทักขิญ คุณสายฝน สนิทวงศ์ และม.จ.เฉลิมศึก ยุคลได้รับทราบเรื่องนี้ว่าพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไม่เคยหายไปจากวังอัศวิน แต่หม่อมอุ่นเรือนหิ้วพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไปจำนำด้วยตัวเอง ม.จ.เฉลิมศึก ท่านยังพูดเลยว่าหม่อมอุ่นเรือนน่าจะถูกฟ้องหากไม่มาไถ่คืน เรื่องนี้คุณชายทักขิญน่าจะจำได้นะครับเพราะเราพูดกันในที่ประชุมและมีหลักฐาน
2. ทุกฝ่ายในที่ประชุมวันนั้นได้รับทราบว่าเรื่องนี้คือการจำนำและการไถ่ถอนพระบรมโกศและพระบรมอัฐิ
3. มีการประชุมกันในวันที่ 17 ตุลาคม 2554 เวลาประมาณ 14.30 น. ประชุมกันรวมเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 19 นาที 9 วินาที คุณชายทักขิญจึงน่าจะจดจำได้ดี (อ่านตอนจบวันพุธหน้า)
แถลงการณ์จุดยืนเรื่องพระบรมอัฐิและพระบรมโกศในหลวงรัชกาลที่ 5
ผมนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ และผมได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระบรมอัฐิและพระบรมโกศซึ่งถูกหม่อมอุ่นเรือน นำไปจำนำเป็นมูลค่าหลายล้านบาท ผมได้ทราบข่าวเรื่องนี้มานานกว่า 2 ปี จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2554 ผมอยากรู้เรื่องนี้อีกสักครั้ง จึงได้โทรศัพท์ถามเพื่อน (เพราะผมกำลังทำเรื่องการสูญเสียดินแดนและปราสาทพระวิหาร ผมได้อ่านลายพระหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ 5 จนซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน)
เมื่อผมทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ผมก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือกับผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งเพราะไม่สบายใจที่มีการจำนำพระบรมอัฐิ และพระบรมโกศของในหลวงรัชกาลที่ 5 แต่ผู้ใหญ่กลุ่มนั้นปฏิเสธที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ผมจึงได้โพสต์เรื่องนี้ลงใน Facebook และในเวลาต่อมาผมได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานของเรื่องนี้ เมื่อคุณชายทักขิญ ยุคล ได้ติดต่อผมเข้ามาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 ทางข้อความ Facebook.
คุณชายทักขิญ บอกผมว่าจะมีการประชุมของราชสกุลที่บ้านท่านอ้วน และยังยืนยันกับผมว่าคุณชายคือตัวแทนของราชสกุล ผมรู้สึกดีใจที่ราชสกุลยุคลได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ และผมได้ทำหน้าที่ประสานงานติดต่อจนกระทั่งทั้งคุณชายทักขิญ ยุคล, คุณสายฝน สนิทวงศ์, ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ได้พบกันกับฝ่ายผู้รับจำนำคือเสี่ยสี่และเสี่ยสิน ซึ่งเสี่ยทั้งสองนี้รู้จักหม่อมอุ่นเรือน ยุคล เป็นอย่างดี ผู้ประสานงานของฝ่ายเสี่ยทั้งสองคือคุณวีนัส กรสุรัตน์ ซึ่งผมรู้จักกับเขาครั้งแรกเมื่อผมได้กราบเรียนเชิญท่านใหม่มาเป็นประธานเปิดงานแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว
การประชุมครั้งนั้นผมได้บันทึกรายงานการประชุมอย่างเป็นระบบ ต่อมาคุณชายทักขิญ ยุคลได้ติดต่อเสี่ยสี่เพื่อไปพบและชมพระบรมโกศ ซึ่งผมไม่เคยรับทราบเรื่องนี้หลังจากการประชุมวันที่ 17 ตุลาคม 2554 เสร็จสิ้นลง ผมก็ได้ยืนยันไปแล้วว่าผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการต่อรองใดๆ นับแต่วันนั้นเพราะทั้งสองฝ่ายได้พบกันแล้วมีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ระหว่างคุณชายทักขิญ ยุคล กับเสี่ยสี่ ในบันทึกการประชุมผมได้พูดอย่างชัดเจนและมีการคุยกันว่าให้คุณชายทักขิญนัดหมายกับเสี่ยสี่และเสี่ยสินได้เองเลย และจากวันดังกล่าวผมก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย มาตกใจอีกครั้งเมื่อตอนอยู่ที่ต่างประเทศเพราะได้ยินว่ามีการจับกุมเกิดขึ้น พระบรมอัฐิและพระบรมโกศของในหลวงรัชกาลที่ 5 และองค์อื่นๆ ได้ถูกตำรวจนำไปประดิษฐานที่สถานีตำรวจดุสิต
เมื่อผมทราบเรื่องนี้ หลังจากผมกลับมาจากต่างประเทศ ผมจึงได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook เพราะผมเห็นว่าไม่เป็นการยุติธรรมที่จะมีการไปแจ้งความจับกุมเสี่ยสี่และยึดของกลาง ทำไมหรือครับ นั่นก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันที่จะให้ไถ่ถอนและจะไถ่ถอนพระบรมโกศ บันทึกการประชุมได้บอกเหตุการณ์อย่างละเอียด มีคำพูดของแต่ละท่านทั้งหมด หากใครได้รับทราบบันทึกนี้จะเห็นว่าเนื้อหาในที่ประชุมกล่าวถึง
1. หม่อมอุ่นเรือนได้นำพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไปจำนำ คุณชายทักขิญ คุณสายฝน สนิทวงศ์ และม.จ.เฉลิมศึก ยุคลได้รับทราบเรื่องนี้ว่าพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไม่เคยหายไปจากวังอัศวิน แต่หม่อมอุ่นเรือนหิ้วพระบรมโกศและพระบรมอัฐิไปจำนำด้วยตัวเอง ม.จ.เฉลิมศึก ท่านยังพูดเลยว่าหม่อมอุ่นเรือนน่าจะถูกฟ้องหากไม่มาไถ่คืน เรื่องนี้คุณชายทักขิญน่าจะจำได้นะครับเพราะเราพูดกันในที่ประชุมและมีหลักฐาน
2. ทุกฝ่ายในที่ประชุมวันนั้นได้รับทราบว่าเรื่องนี้คือการจำนำและการไถ่ถอนพระบรมโกศและพระบรมอัฐิ
3. มีการประชุมกันในวันที่ 17 ตุลาคม 2554 เวลาประมาณ 14.30 น. ประชุมกันรวมเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 19 นาที 9 วินาที คุณชายทักขิญจึงน่าจะจดจำได้ดี (อ่านตอนจบวันพุธหน้า)