ASTVผู้จัดการรายวัน- "อี้"ห่วงจับแพะไม่เชื่อ "เสธ.บ." สั่งเก็บมือขวา เพราะเคลียร์จบแล้วตั้งแต่ปี 53 ชี้เบาะแสนักการเมืองผู้มีอิทธิพลอักษรย่อ "ว." ส่งมือสังหารจากเหนือมาฆ่า ถาม"เก่ง"รู้จักหรือไม่ ติง"เหลิม" ควรให้อิสระตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา อย่าใช้อำนาจบิดคดี ด้านตำรวจพุ่งปมเช่าพระ "เหลิม" อาศัยประสบการณ์ตำรวจเก่า สรุปเปรี้ยง พฤติกรรมการฆ่า ลงมือด้วยความโกรธแค้น ชิงชัง น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องการเมือง
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัครส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ช่วงบ่าย วันนี้ (13 ธ.ค.) ตนจะไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีนายชุติเดช สุวรรณเกิด คนสนิทที่ถูกยิงเสียชีวิต โดยได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนของตำรวจ จากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า มีคนร้ายลงมือ 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ฟีโน สีชมพูขาว และลงมือโดยใช้อาวุธปืนจุด 38 ซึ่งจากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวพันไปถึงคนมีอิทธิพลทั้งธุรกิจใต้ดิน และการเมืองอักษร ย่อ ว. เข้าไปบงการ
" ตรงนี้คงต้องสอบถามนายการุณ โหสกุล ว่าในฐานเป็นผู้กว้างขวาง พอจะรู้จักหรือช่วยหาตัวคนๆ นี้ มาให้ตำรวจดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะผมเชื่อว่าความเป็นคนกว้างขวางของนายเก่งน่าจะรู้จักดี ว่าเป็นใคร ผมมีความเป็นห่วงว่าจะมีการจับแพะเกิดขึ้น เพราะเริ่มมีสัญญาณในเชิงว่าเป็นเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่พูดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ และอยากขอร้อง ร.ต.อ.เฉลิม ว่า ควรปล่อยให้เรื่องนี้มีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา หากพบคนในรัฐบาลเกี่ยวข้อง ก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด เพื่อความโปร่งใส เพราะคดีนี้แม้จะเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ผมไม่อยากให้การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต และครอบครัว ผมได้รับข้อมูลเชิงลึกที่น่าเชื่อถือว่า เรื่องนี้มีใบสั่งทางการเมืองจากคนที่มีชื่ออักษร ย่อ ว. มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นผู้จัดหามือปืนมาก่อเหตุ โดยทราบว่าเป็นมือปืนทางเหนือ ซึ่งผมกำลังสืบอยู่ว่า เป็นสายไหน และอยากให้ตำรวจจริงจังกับเรื่องนี้ ซึ่งหากสาวถึงผู้บงการได้ เชื่อว่าจะล้างอิทธิพลในดอนเมืองได้ด้วย" นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า อยากให้นายการุณ ขอขมาครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพราะมีการให้สัมภาษณ์ในลักษณะหยามเกียรติผู้ตายว่า เป็นไส้ศึก จึงอยากให้นายการุณ รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวงเอง ทั้งนี้ ตนไม่เคยคิดใส่ร้ายนายการุณ และเห็นว่า เสธ.บ. ที่ถูกระบุถึง ว่าตำรวจจะเชิญไปให้ปากคำ ก็ควรจะแสดงตัวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งโดยส่วนตัวทราบว่าเป็นนายทหารสังกัดกองทัพอากาศ เคยมีปัญหากับผู้เสียชีวิต เมื่อปี 53 แต่ได้เคลียร์เรื่องจนจบไปแล้ว จึงเชื่อว่าการถูกฆาตกรรมครั้งนี้ ไม่น่าเกี่ยวข้องกับปัญหาระหว่างผู้ตาย กับเสธ.บ. ซึ่งทางครอบครัวของผู้ตายอยากให้ตำรวจจับคนผิดมาลงโทษให้ได้ โดยเฉพาะตัวผู้บงการ
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของ เสธ.บ. เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ในปี 53 ที่ผ่านมา มีพลทหารขโมยพระจาก เสธ.บ. มาขายให้ผู้ตาย โดยที่ผู้ตายรับซื้อไว้เพราะไม่ทราบว่าเป็นพระที่ขโมยมา จากนั้น เสธ.บ.ได้มาตามทวงพระคืน ทำให้มีปากเสียงกัน แต่ผู้ตายก็คืนพระให้ หลังจากนั้นมีการลอบวางระเบิดหน้าบ้านพักในลักษณะข่มขู่ไม่ได้ปองร้ายชีวิต อีกทั้งมีการเคลียร์ปัญหากันจบแล้ว จึงไม่คิดว่า สาเหตุนี้จะทำให้มีการสั่งเก็บผู้ตาย
