โดย: หนุ่มลูกทุ่ง
วาเลนไทน์ วันสำคัญวันหนึ่งสำหรับคนมีความรัก โดยเฉพาะในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เมื่อถึงวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ คู่รักจะนิยมบอกความในใจของกันและกัน โดยอาจจะส่งการ์ด มอบดอกไม้ ช็อคโกแลต ตุ๊กตา ให้กันอย่างหวานชื่น
เรื่องราวของวันวาเลนไทน์ในตำนาน เล่าไว้ว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรัก
นักบุญวาเลนไทน์เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้นโรมต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด
แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง โดยชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนตัวเองโดนจับไปขัง และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้นเอง เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง แต่เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น “วันวาเลนไทน์” วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯและรอบกรุง(ตามคอนเซ็ปต์ของคอลัมน์)นั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับตำนานรักอยู่หลายแห่งด้วยกัน และเนื่องในเทศกาลแห่งความรักนี้ ยังขอเลือก 3 สถานที่เที่ยวเกี่ยวกับความรัก เด่นๆมาบอกเล่าสู่กันฟัง
สถานที่แรก“พระราชวังบางปะอิน” จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งภายในพระราชวังนี้มีอนุสรณ์แห่งความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5
ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งพ.ศ. 2423 รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดเรือพระที่นั่งเพื่อเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์ แต่เนื่องจากพระองค์ทรงติดพระราชกิจ ไม่อาจเสด็จพระราชดำเนินไปตามกำหนดได้ จึงโปรดฯ ให้เรือพระที่นั่งของพระมเหสีเคลื่อนขบวนไปก่อน ระหว่างทางนั้น เรือของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ประสบอุบัติเหตุล่มที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทำให้พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา และเจ้าฟ้าในพระครรภ์สิ้นพระชนม์ จึงเป็นที่มาของพระนาม “พระนางเรือล่ม”
เหตุการณ์คราวนั้นนำความเศร้าโศกเสียพระทัยมาสู่พระพุทธเจ้าหลวงเป็นอย่างมาก เนื่องจากในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมทั้งหลายนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเป็นที่รักและโปรดปรานยิ่ง ภายหลังการสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ดำรงพระฐานันดรศักดิ์พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นอนุสรณ์แห่งความรักขึ้น ณ พระราชวังบางปะอิน เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสวรรคตในระหว่างการเสด็จแปรพระราชฐานมายังพระราชวังบางปะอิน
อนุสาวรีย์แห่งความรักและอาลัยนี้ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของพระราชวังบางปะอิน ถัดจากหอวิฑูรทัศนา มีลักษณะเป็นฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้านทั้ง 4 ประกอบด้วย ด้านทิศตะวันตก แกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาไทย ด้านทิศตะวันออกแกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาอังกฤษ ทางด้านทิศใต้ประดิษฐานพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (ส ภายใต้พระมงกุฏ)
ส่วนด้านทิศเหนือประดิษฐานรูปช่อดอกไม้ล้อมรอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ อีกทั้งพระองค์ยังได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ 3 ปี พอดี
