เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้รับทราบข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่ามีผู้นำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปจำนำกับพ่อค้าทองรายหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพระนลาฏและพระทนต์ ตอนแรกผมแทบไม่เชื่อหู เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็มิได้ตามเรื่องต่อ จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ผมได้พูดคุยกับเพื่อนผู้พี่ของผมอีกคนหนึ่งชื่อเล่นว่า “ซิป” ซึ่งเคยเข้าออกอยู่ในวังของราชสกุลนี้ และทราบว่าเรื่องการนำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศไปจำนำนั้นเกิดขึ้นมาหลายปีแล้วโดยสะใภ้ของราชนิกูลตระกูลใหญ่นี้ นำไปจำนำในราคาแพงหลายล้านเพราะพระบรมโกศเป็นทองคำประดับถนิมพิมพาภรณ์
ผมเองเมื่อทราบเรื่องนี้จึงซักไซร้ไล่เรียงจนได้ความว่าการจำนำนั้นเกิดขึ้นจริง และมีการแยกส่วนของพระบรมอัฐินำไปจำนำ 3 ที่ เมื่อผมได้ทราบรายละเอียดผมจึงได้โพส์ตข้อความลงไปใน facebook ของผมบอกเรื่องราวทั้งหมด เพราะเห็นว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศเป็นของสำคัญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นการไม่เหมาะสมที่สะใภ้ของราชสกุล (ซึ่งปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) จะกระทำเรื่องเสื่อมเสียพระเกียรติยศเช่นนี้ การโพส์ตข้อความของผมสร้างความสนใจให้กับคนที่เข้ามาอ่านหน้ากระดานอย่างต่อเนื่องจนเป็นผลทำให้หนังสือพิมพ์ไทยโพส์ตและสื่อออนไลน์อื่นๆ นำเรื่องราวไปลง กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมออนไลน์ไปในที่สุด
ตัวผมเองได้ตั้งปณิธานต่อเรื่องนี้ไว้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ จะทำหน้าที่เพื่อปกป้องพระเกียรติยศของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ผมมีความเคารพรักและเทิดทูนอยู่แล้ว อีกประการหนึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำพาให้เกิดความเสื่อมมาสู่สถาบันที่ผมเคารพรัก และเทิดทูลอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน
ภายหลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปทำให้คนในราชสกุลนี้ได้ติดต่อขอข้อมูลผมและให้ผมบอกเรื่องราวทั้งหมดกับเขา และให้ผมติดต่อกับคนที่รับจำนำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศนี้ให้มาพบกัน ผมก็ถือว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็มีความยินดีเพราะเห็นว่าราชสกุลนี้ได้รับทราบและวาดหวังว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติ มีการประชุมกันที่บ้านของราชนิกูลท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
และผลสรุปออกมาก็คือจะมีการไถ่ถอด ซึ่งสมาชิกท่านหนึ่งของราชสกุลที่เคยติดต่อมา ได้ขอให้ผมนัดหมายกับทางผู้รับจำนำ ในที่สุดก็มีการพบกันเพื่อทำความตกลงในการไถ่ถอด การต่อรองเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นในห้องประชุมแห่งหนึ่ง ผมรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และคาดหวังว่าหลังจากนี้ไปผมจะได้ถอนตัวออกจากเรื่องนี้ การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นมีการดูพระบรมทนต์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 และนัดหมายกันว่าจะมีการไถ่ถอดออกไป
ต่อมาประมาณต้นเดือนธันวาคม ทางฝ่ายตัวแทนราชสกุลได้ไปพบกับผู้รับจำนำและนำกำลังตำรวจพร้อมหมายศาลเข้าไปค้นในที่ทำงานของผู้รับจำนำ มีการแจ้งความว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศได้หายไปจากวังเมื่อเดือนกันยายน 2554 นี้ ผมตกใจเมื่อทราบข่าวเช่นนี้และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ฝ่ายผู้รับจำนำก็มีหลักฐานใบรับจำนำจากลูกสะใภ้ของราชสกุลนี้ และไม่ได้เป็นการขโมยออกมาจากวังแต่อย่างใด
ผมทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และมันไม่เป็นการยุติธรรมหลายประการ เรื่องราวเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อไปนะครับ
ผมเองเมื่อทราบเรื่องนี้จึงซักไซร้ไล่เรียงจนได้ความว่าการจำนำนั้นเกิดขึ้นจริง และมีการแยกส่วนของพระบรมอัฐินำไปจำนำ 3 ที่ เมื่อผมได้ทราบรายละเอียดผมจึงได้โพส์ตข้อความลงไปใน facebook ของผมบอกเรื่องราวทั้งหมด เพราะเห็นว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศเป็นของสำคัญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นการไม่เหมาะสมที่สะใภ้ของราชสกุล (ซึ่งปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) จะกระทำเรื่องเสื่อมเสียพระเกียรติยศเช่นนี้ การโพส์ตข้อความของผมสร้างความสนใจให้กับคนที่เข้ามาอ่านหน้ากระดานอย่างต่อเนื่องจนเป็นผลทำให้หนังสือพิมพ์ไทยโพส์ตและสื่อออนไลน์อื่นๆ นำเรื่องราวไปลง กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมออนไลน์ไปในที่สุด
ตัวผมเองได้ตั้งปณิธานต่อเรื่องนี้ไว้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ จะทำหน้าที่เพื่อปกป้องพระเกียรติยศของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ผมมีความเคารพรักและเทิดทูนอยู่แล้ว อีกประการหนึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำพาให้เกิดความเสื่อมมาสู่สถาบันที่ผมเคารพรัก และเทิดทูลอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน
ภายหลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปทำให้คนในราชสกุลนี้ได้ติดต่อขอข้อมูลผมและให้ผมบอกเรื่องราวทั้งหมดกับเขา และให้ผมติดต่อกับคนที่รับจำนำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศนี้ให้มาพบกัน ผมก็ถือว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็มีความยินดีเพราะเห็นว่าราชสกุลนี้ได้รับทราบและวาดหวังว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติ มีการประชุมกันที่บ้านของราชนิกูลท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
และผลสรุปออกมาก็คือจะมีการไถ่ถอด ซึ่งสมาชิกท่านหนึ่งของราชสกุลที่เคยติดต่อมา ได้ขอให้ผมนัดหมายกับทางผู้รับจำนำ ในที่สุดก็มีการพบกันเพื่อทำความตกลงในการไถ่ถอด การต่อรองเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นในห้องประชุมแห่งหนึ่ง ผมรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และคาดหวังว่าหลังจากนี้ไปผมจะได้ถอนตัวออกจากเรื่องนี้ การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นมีการดูพระบรมทนต์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 และนัดหมายกันว่าจะมีการไถ่ถอดออกไป
ต่อมาประมาณต้นเดือนธันวาคม ทางฝ่ายตัวแทนราชสกุลได้ไปพบกับผู้รับจำนำและนำกำลังตำรวจพร้อมหมายศาลเข้าไปค้นในที่ทำงานของผู้รับจำนำ มีการแจ้งความว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศได้หายไปจากวังเมื่อเดือนกันยายน 2554 นี้ ผมตกใจเมื่อทราบข่าวเช่นนี้และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ฝ่ายผู้รับจำนำก็มีหลักฐานใบรับจำนำจากลูกสะใภ้ของราชสกุลนี้ และไม่ได้เป็นการขโมยออกมาจากวังแต่อย่างใด
ผมทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และมันไม่เป็นการยุติธรรมหลายประการ เรื่องราวเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อไปนะครับ