" ผมได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรค เพื่อดูแลบุตรสาวของนายชุติเดช ในเรื่องการศึกษาโดยจะพยายามดูแลให้เรียนจบปริญญาตรี และอาจจะมีการตั้งกองทุนช่วยเหลือครอบครัว ทั้งนี้ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปร่วมพิธีเผาศพด้วย และผมยืนยันว่าแม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้รู้สึกเสียใจ แต่ไม่เคยคิดถอดใจ จะเดินหน้าทำงานการเมืองในดอนเมืองต่อไป เนื่องจากหากกลัว หรือเลิกทำงานการเมืองในพื้นที่นี้ ก็เท่ากับไม่รับผิดชอบต่อนายชุติเดช ที่มาช่วยเหลือด้วยความศรัทธาในตัวผม ซึ่งคนที่ก่อเหตุ ก็คงกลัวว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในดอนเมือง เพราะหากกลุ่มเดิมหมดอำนาจ ก็จะทำให้ปัญหาอิทธิพลมืด ทั้งบ่อนการพนัน ตู้ม้า หวยใต้ดิน จะได้รับผลกระทบแน่นอน ในขณะนี้มีการพูดว่า ไม่ว่าใครที่มาช่วยผม จะถูกส่อง ทำให้ทีมงานก็รู้สึกหวั่นไหว ซึ่งผมก็ต้องดูแลคนเหล่านี้อย่างดีที่สุด และให้ความมั่นใจกับคนที่มาทำงานร่วมกับผมว่า เมื่อเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อคนดอนเมืองก็ต้องยืนหยัดเปลี่ยนแปลงดอนเมืองให้ได้" นายแทนคุณ กล่าว
**ตร."พุ่งปมเช่าพระเครื่อง!
เมื่อเวลา 9.30 น.วานนี้ ที่ห้องประชุม บก.น.2 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.2 พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บชน. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.2 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ประชุมเร่งรัดคดีคร้ายบุกยิง นายชุติเดช สุวรรณเกิด หัวคะเนน นายแทนคุณ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ชุดสืบสวนหาข้อมูลได้รวดเร็ว ทำงานเป็นอย่างดี ส่วนประเด็นการสังหาร ยังไม่ขอสรุปว่าเป็นเรื่องใดเพราะยังเร็วเกินไป แต่จะให้น้ำหนักไปยังเรื่องการขัดแย้งส่วนตัวมากกว่า ในกรณีของการเช่าพระเครื่อง โดยไม่ตัดประเด็นทางการเมืองทิ้ง จะมุ่งเน้นเรื่องส่วนตัวของผู้ตาย เพราะมีทั้งแผงเช่าพระ และรถบรรทุกให้เช่า ทั้งยังเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ด้วย และจากเคยมีเรื่องกับคู่กรณีซึ่งผู้ตายเป็นฝ่ายถูกทำร้ายในเรื่องการเช่าพระมาก่อน เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประชาชื่น เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้ให้ชัดเจนก่อนว่าคู่กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้อง จะทำการเรียกมาสอบปากคำภายหลัง
** เช็กกล้องวงจรปิดหาตัวมือยิง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวต่อว่า ทางด้านคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดีก่อนลงมือและยังเป็นผู้ชำนาญการใช้อาวุธ แต่เรามีพยานที่เห็นเหตุการณ์อยู่ ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรอสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และพยานคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้สอบปากคำ ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดกำลังตรวจสอบให้ชัดเจนว่า สามารถจับภาพคนร้ายได้หรือไม่ และเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไป
** ปัดโยงขัดแย้ง 2 พรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะโยงคดีไปที่เรื่องของการเมืองทั้งสองพรรคการเมืองหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่อยากให้โยงไปเรื่องการเมือง แต่ให้น้ำหนักไปเรื่องส่วนตัวมากกว่า จึงขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อน ส่วนที่นายแทนคุณ ระบุว่าผู้ตายเป็น 1 ใน 5 คน ที่ถูกขึ้นบัญชีดำสังหารไว้นั้น คิดว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของนายแทนคุณมากกว่า ซึ่งไม่น่าจะมีอะไร
** จ่อเรียกสอบนายทหารคู่กรณีผู้ตาย
ด้าน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า สำหรับนายทหารที่มีเรื่องกับผู้ตายก่อนหน้านี้ จะเป็นสาเหตุให้ถึงขั้นลงมือสังหารกันหรือไม่ จะต้องเชิญมาสอบปากคำเพิ่มเติมเสียก่อนว่าเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร และยังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่นายทหารคนนี้เพียงผู้เดียว เพราะต้องหาข้อมูลบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับดคีนี้มาตรวจสอบทั้งหมด รวมทั้งนายการุณ โหสกุล และนายแทนคุณ ที่มีการสอบปากคำและแลกข้อมูลกันไปบ้างแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ได้มาต่างๆ จะทำการคัดแยกประเด็นก่อน ว่าประเด็นอะไรที่เป็นไปได้ จนถึงต้องมีการลงมือสังหารอย่างอุกอาจ จึงจะมีการสอบประเด็นนั้นเพิ่มเติม รวมทั้งตรวจสอบว่า ถ้าผู้ตายเสียชีวิตแล้วจะมีใครได้รับผลประโยชน์
