นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐฒนตรี ออกมาระบุว่า จะยุบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตนไม่ทราบว่าจะเอาอำนาจอะไรมายุบ เพราะป.ป.ช. เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด
ส่วนข้อเสนอของป.ป.ช. ที่เสนอว่า ต่อไปนี้หน่วยงานของรัฐต้องสามารถชี้แจงรายละเอียดที่มาของราคากลางได้ ซึ่งเรื่องนี้ จริงๆ แล้วรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เริ่มดำเนินการเพราะเรามองเห็นว่าต้นเหตุการทุจริต เกิดจากปัญหาเรื่องราคากลาง ซึ่งตนคิดว่าเป็นมาตรการที่น่าสนับสนุน จึงไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ อีกทั้งเมื่ออ่านคำแถลงการณ์ยกเลิกโครงการไทยเข้มแข็ง ตนก็ยิ่งแปลกใจ เพราะอยู่ดีๆ ก็มาพูดถึงความโปร่งใส ไม่โปร่งใส เพราะผู้ที่จะมาบริหารโครงการนี้ ก็คือรัฐบาล
" รัฐบาลไม่อยากทำโครงการนี้ก็ควรพูดมาตรงๆ อย่ามาพูดกำกวมว่า เป็นโครงการที่จะไม่โปร่งใสได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้เริ่มต้นโครงการนี้เลย และเป็นเพียงข้อเสนอที่จะของบประมาณ และก็มีระบบการตรวจสอบที่รัดกุมกว่างบประมาณ 120,000 ล้าน ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และที่แปลกคือ เงินกู้ หรืองบกลาง รัฐบาลชุดที่แล้วพร้อมให้สภาผู้แทนฯตรวจสอบรายละเอียดของโครงการก่อนอนุมัติ แต่รัฐบาลนี้เลี่ยงมาตลอด และผมเชื่อด้วยว่า ที่อนุมัติงบประมาณเพียง 20,000 ล้าน ก็เพราะว่าถ้าอนุมัติมากกว่านี้ กรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนฯ ก็จะเข้ามาตรวจสอบ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า ตนคิดว่าเรื่องราคากลาง ก็เป็นหัวใจหลักที่เป็นจุดที่หลายฝ่ายมองตรงกันแล้วว่า จะสามารถป้องการทุจริต คอร์รัปชันได้ ซึ่งรัฐบาลก็ควรรับข้อเสนอนี้ ส่วนที่รัฐบาลมองว่า จะทำให้ป.ป.ช. มีอำนาจมากเกินไปนั้น ตนมองว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะรับ หรือไม่รับ แต่ถ้าไม่รับเพราะไม่ชอบหน้าคนเสนอ ก็ไม่ใช่หลักการบริหารที่ถูกต้อง
" ก็อยากให้ย้อนกลับไปดูว่า ที่มาของปัญหาหลายเรื่องทางการเมืองคือ ฝ่ายบริหารไม่ยอมรับการตรวจสอบ อย่าไปทำผิดซ้ำอีกเลย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "เหลิม"อ้างไม่ได้ด่าป.ป.ช.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณี ครม. มีการคัดค้านการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะออกระเบียบให้รัฐบาลต้องดำเนินการตามภายใน 180 วัน เรื่องการเปิดเผยราคากลาง ว่า ข่าวที่ออกมา มากไป ตนไม่ได้พูดกันถึงขนาดนั้น
เมื่อถามว่า ตกลงว่ารัฐบาลมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รับหลักการ เป็นเรื่องที่ดี ที่จะปราบทุจริต เพราะรัฐบาลไม่ทุจริตอยู่แล้ว แต่วิธีการต้องดูว่าเป็นอย่างไร
" ไอ้คนที่เอาข่าวไปปล่อย คือไอ้ลูกน้องรัฐบาลชุดเก่า ไปปล่อยเยอะไป ผมเป็นคนพูดเองว่าไปประเทศจีนมา อัยการเขาก็ขึ้นกับรัฐบาล ป.ป.ช. ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับรัฐบาล บางประเทศเขาพัฒนาถึงขนาดว่า ป.ป.ช.ให้มาจากการเลือกตั้ง นั่นมันเป็นการแสดงความเห็น หรือแสดงความเห็นแล้วผิด มันไม่ผิด " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิจารณ์ว่าป.ป.ช.ลุแก่อำนาจเกินไป ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ใช่ คนไปบอกเป็นลูกน้องรัฐบาลชุดที่แล้ว ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ทะเลาะกับป.ป.ช. ไม่จริง มีพูดบ้าง ไม่ถึงขนาดนั้น เว่อร์ไป รัฐบาลพร้อมทำทุกอย่าง อะไรที่มันป้องกันการทุจริต รัฐบาลต้องสนับสนุน ตนย้ำหลายครั้ง ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ทุจริตอยู่ครบเทอม เผลอๆ บวกอีก 4 ก็เรียบร้อยหมดงานไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงว่าจะไปแก้ไข ในตัว ร่าง พ.ร.บ. ป.ป.ช. เพื่อลดอำนาจป.ป.ช. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนพูดมันเพ้อเจ้อ ร่างกฎหมายป.ป.ช. มันต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญป.ป.ช.ได้อย่างไร คนพูดเว่อร์ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จะแก้กฎหมายลูกไม่ได้ ต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว รัฐธรรมนูญมันแก้ง่ายหรือ