จากอนุสรณ์แห่งความรักพระนางเรือล่มแล้ว ฉันจะพาไปดื่มด่ำกับตำนานแห่งความรักกันต่อที่ “วัดไชยวัฒนาราม” จ.พระนครศรีอยุธยาเช่นกัน ตามตำนานเล่าว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมโกศกับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่ เจ้าฟ้ากุ้งทรงพระปรีชาสามารถในเรื่องนิพนธ์การกวีเป็นอย่างมาก ถือเป็นกวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายเลยก็ว่าได้
เมื่อครั้งพระองค์ยังทรงเป็นหนุ่ม เจ้าฟ้ากุ้งทรงรักใคร่ชอบพอกับเจ้าฟ้านิ่ม หรือหม่อมเจ้าสังวาลย์ แต่ต่อมาเจ้าฟ้านิ่มกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เชื่อกันว่าด้วยความรักที่ยังทรงตัดกันไม่ขาดจึงได้ทรงลักลอบติดต่อกัน
ต่อมาพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ หรือเจ้าสามกรม ที่ไม่ทรงถูกกันเลยกับเจ้าฟ้ากุ้ง ไปกราบทูลสมเด็จพระบรมโกศว่า เจ้าฟ้ากุ้งลักลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้านิ่ม สมเด็จพระบรมโกศจึงถอดเจ้าฟ้ากุ้งลงเป็นไพร่ แล้วลงอาญาเฆี่ยนด้วยหวายและเอาเหล็กเผาไฟนาบพระนลาภหรือหน้าผากจนสิ้นพระชนม์คาหลักเฆี่ยน ส่วนเจ้าฟ้านิ่มถูกลงอาญาเฆี่ยนเช่นเดียวกันแล้วนำไปจองจำอยู่ได้เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ตามไป
พระศพของเจ้าฟ้ากุ้งและเจ้าฟ้านิ่มมิได้รับการถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี แต่ถูกฝังเอาไว้ที่วัดไชยวัฒนาราม ในเจดีย์สร้างอย่างหยาบๆคู่กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ เชื่อกันว่าภายหลังได้มีการนำพระศพขึ้นมาถวายพระเพลิง แล้วนำพระอัฐิบรรจุลงในพระเจดีย์ทรงระฆังกลมองค์ใหญ่ ด้านข้างของระเบียงคด และบรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสังวาลย์สนมของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในองค์เล็ก
จากตำนานของชนชั้นสูงศักดิ์ เรามาดูตำนานของชาวบ้านอย่างเราๆกันบ้างที่ “วัดมหาบุศย์” เขตสวนหลวง หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากกันว่า “วัดแม่นาคพระโขนง” ที่ภายในวัดมี“ศาลย่านาค”หรือ “ศาลแม่นาค” ตั้งอยู่คู่กับตำนานรักอมตะแฝงความลี้ลับสะพรึงกลัวอันลือลั่นของแม่นาคกับนายมาก ที่แม้แม่นาคตัวจะตายแต่ใจรักที่มีต่อนายมากหาได้ตายตามไม่
สำหรับตำนานรักแม่นาคฉันขอเล่าเพียงคร่าวๆสั้นๆ เพราะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีการนำเรื่องแม่นาคมาสร้างเป็นหนังอยู่บ่อยครั้ง โดยเรื่องมีอยู่ว่า นางนาคอยู่กินกับนายมากจนท้องอ่อนๆ แต่นายมากกลับถูกหมายเรียกไปเป็นทหารอยู่นานจนนางนาคครบกำหนดคลอด แต่ไม่สามารถคลอดออกมาได้จึงตายทั้งกลมพร้อมลูกในท้อง และกลายเป็นผีเห่กล่อมลูกอย่างโหยหวน
จนเมื่อนายมากกลับมาก็มาอยู่กินกับเมียและลูกตามปกติ และตามหลอกหลอนผู้ที่มาบอกความจริงกับผัวของตน จนกระทั่งวันหนึ่งนายมากเห็นนางนาคหย่อนมือที่ยาวเฟื้อยผิดจากปกติลงไปเก็บมะนาวที่ใต้ถุนบ้านอย่างรวดเร็ว นายมากตกใจมากวิ่งหนีไปพึ่งวัด จนพระผู้ทรงบารมีได้เจาะเอากระดูกหน้าผากของนางมาลงยันต์ และทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ผีนางนาคก็ไม่ออกมาอาละวาดอีกเลย
ปัจจุบันก็ยังมีผู้คนนิยมไปกราบไหวขอพรที่ศาลย่านาคในวัดมหาบุศย์กันอย่างไม่ขาดสาย นี่คือตำนานความรักเลื่องชื่อของเมืองไทยเรา ไม่ว่าความรักจะสุข เศร้า เหงา หรือสมหวัง แต่ฉันก็คิดว่าการมีความรักให้แก่กันเป็นสิ่งที่ดี ความรักช่วยให้โลกนี้มีความสุข ขอให้ทุกท่านสุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่น้อง
