ผบ.นย.สุดงง ไม่รู้สาเหตุ เขมรยิง ฮ.ทัพเรือ ทั้งที่ไทยบินไปส่งข้าวส่งน้ำให้เขมรเป็นประจำ ยันไทยไม่ได้บินล้ำเขตแดน "ยุทธศักดิ์" ยัวะ! ส่งหนังสือประท้วง ด้าน ผบ.ทร. ลั่นไม่บินล้ำแดนหรือยิงโต้ ไม่แน่ใจเขมรจงใจหรือประมาท ด้าน"ปึ้ง" บอกเป็นเรื่องเข้าใจผิด "มาร์ค" จี้รัฐบาลต้องเจรจาทำความเข้าใจในระดับพื้นที่
วานนี้ (16 ธ.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ของกองทัพเรือ ในระหว่างที่กำลังขึ้นบินสำรวจพื้นที่ และส่งเสบียงอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในเบื้องต้นตนได้รับรายงานจาก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเรืองรมย์ ผบ.ทร. เรียบร้อยแล้ว ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ตนได้สั่งการให้ทาง ผบ.ทหารสูงสุด ทำหนังสือประท้วงส่งผ่านมายังสำนักนโยบาย และแผนกระทรวงกลาโหม เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ลงนามแทน รมว.กลาโหม เพื่อส่งหนังสือประท้วงไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ในการประท้วงถึงการกระทำของทหารกัมพูชาต่อไป
** ผบ.ทร.ยันไทยไม่ได้ยิงตอบโต้
ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมาเวลา 13.30 น. เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน เพื่อตรวจการณ์และส่งกำลังบำรุงให้ฐานปฏิบัติการ ซึ่งเหตุเกิดบริเวณ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นฐาน 326 ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้ง พื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยมีกำลังทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วยกัน ตามปกติการลาดตระเวนเราปฏิบัติมานานแล้ว รวมถึงการส่งกำลังบำรุงให้กับหน่วยทหารพรานของเรา โดยเราจะมีการแจ้งบอกก่อน แต่ครั้งนี้ขณะที่ ฮ. ของเรากำลังลาดตระเวนลงไปปฏิบัติการ ที่ฐานทหารพรานก็ถูกยิงบริเวณโรเตอร์ใบพัดเสียหายเล็กน้อย แต่กำลังพลเราปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เราไม่มีการยิงโต้ตอบตามที่กัมพูชาเสนอข่าว เบื้องต้นกองทัพเรือได้เรียน รมว.กลาโหมให้รับทราบ และรมว.กลาโหมได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศในการประท้วง
ขณะเดียวกันในพื้นที่ปฏิบัติการในการป้องกันชายแดนจันทบุรี- ตราด ได้ทำหนังสือประท้วงกับ ผบ.พื้นที่กัมพูชา ซึ่งขั้นตอนอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงกัน ส่วนผลการเจรจานำเรียนให้ รมว.กลาโหม รับทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากมีเหตุการณ์ครั้งต่อไป เราจะยิงโต้ตอบได้หรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องระมัดระวังตัวเพิ่มมากขึ้น และต้องป้องกัน มีมาตรการในการป้องกันตัว และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการลาดตระเวนครั้งต่อไป ฮ.จะต้องติดอาวุธหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผบ.หน่วยปฏิบัติที่จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เรายังมีช่องทางที่จะสามารถเจรจากันได้อยู่
** ข้องใจประมาท หรือจงใจ
ส่วนกรณีที่กัมพูชายิงเรา เป็นความประมาทหรือจงใจนั้น ยังคาดการณ์ไม่ได้ ต้องรอ ผบ.กองกำลังในพื้นที่ ซึ่งเขาคุยกันอยู่ สำหรับทหารทั้งสองฝ่ายเราคุยกันปกติอยู่แล้ว ต้องขอดูรายละเอียดว่า เจตนาเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาวิเคราะห์เจตนาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ที่เราบินลาดตระเวนนั้น เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายมีกำลังด้วยกันทั้งคู่ เราไม่บินเข้าไปในพื้นที่เขา
ส่วนมาตรการปิดด่านนั้น เป็นมาตรการของ ผบ.ในพื้นที่ ซึ่งถ้าเขาพิจารณาว่า สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ก็จะพิจารณาปิดด่าน
