กาฬสินธุ์ - อธิบดี สถ.ส่งต่อผู้ว่าฯฟันนายก อบต.หนองแวง เรียกรับสินบนครูศูนย์เด็ก ด้านจังหวัดยกย่องเหยื่อ 8 ราย เป็นผู้กล้าหาญ ขณะที่เครือข่าย ป.ป.ช.ภาคประชาชน ชี้ เหตุพบปัญหาทุจริตโผล่กาฬสินธุ์ เพราะบิ๊กข้าราชการจริงใจที่จะปราบทุจริต เชื่อ ทุกพื้นที่มีการเรียกเก็บสินบน แต่ถูกหมกเม็ด เห็นแก่ประโยชน์มากกว่าการเปิดเผยความจริง
จากกรณีที่ครูผู้ดูแลเด็ก 8 คน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายก อบต.หนองแวง และพวกร่วมกันเรียกรับสินบนเพื่อต่อสัญญาในการเป็นลูกจ้างตามภารกิจรายละ 50,000 บาท เพื่อรักษาสิทธิ์ที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการในปีงบประมาณ 2555 ของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทางด้านจังหวัดได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และพบว่า มีมูลความจริงพร้อมจ่อฟันวินัยนายกอบต.พ้นตำแหน่งตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 ต.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นายขวัญชัย วงษ์นิติกร อธิบดี สถ.ให้ดำเนินการเอาปิดต่อผู้กระทำได้เลย ซึ่งตอนนี้ได้ลงนามคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของนายก อบต.หนองแวง ไปแล้ว และได้สั่งการให้ นายปรัชญา จินต์จันทรวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ดำเนินคดีอาญานายก อบต.เลยทันที พร้อมให้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
จังหวัดกาฬสินธุ์ต้องยกย่องให้ 8 เหยื่อสินบนเป็นผู้กล้าที่ให้ข้อมูลเท็จจริงต่างๆ กับทางจังหวัด จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งยังมีหลักฐานชัดเจนเป็นประโยชน์ต่อการเอาผิดแก๊งค์รีดเรียกรับสินบน ซึ่งในการสอบสวนของคณะกรรมการซึ่งทางจังหวัดได้ใช้ ก.อบต.สายข้าราชการเข้าไปทำหน้าที่แทน ก.อบต.สายท้องถิ่น และ ก.อบต.สายผู้ทรงคุณวุฒิที่มีปัญหาเป็นคณะกรรมการการสอบสวน เหยื่อทั้ง 8 คนเป็นฮีโร่ปราบทุจริต
ซึ่งจังหวัดจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการคุ้มครองความปลอดภัยของเหยื่อทั้ง 8 ราย ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์จะดำเนินการคดีนี้อย่างจริงจัง ไม่กลัวว่าจะเสียภาพพจน์อะไร เพราะตอนนี้ยังเป็นการป้องกันยังไม่เกิดความเสียหายทะเบียนผู้บรรจุ 364 อัตรา ยังอยู่ครบ ยังไม่มีการบรรจุใดๆ ที่แตกต่างจะกรณีสินบนทุ่งคลองที่มีการเรียกรับเงินมีการบรรจุแต่งตั้งจนเกือบจะเสร็จสิ้นขบวนการไปแล้ว ซึ่งในคดีนี้จะไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำสองเหมือนกับคดีสินบนทุ่งคลองแน่นอน
ด้าน นายนิคม อุปชีวะ ประธานเครือข่าย ป.ป.ช.ภาคประชาชน กล่าวว่า ในส่วนที่อธิบดี สถ.ระบุว่า การพบทุจริตมีเพียงจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น น่าจะมาจากการที่จังหวัด ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รองผู้ว่าฯทั้ง 2 คน และข้าราชการส่วนต่างๆ กล้าที่จะยอมรับความจริงว่ามีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นจริงๆ และมีความกล้าที่จะเปิดเผยมากกว่าที่จะหมกเม็ดเอาไว้เหมือนที่ผ่านๆ มา
เพราะอย่าลืมว่า การเรียกรับสินบน และการทุจริตขององค์กรปกตรองส่วนท้องถิ่นเป็นปัญหาที่ถูกสะสมไม่ได้รับการแก้ไขจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่น่ารังเกียจ และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
การทุจริต การเรียกรับสินบน ไม่ได้มีที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่เดียวเท่านั้น เชื่อว่า ทุกจังหวัดทุกพื้นที่มีเหมือนกันหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจมีความจริงใจแค่ไหนที่จะจัดการล้างบางทุจริต อย่างจังหวัดกาฬสินธุ์ต้องยอมรับว่ามีความจริงใจสูง จนทำให้เกิดความเชื่อมั่นของเหยื่อสินบนจนนำไปสู่การเอาผิดขบวนการนี้ในที่สุด นอกจากนี้ ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ การทุจริต และสินบนมีแน่นอนแต่ไม่ถูกตีแผ่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น
ซึ่งกระบวนการที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการ หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่จะต้องร่วมมือกันเท่านั้น ประชาชนเองก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะการปราบปรามทุจริตสินบนต้องมีพลังจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ เชื่อว่า บทบาทที่จังหวัดได้เร่งดำเนินการเชือดแก๊งสินบนครูเด็กครั้งนี้จะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย และจังหวัดได้เอาจริงเอาจังโดยไม่สนใจภาพพจน์น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากกว่า
นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจของจังหวัดไม่ได้สนใจเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนเหมือนกับแก๊งรีดที่อาศัยช่องโหว่ออกมาเรียกรับเงินเช่นนี้ถึงแม้ว่าตัวเลขจะสูงหลายร้อยล้านก็ตาม
จากกรณีที่ครูผู้ดูแลเด็ก 8 คน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สมเด็จ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายก อบต.หนองแวง และพวกร่วมกันเรียกรับสินบนเพื่อต่อสัญญาในการเป็นลูกจ้างตามภารกิจรายละ 50,000 บาท เพื่อรักษาสิทธิ์ที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการในปีงบประมาณ 2555 ของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทางด้านจังหวัดได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และพบว่า มีมูลความจริงพร้อมจ่อฟันวินัยนายกอบต.พ้นตำแหน่งตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (18 ต.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นายขวัญชัย วงษ์นิติกร อธิบดี สถ.ให้ดำเนินการเอาปิดต่อผู้กระทำได้เลย ซึ่งตอนนี้ได้ลงนามคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของนายก อบต.หนองแวง ไปแล้ว และได้สั่งการให้ นายปรัชญา จินต์จันทรวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ดำเนินคดีอาญานายก อบต.เลยทันที พร้อมให้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
จังหวัดกาฬสินธุ์ต้องยกย่องให้ 8 เหยื่อสินบนเป็นผู้กล้าที่ให้ข้อมูลเท็จจริงต่างๆ กับทางจังหวัด จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งยังมีหลักฐานชัดเจนเป็นประโยชน์ต่อการเอาผิดแก๊งค์รีดเรียกรับสินบน ซึ่งในการสอบสวนของคณะกรรมการซึ่งทางจังหวัดได้ใช้ ก.อบต.สายข้าราชการเข้าไปทำหน้าที่แทน ก.อบต.สายท้องถิ่น และ ก.อบต.สายผู้ทรงคุณวุฒิที่มีปัญหาเป็นคณะกรรมการการสอบสวน เหยื่อทั้ง 8 คนเป็นฮีโร่ปราบทุจริต
ซึ่งจังหวัดจำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการคุ้มครองความปลอดภัยของเหยื่อทั้ง 8 ราย ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์จะดำเนินการคดีนี้อย่างจริงจัง ไม่กลัวว่าจะเสียภาพพจน์อะไร เพราะตอนนี้ยังเป็นการป้องกันยังไม่เกิดความเสียหายทะเบียนผู้บรรจุ 364 อัตรา ยังอยู่ครบ ยังไม่มีการบรรจุใดๆ ที่แตกต่างจะกรณีสินบนทุ่งคลองที่มีการเรียกรับเงินมีการบรรจุแต่งตั้งจนเกือบจะเสร็จสิ้นขบวนการไปแล้ว ซึ่งในคดีนี้จะไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำสองเหมือนกับคดีสินบนทุ่งคลองแน่นอน
ด้าน นายนิคม อุปชีวะ ประธานเครือข่าย ป.ป.ช.ภาคประชาชน กล่าวว่า ในส่วนที่อธิบดี สถ.ระบุว่า การพบทุจริตมีเพียงจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น น่าจะมาจากการที่จังหวัด ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รองผู้ว่าฯทั้ง 2 คน และข้าราชการส่วนต่างๆ กล้าที่จะยอมรับความจริงว่ามีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นจริงๆ และมีความกล้าที่จะเปิดเผยมากกว่าที่จะหมกเม็ดเอาไว้เหมือนที่ผ่านๆ มา
เพราะอย่าลืมว่า การเรียกรับสินบน และการทุจริตขององค์กรปกตรองส่วนท้องถิ่นเป็นปัญหาที่ถูกสะสมไม่ได้รับการแก้ไขจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่น่ารังเกียจ และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
การทุจริต การเรียกรับสินบน ไม่ได้มีที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่เดียวเท่านั้น เชื่อว่า ทุกจังหวัดทุกพื้นที่มีเหมือนกันหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจมีความจริงใจแค่ไหนที่จะจัดการล้างบางทุจริต อย่างจังหวัดกาฬสินธุ์ต้องยอมรับว่ามีความจริงใจสูง จนทำให้เกิดความเชื่อมั่นของเหยื่อสินบนจนนำไปสู่การเอาผิดขบวนการนี้ในที่สุด นอกจากนี้ ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ การทุจริต และสินบนมีแน่นอนแต่ไม่ถูกตีแผ่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น
ซึ่งกระบวนการที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของข้าราชการ หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่จะต้องร่วมมือกันเท่านั้น ประชาชนเองก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะการปราบปรามทุจริตสินบนต้องมีพลังจากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้ เชื่อว่า บทบาทที่จังหวัดได้เร่งดำเนินการเชือดแก๊งสินบนครูเด็กครั้งนี้จะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย และจังหวัดได้เอาจริงเอาจังโดยไม่สนใจภาพพจน์น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมากกว่า
นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้มีอำนาจของจังหวัดไม่ได้สนใจเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนเหมือนกับแก๊งรีดที่อาศัยช่องโหว่ออกมาเรียกรับเงินเช่นนี้ถึงแม้ว่าตัวเลขจะสูงหลายร้อยล้านก็ตาม