วาเลนไทน์ วันสำคัญวันหนึ่งสำหรับคนมีความรัก โดยเฉพาะในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เมื่อถึงวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ คู่รักจะนิยมบอกความในใจของกันและกัน โดยอาจจะส่งการ์ด มอบดอกไม้ ช็อคโกแลต ตุ๊กตา ให้กันอย่างหวานชื่น
เรื่องราวของวันวาเลนไทน์ในตำนาน เล่าไว้ว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรัก
นักบุญวาเลนไทน์เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้นโรมต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด
แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง โดยชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนตัวเองโดนจับไปขัง และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้นเอง เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง แต่เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น “วันวาเลนไทน์” วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯและรอบกรุง(ตามคอนเซ็ปต์ของคอลัมน์)นั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับตำนานรักอยู่หลายแห่งด้วยกัน และเนื่องในเทศกาลแห่งความรักนี้ ยังขอเลือก 3 สถานที่เที่ยวเกี่ยวกับความรัก เด่นๆมาบอกเล่าสู่กันฟัง
สถานที่แรก“พระราชวังบางปะอิน” จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งภายในพระราชวังนี้มีอนุสรณ์แห่งความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5
ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งพ.ศ. 2423 รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดเรือพระที่นั่งเพื่อเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์ แต่เนื่องจากพระองค์ทรงติดพระราชกิจ ไม่อาจเสด็จพระราชดำเนินไปตามกำหนดได้ จึงโปรดฯ ให้เรือพระที่นั่งของพระมเหสีเคลื่อนขบวนไปก่อน ระหว่างทางนั้น เรือของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ประสบอุบัติเหตุล่มที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทำให้พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา และเจ้าฟ้าในพระครรภ์สิ้นพระชนม์ จึงเป็นที่มาของพระนาม “พระนางเรือล่ม”
เหตุการณ์คราวนั้นนำความเศร้าโศกเสียพระทัยมาสู่พระพุทธเจ้าหลวงเป็นอย่างมาก เนื่องจากในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมทั้งหลายนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเป็นที่รักและโปรดปรานยิ่ง ภายหลังการสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ดำรงพระฐานันดรศักดิ์พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นอนุสรณ์แห่งความรักขึ้น ณ พระราชวังบางปะอิน เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสวรรคตในระหว่างการเสด็จแปรพระราชฐานมายังพระราชวังบางปะอิน
อนุสาวรีย์แห่งความรักและอาลัยนี้ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของพระราชวังบางปะอิน ถัดจากหอวิฑูรทัศนา มีลักษณะเป็นฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้านทั้ง 4 ประกอบด้วย ด้านทิศตะวันตก แกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาไทย ด้านทิศตะวันออกแกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาอังกฤษ ทางด้านทิศใต้ประดิษฐานพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (ส ภายใต้พระมงกุฏ)
ส่วนด้านทิศเหนือประดิษฐานรูปช่อดอกไม้ล้อมรอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ อีกทั้งพระองค์ยังได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ 3 ปี พอดี
