“สุกำพล” สั่งการบินไทยปรับแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ หลังผลประกอบการปี 54 ติดลบ เหตุน้ำท่วม จี้ให้กล้าตัดสินใจหาตลาดใหม่ๆ และเพิ่มการขายตั๋วผ่านออนไลน์เพื่อเพิ่มรายได้ “ปิยสวัสดิ์” เผยน้ำมันพุ่งทำค่าใช้จ่ายเพิ่ม 40% หรือ 1.7 หมื่นล้านบาท ปรับแผนซื้อล่วงหน้าปี 55 เหลือ 60% ส่วนซื้อเครื่องบินทำสัญญาแล้วถึงปี 60 พร้อมออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาทอายุ5ปี ขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วานนี้ (16 ธ.ค.) ว่า การบินไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิและน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการในปีนี้ติดลบซึ่งได้ให้นโยบายในการจัดหาเครื่องบินใหม่ว่าจะต้องพิจารณาจำนวนเครื่องบินที่จะจัดหาใหม่ให้เหมาะสมกับงบประมาณและความสามารถ ควรมีการกำหนดให้ผู้ผลิตเครื่องบินหรือเครื่องยนต์เข้ามาลงทุนในการซ่อมอากาศยานในประเทศไทย เป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการบูรณาการทางอากาศ มี 4 หน่วยงาน คือ กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท การบินไทย
ทั้งนี้ การบินไทยจะต้องหาตลาดใหม่ๆเพิ่ม เช่น เส้นทางไปเมืองเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยต้องกล้าตัดสินใจ ซึ่งในอดีตเคยทำแล้วประสบความสำเร็จ และติดตลาดมีจำนวนผู้โดยสารมาก เช่น บางเมืองของประเทศอินเดีย นอกจากนี้ จะต้องเพิ่มการขายตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะรายได้จะเข้าบริษัท 100% ซึ่งก่อนหน้านี้ ทราบว่ามีเพียง 2 % เท่านั้น และเคยมีการตั้งเป้าให้เพิ่มเป็น5% ซึ่งจะต้องค่อยๆ ปรับเพิ่มสัดส่วน เพราะการขายตั๋วผ่านทัวร์และเอเย่นต์ก็ยังมีความสำคัญกับบริษัท ซึ่งฝ่ายการตลาดต้องพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มบริการสำหรับผู้โดยสารที่สอดคล้องกับหน้าที่หลัก เช่น เอื้องหลวงทัวร์ ซึ่งที่ผ่านมาทำให้มีรายได้เพิ่ม และการรับทำประกันภัยให้ผู้โดยสารทางยุโรปเพื่อความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากหากบริษัทจะแข่งขันทางการบินอย่างเดียว อาจจะสู้กับ สายการบินทางตะวันออกกลางยาก
“ไม่ได้ให้หยุดแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่เพราะจะกระทบต่อการให้บริการในอนาคตได้หากเครื่องบินไม่เพียงพอ แต่ให้ดูจำนวนที่เหมาะสม เช่นปีหน้าจะต้องหา 20 ลำ อาจจะปรับเป็น 15 ลำ เป็นต้น ส่วนจะเช่าหรือเช่าซื้ออยู่ที่ความเหมาะสมในแต่ละล็อต ผมให้นโยบายกว้างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ก็ให้เร่งปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันให้ทันกับราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมาบริษัททำได้ดีแล้ว แต่อยากให้ทำให้ดีขึ้นกว่านี้อีก” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย กล่าวว่า ในแต่ละปีการบินไทยจะมีเครื่องบินที่ต้องปลดระวาง เพื่อให้เครื่องบินในฝูงมีอายุเฉลี่ยประมาณ 11 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีเครื่องโบอิ้ง 747-400 ปลดระวางไปเกินครึ่งแล้ว และแผยการจัดหาเครื่องบินนั้นได้มีการสั่งซื้อเครื่องบินในระยะแรกไปแล้วจนถึงปี 2560
ด้าน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ผลประกอบการในปีนี้ไม่ค่อยดี ส่วนใหญ่มาจากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่ามีค่าใช้จ่ายในเรื่องของน้ำมันเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทไม่สามารถปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) ได้ทัน รวมถึงผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้สูญเสียรายได้จากค่าโดยสารประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมความเสียหายด้านขนส่งสินค้า และการจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น
"ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระดับสูง โดยขณะนี้อยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากลดลงมาในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะส่งผลดีมากยิ่งขึ้น โดยในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ บอร์ดการบินไทย จะมีการหารือเพื่อจัดทำแผนกลยุทธการดำเนินงาน โดยเฉพาะในปี 2555 และ 2556"
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า แผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ของบริษัทได้ดำเนินการไปแล้วโดยเป็นการจัดหาระหว่างปี 2556-2560 และได้เซ็นสัญญาจัดซื้อไว้หมดแล้ว ส่วนการจัดหาในล็อตต่อไปตั้งแต่ปี 2561 โดยยังเหลืออีก 38 ลำ ซึ่งเป็นไปตามที่ ครม.ได้อนุมัติไว้แล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าจะมีการจัดซื้อจำนวนเท่าไร
สำหรับผลการดำเนินงานในเดือน ม.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมา มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) เฉลี่ย 70.6% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.9% ส่วนตลอดทั้งตลอดทั้งปียังไม่สามารถประมาณการได้ แต่ไตรมาสแรกของปี 2555 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 77-80% ซึ่งเป็นปกติทุกปี ส่วนตลอดทั้งปีคาดว่าจะต้องอยู่ในระดับ 77% ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นไม่รอดแน่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาสแรกปี 2555 การบริหารจัดการในเรื่องของราคาน้ำมันจะดีขึ้น เนื่องจากได้มีการซื้อน้ำมันสำรองล่วงหน้าไว้ 60% จากไตรมาส 4 ของปีนี้ทำไว้ที่ 80%
***ออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาทอายุ 5 ปี
นอกจากนี้บอร์ดได้เห็นชอบให้บริษัทจัดหาเงินทุนระยะยาวด้วยวิธีออกตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภายในประเทศ อายุหุ้นกู้ 5 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท โดยดำเนินการขายแบบเฉพาะเจาะจงและ/หรือขายในกรณีจำกัดไม่เกิน 10 ราย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการลงทุนในสินทรัพย์ และชำระคืนเงินกู้ของบริษัท ฯที่มีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า โดยแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการการจัดจำหน่าย.
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วานนี้ (16 ธ.ค.) ว่า การบินไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิและน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการในปีนี้ติดลบซึ่งได้ให้นโยบายในการจัดหาเครื่องบินใหม่ว่าจะต้องพิจารณาจำนวนเครื่องบินที่จะจัดหาใหม่ให้เหมาะสมกับงบประมาณและความสามารถ ควรมีการกำหนดให้ผู้ผลิตเครื่องบินหรือเครื่องยนต์เข้ามาลงทุนในการซ่อมอากาศยานในประเทศไทย เป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการบูรณาการทางอากาศ มี 4 หน่วยงาน คือ กรมการบินพลเรือน (บพ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และบริษัท การบินไทย
ทั้งนี้ การบินไทยจะต้องหาตลาดใหม่ๆเพิ่ม เช่น เส้นทางไปเมืองเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยต้องกล้าตัดสินใจ ซึ่งในอดีตเคยทำแล้วประสบความสำเร็จ และติดตลาดมีจำนวนผู้โดยสารมาก เช่น บางเมืองของประเทศอินเดีย นอกจากนี้ จะต้องเพิ่มการขายตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะรายได้จะเข้าบริษัท 100% ซึ่งก่อนหน้านี้ ทราบว่ามีเพียง 2 % เท่านั้น และเคยมีการตั้งเป้าให้เพิ่มเป็น5% ซึ่งจะต้องค่อยๆ ปรับเพิ่มสัดส่วน เพราะการขายตั๋วผ่านทัวร์และเอเย่นต์ก็ยังมีความสำคัญกับบริษัท ซึ่งฝ่ายการตลาดต้องพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มบริการสำหรับผู้โดยสารที่สอดคล้องกับหน้าที่หลัก เช่น เอื้องหลวงทัวร์ ซึ่งที่ผ่านมาทำให้มีรายได้เพิ่ม และการรับทำประกันภัยให้ผู้โดยสารทางยุโรปเพื่อความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากหากบริษัทจะแข่งขันทางการบินอย่างเดียว อาจจะสู้กับ สายการบินทางตะวันออกกลางยาก