อย่างไรก็ตามขณะนี้เรายังไม่ได้เพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ ส่วน ฮ.ที่ถูกยิงเสียหายเล็กน้อย เมื่อซ่อมแซมก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้ ทั้งนี้คิดว่า เหตุการณ์นี้จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
** ผบ.นย.งงถูกยิงทั้งที่ส่งข้าวส่งน้ำให้
พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี -ตราด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางกองทัพเรือได้ทำหนังสือประท้วงไปยังผู้บัญชาการหน่วยภูมิภาคที่ 3 ของกัมพูชาแล้ว และยังได้ทำหนังสือประท้วงผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือไม่ได้มีการบินรุกล้ำเข้าไปในอธิปไตยของกัมพูชา 100 เปอร์เซ็นต์ เรากำลังจะบินเพื่อนำเสบียงอาหารไปส่งให้ทหารทหารของไทย และ กัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร เท่านั้น
"ปกติทหารในพื้นที่ก็มีการส่งเสบียงอาหารให้กันอยู่แล้ว รวมถึงการส่งเสบียงให้กับทางทหารกัมพูชาด้วย เนื่องจากความสัมพันธ์ทางด้านการทหารของไทย และกัมพูชา อยู่ในขั้นดีมาก มีการทานอาหารร่วมกันตลอดทุกวัน ก็ยังแปลกใจว่า ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นมา และในวันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้บัญชาการหน่วยของกัมพูชา จะเข้ามาเจรจาต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บัญชาการหน่วยของกองทัพเรือในพื้นที่ และวางมาตรการไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดกัน และไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง อีกทั้งจะมีการเจรจาพูดคุยกันระดับผู้ใหญ่ของทั้งสองกองทัพในเร็วๆนี้" พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราถูกยิงจากฝ่ายทหารกัมพูชาฝ่ายเดียว ทหารเราไม่ได้มีการยิงตอบโต้เลย เพราะเป็นเพียงการปฏิบัติภารกิจในการส่งเสบียงเท่านั้น อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ เบลล์ 212 ก็ไม่ได้ติดอาวุธปืนแต่อย่างใด เมื่อนักบินพบว่ามีสิ่งผิดปกติ ที่เฮลิคอปเตอร์ หลังจากได้ยินเสียงปืนจึงได้นำเครื่องลงจอดที่บริเวณเขาล้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบสภาพเครื่อง พบว่าเฮลิคอปเตอร์ ถูกกระสุนปืนยิงที่บริเวณใบพัดหลัง (เมนโรเตอร์) ซึ่งถือว่าเสี่ยงมาก หากนำเครื่องบินต่อไปเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้นำเครื่องลงจอด และขณะนี้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวยังจอดไว้ที่เดิม และจัดเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหาย และซ่อมในเบื้องต้น เพื่อนำกลับมายังหน่วย
** จี้กัมพูชาขอโทษ-ชดใช้ค่าเสียหาย
ด้านน.อ.กิตติคุณ นาคสุก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อม น.อ.จิโรจน์ สุขอร่าม รองผู้บัญชาการหน่วยฯได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ฮ. ของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ไปส่งเสบียงตามปกติ ก่อนไปได้มีการประสานกับ พัน ปชด. 303 จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่มี พ.ท.รมนี โซะพา เป็น ผบ. พัน ปชด. 303 แล้ว แต่เมื่อ ฮ. ที่ลำเลียงเสบียงกำลังจะลงจอด ที่พิกัด 326 หรือที่บริเวณบ้านเจ๊กลัก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ กลับถูกทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกาย ยิงขึ้นมากว่า 100 นัด ส่งผลให้กระสุนถูกใบพัดได้รับความเสียหาย และหากบินต่อไปอาจจะอันตรายได้จึงต้องลงฉุกเฉิน โดยพบว่าใบพัดได้รับความเสียหาย และต้องซ่อมแซมด้วยการเปลี่ยนใหม่ ต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน
น.อ.กิตติคุณ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ฉก.นย.ตราด ได้เรียก พ.ท.สุขสวัสดิ์ ตุ้น เสนาธิการทหาร จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมทหารจากหน่วยประสานงานชายแดนเข้าพบ และเดินทางไปตรวจความเสียหายของ ฮ. ซึ่งทางกัมพูชาได้แจ้งว่า เกิดการเข้าใจผิดในการประสานงาน และพร้อมจะดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ทางหน่วยฯ ได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ชดใช้ค่าเสียหายให้ฝ่ายไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะทำการประท้วงและเสนอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการต่อไป
"การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามปกติ และการนำข้าวสาร-อาหารแห้งไปให้ทาหารพรานของไทย ก็จะนำไปให้ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่ในพื้นที่ชายแดนด้วย ซึ่งในช่วงใกล้ปีใหม่ ทหารของทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการจัดงานเชื่อมความสัมพันธ์กันทุกปี แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะมีผลกระทบอะไรบ้าง แต่คงไม่ได้มีการปิดชายแดนหรือตอบโต้ใด ๆ ต้องรอให้มีการสรุปปัญหาทั้งหมดก่อน"
สำหรับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ ยังคงเปิดการค้าขายตามปกติ และไม่ได้มีผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวันศุกร์ จะมีตลาดนัด ทำให้มีความคึกคักกว่าทุกวัน
**คุมเข้มช่องทางเข้าออกแนวชายแดน
อย่างไรก็ตาม น.อ.กิตติคุณ ได้สั่งการให้ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 (บ้านคลองมะนาว ) อ.บ่อไร่ ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 (บ้านเขาล้าน) อ.เมือง และชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 182 (บ้านหาดเล็ก) อ.คลองใหญ่ ซึ่งดูแลช่องทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน ตั้งแต่บ้านตากแดด ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ ที่มีระยะทางยาว 150 กม.และช่องเข้าเข้าออกตามธรรมชาติกว่า 20 จุด ปิดชั่วคราว
พร้อมห้ามชาวกัมพูชาเดินทางเข้าออกเหมือนเช่นเคย แต่ช่องทางการค้า ยังคงเปิดทำการค้าขายตามปกติ 5 จุด ประกอบด้วย ช่องบ้านหมื่นด่าน ช่องบ้านมะม่วง อ.บ่อไร่ ช่องบ้านชำราก ช่องบ้านท่าเส้น อ.เมือง และ ต.หาดเล็ก อ. คลองใหญ่
ทั้งนี้ การปิดช่องทางเข้าออกชายแดนครั้งนี้ เป็นมาตรการสำคัญ หลังพล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินนโยบาย กดดันให้ฝ่ายกัมพูชาขอโทษ และรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น และได้เริ่มปฏิบัติ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป
โดยช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางที่ชาวกัมพูชา ใช้เดินทางเข้ามายังจังหวัดตราดเพื่อทำงานบริเวณชายแดนและยังเป็นช่องทางที่ใช้ในการหลบหนีเข้าเมือง รวมทั้งยังเป็นช่องทางการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
**"ปึ้ง"อ้างเป็นการเข้าใจผิดกัน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่ างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้รับรายงานจากอธิบดีกรมเอเซียตะวันออก ว่าเป็นเรื่องความเข้าใจผิดกัน ทั้งนี้ ตนขอตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอีกครั้งก่อน ส่วนจะมีการดำเนินการใดๆ ต่อไปหรือไม่ จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
** จี้รัฐบาลต้องทำความเข้าใจระดับพื้นที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะต้องมีการทำความเข้าใจในระดับพื้นที่ ว่าเกิดอะไรขึ้น และควรหาแนวปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กรณีแบบนี้นำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามออกไป
ที่ผ่านมา รัฐบาลบอกว่า มีความสัมพันธ์ที่ดี ก็น่าจะดำเนินการในเรื่องต่างๆ ไปหลายเรื่องแล้ว เช่น เรื่องการให้ถอนคดีพิพาทไทย- กัมพูชาออกจากศาลโลก แล้วเอาทุกอย่าง กลับบมาเจรจาในระดับทวิภาคี ซึ่งวันนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรที่เป็นรูปธรรม หรือมีความคืบหน้าที่ชัดเจน ในแง่ของการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไปหลงอยู่กับภาพความัสมพันธ์ที่เป็นเรื่องของการเมือง จนลืมไปว่าสาระที่แท้จริง และผลประโยชน์ของชาติ มันคืออะไร จึงอยากให้รัฐบาลไปทบทวนตรงนี้ด้วย