ส่วนประเด็นเรื่องพระเครื่อง ต้องหาความเชื่อมโยงตั้งแต่ที่เคยเกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดปิงปองใส่แผงพระเครื่องผู้ตาย มาจนถึงขณะนี้ว่า เป็นความขัดแย้งต่อเนื่องหรือไม่
ส่วนกรณีที่ผู้ตายมีปัญหากับนายการุณ ในช่วงน้ำท่วมนั้น กำลังหาข้อมูลอยู่ แต่จากข้อมูลที่ได้มา ยังไม่พบความเชื่อมโยงไปถึงประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้จะมีการนำกำลังตำรวจไปคุ้มกันนายแทนคุณหรือไม่ ขณะนี้นายแทนคุณ ยังไม่มีการร้องขอเข้ามา ถ้ามีการร้องขอมาทางเจ้าหน้าที่พร้อมจะส่งกำลังไปดูแลให้ทันที
จากนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ พร้อมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ นายชุติเดช ถูกยิงเสียชีวิต และดูที่แผงเช่าพระของนายชุติเดช ก่อนเดินทางกลับ โดยสั่งการให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กลับมาประชุมวางแผนการดำเนินงานต่อที่ บก.น.2 อีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้มอบหมายให้ลูกน้องแบ่งหน้าที่กันไปทำงาน โดยทีม บก.สส.บช.น. รับผิดชอบเรื่องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี ซึ่งตอนนี้ติดเป็นวันหยุดยาว จึงหาภาพจากกล้องได้ลำบาก คาดว่าวันนี้(13 ธ.ค.) จะมีความคืบหน้ามากขึ้น
**"ปู"สั่งผบ.ตร.ตรวจสอบใกล้ชิด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้กำชับเรื่องคดีนี้ ผ่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผบ.ตร. ให้ลงไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะตนก็ไม่สบายใจ และไม่อยากเห็นเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ก็ให้มีการตรวจสอบ และเร่งหาผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไม่มีการเอนเอียง ใช่หรือไม่ เพราะมีการมองว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกอย่างขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างชัดเจน และตรงไปตรงมาที่สุด เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้กฎหมายของบ้านเมืองก็ต้องเป็นกฎ เราเองก็อยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ ในฝ่ายการเมือง จะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ
เมื่อถามว่า นายแทนคุณ ออกมาระบุว่า ตัวเขาถูกขึ้นบัญชีดำด้วย จะมีการดูแลคุ้มครองอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ประสานในการดูแลคุ้มครอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ที่จะดูแลปกป้องความเป็นอยู่ ความปลอดภัย ของพี่น้องประชาชนทุกคน
**"เหลิม"ย้ำเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวการเมือง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้คุยกับทางตำรวจ และเขาได้แบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ 1. ความขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนตัว และ 2. เรื่องการเมือง ซึ่งตนได้บอกว่า ต้องดูประเด็นให้รอบคอบ เพราะบางครั้งมันมีมือที่สาม ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด แต่เรื่องนี้คาดว่าไม่น่ายากต่อการจับกุม ในฐานะที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนเก่า รูปแบบการยิงในคดีนี้ เป็นแบบเจ็บแค้น ชิงชัง โกรธเคืองส่วนตัว ถ้าทางการเมืองก็แค่ยิงให้ตาย ถ้ายิงแบบโหดร้ายทารุณ ยิงปาก อะไรต่ออะไร เหตุจะเกิดจากอะไร ตนไม่ทราบ ตำรวจกำลังทำงานอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้คุย แต่สำหรับเรื่องตรงไปตรงมา ใครทำผิดก็ต้องจับ เพราะสังคมวันนี้ปกปิดไม่ได้หรอก อย่าไปคิดว่าเป็นรัฐบาลจะทำอะไรได้ตามใจชอบ เห็นไหม อย่างกรณีคดี 91 ศพ ถึงเวลาก็มาตามวัฏจักร ตนไม่เอาด้วยเด็ดขาด
เมื่อถามว่าขณะนี้ได้มีการดูแลเกี่ยวกับซุ้มมือปืนหรือไม่ และเกรงจะเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำอีกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ซุ้มมือปืนมันมี และมันก็เลิก แต่เวลาจะปฏิบัติการ และได้รับการว่าจ้าง มันก็ผสมผสานกำลัง เมื่อเราปราบได้ มันหายไปแต่มันก็กลับมาใหม่ เพราะคนชั่วไม่เคยคิดทำดี