“ไม่ได้ให้หยุดแผนการจัดหาเครื่องบินใหม่เพราะจะกระทบต่อการให้บริการในอนาคตได้หากเครื่องบินไม่เพียงพอ แต่ให้ดูจำนวนที่เหมาะสม เช่นปีหน้าจะต้องหา 20 ลำ อาจจะปรับเป็น 15 ลำ เป็นต้น ส่วนจะเช่าหรือเช่าซื้ออยู่ที่ความเหมาะสมในแต่ละล็อต ผมให้นโยบายกว้างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ก็ให้เร่งปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันให้ทันกับราคาที่เพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมาบริษัททำได้ดีแล้ว แต่อยากให้ทำให้ดีขึ้นกว่านี้อีก” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ (บอร์ด) การบินไทย กล่าวว่า ในแต่ละปีการบินไทยจะมีเครื่องบินที่ต้องปลดระวาง เพื่อให้เครื่องบินในฝูงมีอายุเฉลี่ยประมาณ 11 ปี ซึ่งที่ผ่านมาได้มีเครื่องโบอิ้ง 747-400 ปลดระวางไปเกินครึ่งแล้ว และแผยการจัดหาเครื่องบินนั้นได้มีการสั่งซื้อเครื่องบินในระยะแรกไปแล้วจนถึงปี 2560
ด้าน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า ผลประกอบการในปีนี้ไม่ค่อยดี ส่วนใหญ่มาจากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่ามีค่าใช้จ่ายในเรื่องของน้ำมันเพิ่มขึ้น 40% หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทไม่สามารถปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) ได้ทัน รวมถึงผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้สูญเสียรายได้จากค่าโดยสารประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมความเสียหายด้านขนส่งสินค้า และการจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่น
"ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระดับสูง โดยขณะนี้อยู่ที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากลดลงมาในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะส่งผลดีมากยิ่งขึ้น โดยในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ บอร์ดการบินไทย จะมีการหารือเพื่อจัดทำแผนกลยุทธการดำเนินงาน โดยเฉพาะในปี 2555 และ 2556"
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า แผนการจัดหาเครื่องบินใหม่ของบริษัทได้ดำเนินการไปแล้วโดยเป็นการจัดหาระหว่างปี 2556-2560 และได้เซ็นสัญญาจัดซื้อไว้หมดแล้ว ส่วนการจัดหาในล็อตต่อไปตั้งแต่ปี 2561 โดยยังเหลืออีก 38 ลำ ซึ่งเป็นไปตามที่ ครม.ได้อนุมัติไว้แล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าจะมีการจัดซื้อจำนวนเท่าไร
สำหรับผลการดำเนินงานในเดือน ม.ค.-พ.ย. ที่ผ่านมา มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) เฉลี่ย 70.6% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.9% ส่วนตลอดทั้งตลอดทั้งปียังไม่สามารถประมาณการได้ แต่ไตรมาสแรกของปี 2555 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 77-80% ซึ่งเป็นปกติทุกปี ส่วนตลอดทั้งปีคาดว่าจะต้องอยู่ในระดับ 77% ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นไม่รอดแน่ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาสแรกปี 2555 การบริหารจัดการในเรื่องของราคาน้ำมันจะดีขึ้น เนื่องจากได้มีการซื้อน้ำมันสำรองล่วงหน้าไว้ 60% จากไตรมาส 4 ของปีนี้ทำไว้ที่ 80%
***ออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาทอายุ 5 ปี
นอกจากนี้บอร์ดได้เห็นชอบให้บริษัทจัดหาเงินทุนระยะยาวด้วยวิธีออกตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภายในประเทศ อายุหุ้นกู้ 5 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท โดยดำเนินการขายแบบเฉพาะเจาะจงและ/หรือขายในกรณีจำกัดไม่เกิน 10 ราย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการลงทุนในสินทรัพย์ และชำระคืนเงินกู้ของบริษัท ฯที่มีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า โดยแต่งตั้งธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการการจัดจำหน่าย.