วานนี้ (16 ธ.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ของกองทัพเรือ ในระหว่างที่กำลังขึ้นบินสำรวจพื้นที่ และส่งเสบียงอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในเบื้องต้นตนได้รับรายงานจาก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเรืองรมย์ ผบ.ทร. เรียบร้อยแล้ว ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ตนได้สั่งการให้ทาง ผบ.ทหารสูงสุด ทำหนังสือประท้วงส่งผ่านมายังสำนักนโยบาย และแผนกระทรวงกลาโหม เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ลงนามแทน รมว.กลาโหม เพื่อส่งหนังสือประท้วงไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ในการประท้วงถึงการกระทำของทหารกัมพูชาต่อไป
** ผบ.ทร.ยันไทยไม่ได้ยิงตอบโต้
ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมาเวลา 13.30 น. เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ ปฏิบัติหน้าที่ชายแดน เพื่อตรวจการณ์และส่งกำลังบำรุงให้ฐานปฏิบัติการ ซึ่งเหตุเกิดบริเวณ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เป็นฐาน 326 ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้ง พื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยมีกำลังทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วยกัน ตามปกติการลาดตระเวนเราปฏิบัติมานานแล้ว รวมถึงการส่งกำลังบำรุงให้กับหน่วยทหารพรานของเรา โดยเราจะมีการแจ้งบอกก่อน แต่ครั้งนี้ขณะที่ ฮ. ของเรากำลังลาดตระเวนลงไปปฏิบัติการ ที่ฐานทหารพรานก็ถูกยิงบริเวณโรเตอร์ใบพัดเสียหายเล็กน้อย แต่กำลังพลเราปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เราไม่มีการยิงโต้ตอบตามที่กัมพูชาเสนอข่าว เบื้องต้นกองทัพเรือได้เรียน รมว.กลาโหมให้รับทราบ และรมว.กลาโหมได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศในการประท้วง
ขณะเดียวกันในพื้นที่ปฏิบัติการในการป้องกันชายแดนจันทบุรี- ตราด ได้ทำหนังสือประท้วงกับ ผบ.พื้นที่กัมพูชา ซึ่งขั้นตอนอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงกัน ส่วนผลการเจรจานำเรียนให้ รมว.กลาโหม รับทราบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หากมีเหตุการณ์ครั้งต่อไป เราจะยิงโต้ตอบได้หรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องระมัดระวังตัวเพิ่มมากขึ้น และต้องป้องกัน มีมาตรการในการป้องกันตัว และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
ส่วนการลาดตระเวนครั้งต่อไป ฮ.จะต้องติดอาวุธหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผบ.หน่วยปฏิบัติที่จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เรายังมีช่องทางที่จะสามารถเจรจากันได้อยู่
** ข้องใจประมาท หรือจงใจ
ส่วนกรณีที่กัมพูชายิงเรา เป็นความประมาทหรือจงใจนั้น ยังคาดการณ์ไม่ได้ ต้องรอ ผบ.กองกำลังในพื้นที่ ซึ่งเขาคุยกันอยู่ สำหรับทหารทั้งสองฝ่ายเราคุยกันปกติอยู่แล้ว ต้องขอดูรายละเอียดว่า เจตนาเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาวิเคราะห์เจตนาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ที่เราบินลาดตระเวนนั้น เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายมีกำลังด้วยกันทั้งคู่ เราไม่บินเข้าไปในพื้นที่เขา
ส่วนมาตรการปิดด่านนั้น เป็นมาตรการของ ผบ.ในพื้นที่ ซึ่งถ้าเขาพิจารณาว่า สถานการณ์ไม่ปลอดภัย ก็จะพิจารณาปิดด่าน
อย่างไรก็ตามขณะนี้เรายังไม่ได้เพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ ส่วน ฮ.ที่ถูกยิงเสียหายเล็กน้อย เมื่อซ่อมแซมก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้ ทั้งนี้คิดว่า เหตุการณ์นี้จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