ส่วนข้อเสนอของป.ป.ช. ที่เสนอว่า ต่อไปนี้หน่วยงานของรัฐต้องสามารถชี้แจงรายละเอียดที่มาของราคากลางได้ ซึ่งเรื่องนี้ จริงๆ แล้วรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เริ่มดำเนินการเพราะเรามองเห็นว่าต้นเหตุการทุจริต เกิดจากปัญหาเรื่องราคากลาง ซึ่งตนคิดว่าเป็นมาตรการที่น่าสนับสนุน จึงไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ อีกทั้งเมื่ออ่านคำแถลงการณ์ยกเลิกโครงการไทยเข้มแข็ง ตนก็ยิ่งแปลกใจ เพราะอยู่ดีๆ ก็มาพูดถึงความโปร่งใส ไม่โปร่งใส เพราะผู้ที่จะมาบริหารโครงการนี้ ก็คือรัฐบาล
" รัฐบาลไม่อยากทำโครงการนี้ก็ควรพูดมาตรงๆ อย่ามาพูดกำกวมว่า เป็นโครงการที่จะไม่โปร่งใสได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้เริ่มต้นโครงการนี้เลย และเป็นเพียงข้อเสนอที่จะของบประมาณ และก็มีระบบการตรวจสอบที่รัดกุมกว่างบประมาณ 120,000 ล้าน ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และที่แปลกคือ เงินกู้ หรืองบกลาง รัฐบาลชุดที่แล้วพร้อมให้สภาผู้แทนฯตรวจสอบรายละเอียดของโครงการก่อนอนุมัติ แต่รัฐบาลนี้เลี่ยงมาตลอด และผมเชื่อด้วยว่า ที่อนุมัติงบประมาณเพียง 20,000 ล้าน ก็เพราะว่าถ้าอนุมัติมากกว่านี้ กรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนฯ ก็จะเข้ามาตรวจสอบ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า ตนคิดว่าเรื่องราคากลาง ก็เป็นหัวใจหลักที่เป็นจุดที่หลายฝ่ายมองตรงกันแล้วว่า จะสามารถป้องการทุจริต คอร์รัปชันได้ ซึ่งรัฐบาลก็ควรรับข้อเสนอนี้ ส่วนที่รัฐบาลมองว่า จะทำให้ป.ป.ช. มีอำนาจมากเกินไปนั้น ตนมองว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะรับ หรือไม่รับ แต่ถ้าไม่รับเพราะไม่ชอบหน้าคนเสนอ ก็ไม่ใช่หลักการบริหารที่ถูกต้อง
" ก็อยากให้ย้อนกลับไปดูว่า ที่มาของปัญหาหลายเรื่องทางการเมืองคือ ฝ่ายบริหารไม่ยอมรับการตรวจสอบ อย่าไปทำผิดซ้ำอีกเลย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** "เหลิม"อ้างไม่ได้ด่าป.ป.ช.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณี ครม. มีการคัดค้านการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะออกระเบียบให้รัฐบาลต้องดำเนินการตามภายใน 180 วัน เรื่องการเปิดเผยราคากลาง ว่า ข่าวที่ออกมา มากไป ตนไม่ได้พูดกันถึงขนาดนั้น
เมื่อถามว่า ตกลงว่ารัฐบาลมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รับหลักการ เป็นเรื่องที่ดี ที่จะปราบทุจริต เพราะรัฐบาลไม่ทุจริตอยู่แล้ว แต่วิธีการต้องดูว่าเป็นอย่างไร
" ไอ้คนที่เอาข่าวไปปล่อย คือไอ้ลูกน้องรัฐบาลชุดเก่า ไปปล่อยเยอะไป ผมเป็นคนพูดเองว่าไปประเทศจีนมา อัยการเขาก็ขึ้นกับรัฐบาล ป.ป.ช. ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับรัฐบาล บางประเทศเขาพัฒนาถึงขนาดว่า ป.ป.ช.ให้มาจากการเลือกตั้ง นั่นมันเป็นการแสดงความเห็น หรือแสดงความเห็นแล้วผิด มันไม่ผิด " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิจารณ์ว่าป.ป.ช.ลุแก่อำนาจเกินไป ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ใช่ คนไปบอกเป็นลูกน้องรัฐบาลชุดที่แล้ว ต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ทะเลาะกับป.ป.ช. ไม่จริง มีพูดบ้าง ไม่ถึงขนาดนั้น เว่อร์ไป รัฐบาลพร้อมทำทุกอย่าง อะไรที่มันป้องกันการทุจริต รัฐบาลต้องสนับสนุน ตนย้ำหลายครั้ง ถ้ารัฐบาลนี้ไม่ทุจริตอยู่ครบเทอม เผลอๆ บวกอีก 4 ก็เรียบร้อยหมดงานไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า มีการพูดถึงว่าจะไปแก้ไข ในตัว ร่าง พ.ร.บ. ป.ป.ช. เพื่อลดอำนาจป.ป.ช. ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนพูดมันเพ้อเจ้อ ร่างกฎหมายป.ป.ช. มันต้องแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญป.ป.ช.ได้อย่างไร คนพูดเว่อร์ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จะแก้กฎหมายลูกไม่ได้ ต้องแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้ว รัฐธรรมนูญมันแก้ง่ายหรือ