จากอนุสรณ์แห่งความรักพระนางเรือล่มแล้ว ฉันจะพาไปดื่มด่ำกับตำนานแห่งความรักกันต่อที่ “วัดไชยวัฒนาราม” จ.พระนครศรีอยุธยาเช่นกัน ตามตำนานเล่าว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมโกศกับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่ เจ้าฟ้ากุ้งทรงพระปรีชาสามารถในเรื่องนิพนธ์การกวีเป็นอย่างมาก ถือเป็นกวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายเลยก็ว่าได้
เมื่อครั้งพระองค์ยังทรงเป็นหนุ่ม เจ้าฟ้ากุ้งทรงรักใคร่ชอบพอกับเจ้าฟ้านิ่ม หรือหม่อมเจ้าสังวาลย์ แต่ต่อมาเจ้าฟ้านิ่มกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เชื่อกันว่าด้วยความรักที่ยังทรงตัดกันไม่ขาดจึงได้ทรงลักลอบติดต่อกัน
ต่อมาพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ หรือเจ้าสามกรม ที่ไม่ทรงถูกกันเลยกับเจ้าฟ้ากุ้ง ไปกราบทูลสมเด็จพระบรมโกศว่า เจ้าฟ้ากุ้งลักลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้านิ่ม สมเด็จพระบรมโกศจึงถอดเจ้าฟ้ากุ้งลงเป็นไพร่ แล้วลงอาญาเฆี่ยนด้วยหวายและเอาเหล็กเผาไฟนาบพระนลาภหรือหน้าผากจนสิ้นพระชนม์คาหลักเฆี่ยน ส่วนเจ้าฟ้านิ่มถูกลงอาญาเฆี่ยนเช่นเดียวกันแล้วนำไปจองจำอยู่ได้เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ตามไป
พระศพของเจ้าฟ้ากุ้งและเจ้าฟ้านิ่มมิได้รับการถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี แต่ถูกฝังเอาไว้ที่วัดไชยวัฒนาราม ในเจดีย์สร้างอย่างหยาบๆคู่กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ เชื่อกันว่าภายหลังได้มีการนำพระศพขึ้นมาถวายพระเพลิง แล้วนำพระอัฐิบรรจุลงในพระเจดีย์ทรงระฆังกลมองค์ใหญ่ ด้านข้างของระเบียงคด และบรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสังวาลย์สนมของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในองค์เล็ก
จากตำนานของชนชั้นสูงศักดิ์ เรามาดูตำนานของชาวบ้านอย่างเราๆกันบ้างที่ “วัดมหาบุศย์” เขตสวนหลวง หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากกันว่า “วัดแม่นาคพระโขนง” ที่ภายในวัดมี“ศาลย่านาค”หรือ “ศาลแม่นาค” ตั้งอยู่คู่กับตำนานรักอมตะแฝงความลี้ลับสะพรึงกลัวอันลือลั่นของแม่นาคกับนายมาก ที่แม้แม่นาคตัวจะตายแต่ใจรักที่มีต่อนายมากหาได้ตายตามไม่
สำหรับตำนานรักแม่นาคฉันขอเล่าเพียงคร่าวๆสั้นๆ เพราะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีการนำเรื่องแม่นาคมาสร้างเป็นหนังอยู่บ่อยครั้ง โดยเรื่องมีอยู่ว่า นางนาคอยู่กินกับนายมากจนท้องอ่อนๆ แต่นายมากกลับถูกหมายเรียกไปเป็นทหารอยู่นานจนนางนาคครบกำหนดคลอด แต่ไม่สามารถคลอดออกมาได้จึงตายทั้งกลมพร้อมลูกในท้อง และกลายเป็นผีเห่กล่อมลูกอย่างโหยหวน
จนเมื่อนายมากกลับมาก็มาอยู่กินกับเมียและลูกตามปกติ และตามหลอกหลอนผู้ที่มาบอกความจริงกับผัวของตน จนกระทั่งวันหนึ่งนายมากเห็นนางนาคหย่อนมือที่ยาวเฟื้อยผิดจากปกติลงไปเก็บมะนาวที่ใต้ถุนบ้านอย่างรวดเร็ว นายมากตกใจมากวิ่งหนีไปพึ่งวัด จนพระผู้ทรงบารมีได้เจาะเอากระดูกหน้าผากของนางมาลงยันต์ และทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ผีนางนาคก็ไม่ออกมาอาละวาดอีกเลย
ปัจจุบันก็ยังมีผู้คนนิยมไปกราบไหวขอพรที่ศาลย่านาคในวัดมหาบุศย์กันอย่างไม่ขาดสาย นี่คือตำนานความรักเลื่องชื่อของเมืองไทยเรา ไม่ว่าความรักจะสุข เศร้า เหงา หรือสมหวัง แต่ฉันก็คิดว่าการมีความรักให้แก่กันเป็นสิ่งที่ดี ความรักช่วยให้โลกนี้มีความสุข ขอให้ทุกท่านสุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่น้อง