** ผบ.นย.งงถูกยิงทั้งที่ส่งข้าวส่งน้ำให้
พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี -ตราด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางกองทัพเรือได้ทำหนังสือประท้วงไปยังผู้บัญชาการหน่วยภูมิภาคที่ 3 ของกัมพูชาแล้ว และยังได้ทำหนังสือประท้วงผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือไม่ได้มีการบินรุกล้ำเข้าไปในอธิปไตยของกัมพูชา 100 เปอร์เซ็นต์ เรากำลังจะบินเพื่อนำเสบียงอาหารไปส่งให้ทหารทหารของไทย และ กัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร เท่านั้น
"ปกติทหารในพื้นที่ก็มีการส่งเสบียงอาหารให้กันอยู่แล้ว รวมถึงการส่งเสบียงให้กับทางทหารกัมพูชาด้วย เนื่องจากความสัมพันธ์ทางด้านการทหารของไทย และกัมพูชา อยู่ในขั้นดีมาก มีการทานอาหารร่วมกันตลอดทุกวัน ก็ยังแปลกใจว่า ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นมา และในวันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้บัญชาการหน่วยของกัมพูชา จะเข้ามาเจรจาต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บัญชาการหน่วยของกองทัพเรือในพื้นที่ และวางมาตรการไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดกัน และไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง อีกทั้งจะมีการเจรจาพูดคุยกันระดับผู้ใหญ่ของทั้งสองกองทัพในเร็วๆนี้" พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าว
พล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราถูกยิงจากฝ่ายทหารกัมพูชาฝ่ายเดียว ทหารเราไม่ได้มีการยิงตอบโต้เลย เพราะเป็นเพียงการปฏิบัติภารกิจในการส่งเสบียงเท่านั้น อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ เบลล์ 212 ก็ไม่ได้ติดอาวุธปืนแต่อย่างใด เมื่อนักบินพบว่ามีสิ่งผิดปกติ ที่เฮลิคอปเตอร์ หลังจากได้ยินเสียงปืนจึงได้นำเครื่องลงจอดที่บริเวณเขาล้าน
อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบสภาพเครื่อง พบว่าเฮลิคอปเตอร์ ถูกกระสุนปืนยิงที่บริเวณใบพัดหลัง (เมนโรเตอร์) ซึ่งถือว่าเสี่ยงมาก หากนำเครื่องบินต่อไปเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงได้นำเครื่องลงจอด และขณะนี้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวยังจอดไว้ที่เดิม และจัดเจ้าหน้าที่ไปสำรวจความเสียหาย และซ่อมในเบื้องต้น เพื่อนำกลับมายังหน่วย
** จี้กัมพูชาขอโทษ-ชดใช้ค่าเสียหาย
ด้านน.อ.กิตติคุณ นาคสุก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อม น.อ.จิโรจน์ สุขอร่าม รองผู้บัญชาการหน่วยฯได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ฮ. ของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ไปส่งเสบียงตามปกติ ก่อนไปได้มีการประสานกับ พัน ปชด. 303 จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ที่มี พ.ท.รมนี โซะพา เป็น ผบ. พัน ปชด. 303 แล้ว แต่เมื่อ ฮ. ที่ลำเลียงเสบียงกำลังจะลงจอด ที่พิกัด 326 หรือที่บริเวณบ้านเจ๊กลัก ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ กลับถูกทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกาย ยิงขึ้นมากว่า 100 นัด ส่งผลให้กระสุนถูกใบพัดได้รับความเสียหาย และหากบินต่อไปอาจจะอันตรายได้จึงต้องลงฉุกเฉิน โดยพบว่าใบพัดได้รับความเสียหาย และต้องซ่อมแซมด้วยการเปลี่ยนใหม่ ต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน
น.อ.กิตติคุณ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ฉก.นย.ตราด ได้เรียก พ.ท.สุขสวัสดิ์ ตุ้น เสนาธิการทหาร จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมทหารจากหน่วยประสานงานชายแดนเข้าพบ และเดินทางไปตรวจความเสียหายของ ฮ. ซึ่งทางกัมพูชาได้แจ้งว่า เกิดการเข้าใจผิดในการประสานงาน และพร้อมจะดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ แต่ทางหน่วยฯ ได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ชดใช้ค่าเสียหายให้ฝ่ายไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะทำการประท้วงและเสนอให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการต่อไป
"การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามปกติ และการนำข้าวสาร-อาหารแห้งไปให้ทาหารพรานของไทย ก็จะนำไปให้ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่ในพื้นที่ชายแดนด้วย ซึ่งในช่วงใกล้ปีใหม่ ทหารของทั้ง 2 ฝ่าย จะมีการจัดงานเชื่อมความสัมพันธ์กันทุกปี แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะมีผลกระทบอะไรบ้าง แต่คงไม่ได้มีการปิดชายแดนหรือตอบโต้ใด ๆ ต้องรอให้มีการสรุปปัญหาทั้งหมดก่อน"
สำหรับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ ยังคงเปิดการค้าขายตามปกติ และไม่ได้มีผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในวันศุกร์ จะมีตลาดนัด ทำให้มีความคึกคักกว่าทุกวัน
**คุมเข้มช่องทางเข้าออกแนวชายแดน
อย่างไรก็ตาม น.อ.กิตติคุณ ได้สั่งการให้ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 (บ้านคลองมะนาว ) อ.บ่อไร่ ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 (บ้านเขาล้าน) อ.เมือง และชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 182 (บ้านหาดเล็ก) อ.คลองใหญ่ ซึ่งดูแลช่องทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน ตั้งแต่บ้านตากแดด ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ ที่มีระยะทางยาว 150 กม.และช่องเข้าเข้าออกตามธรรมชาติกว่า 20 จุด ปิดชั่วคราว
พร้อมห้ามชาวกัมพูชาเดินทางเข้าออกเหมือนเช่นเคย แต่ช่องทางการค้า ยังคงเปิดทำการค้าขายตามปกติ 5 จุด ประกอบด้วย ช่องบ้านหมื่นด่าน ช่องบ้านมะม่วง อ.บ่อไร่ ช่องบ้านชำราก ช่องบ้านท่าเส้น อ.เมือง และ ต.หาดเล็ก อ. คลองใหญ่
ทั้งนี้ การปิดช่องทางเข้าออกชายแดนครั้งนี้ เป็นมาตรการสำคัญ หลังพล.ร.ท.พงษ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด ได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินนโยบาย กดดันให้ฝ่ายกัมพูชาขอโทษ และรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น และได้เริ่มปฏิบัติ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป
โดยช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางที่ชาวกัมพูชา ใช้เดินทางเข้ามายังจังหวัดตราดเพื่อทำงานบริเวณชายแดนและยังเป็นช่องทางที่ใช้ในการหลบหนีเข้าเมือง รวมทั้งยังเป็นช่องทางการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
**"ปึ้ง"อ้างเป็นการเข้าใจผิดกัน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่ างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้รับรายงานจากอธิบดีกรมเอเซียตะวันออก ว่าเป็นเรื่องความเข้าใจผิดกัน ทั้งนี้ ตนขอตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอีกครั้งก่อน ส่วนจะมีการดำเนินการใดๆ ต่อไปหรือไม่ จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
** จี้รัฐบาลต้องทำความเข้าใจระดับพื้นที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะต้องมีการทำความเข้าใจในระดับพื้นที่ ว่าเกิดอะไรขึ้น และควรหาแนวปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กรณีแบบนี้นำไปสู่ความขัดแย้งที่ลุกลามออกไป
ที่ผ่านมา รัฐบาลบอกว่า มีความสัมพันธ์ที่ดี ก็น่าจะดำเนินการในเรื่องต่างๆ ไปหลายเรื่องแล้ว เช่น เรื่องการให้ถอนคดีพิพาทไทย- กัมพูชาออกจากศาลโลก แล้วเอาทุกอย่าง กลับบมาเจรจาในระดับทวิภาคี ซึ่งวันนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรที่เป็นรูปธรรม หรือมีความคืบหน้าที่ชัดเจน ในแง่ของการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ตนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไปหลงอยู่กับภาพความัสมพันธ์ที่เป็นเรื่องของการเมือง จนลืมไปว่าสาระที่แท้จริง และผลประโยชน์ของชาติ มันคืออะไร จึงอยากให้รัฐบาลไปทบทวนตรงนี้ด้วย