นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคจะประชุมในวันที่ 13 ธ.ค. เพื่อพิจารณากฏหมายเข้าสู่การประชุมสภา ที่จะเปิดประชุมในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ จะมีการเตรียมการด้านกฏหมายหลายเรื่อง ส่วนความเห็น ส.ส.บางคนเสนอให้แก้ พ.ร.บ.กลาโหมนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นกฎหมายที่ออกจากเผด็จการ เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เห็นจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหารเหมือนล็อกสเปกไว้ โดยที่ รมว.กลาโหม ไม่มีอำนาจ หากมีการแก้ไข ก็อาจจะเป็นผลดีกับประชาชน
ส่วนข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคเคยใช้หาเสียงไว้ แต่จะแก้มาตราใดบ้าง ยังบอกไม่ได้ แต่จะมุ่งเน้นเพื่อความปรองดอง และประโยชน์ของคนในชาติเป็นหลัก ไม่ได้แก้เพื่อคนเพียงคนเดียว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. เคลื่อนไหวผลักดันให้มีการแก้ไขรธน. ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยต่อต้านหรือขัดขวาง และไม่เคยพูดว่ารธน.ฉบับนี้แตะต้องไม่ได้ เพียงแต่ต้องการให้การแก้ไขเป็นไปตามกระบวนการโดยอิสระ ไม่มีวาระทางการเมืองแต่อย่างใด
การที่พรรคเพื่อไทย พยายามใส่ร้ายรธน.ปี 50 โดยอ้างว่า เป็นกฎหมายรธน.ที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องถามกลับไปว่า ไม่เป็นธรรมสำหรับใคร ทั้งรธน.ปี 50 และ 40 ต่างก็มีจุดอ่อน และจุดแข็งที่แตกต่างกัน รธน.ทั้งสองฉบับ เมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว ทุกฝ่ายต้องให้การยอมรับ ถ้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธหรือรังเกียจ รธน.ปี 50 ก็ต้องถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยส่งสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลตามรธน.ปี 50
นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทย เสนอแนวความคิดให้มีการตั้ง ส.ส.ร. โดยผ่านการคัดเลือกของสมาชิกรัฐสภานั้น ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าจะมีการแก้รธน. ก็ควรให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยอิสระ สมาชิกรัฐสภาไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะอยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย และถ้าหาก ส.ส.ร. มาจากการคัดเลือกของรัฐสภา ก็จะมีข้อครหาการเล่นพรรคเล่นพวก สนับสนุนคนของตัวเองเข้าไปเป็นส.ส.ร. ผลผลิตของรธน. ก็จะบิดเบี้ยว ไม่เป็นตามเจตนารมณ์ของคนส่วนใหญ่
จึงอยากจะให้ทุกฝ่ายตั้งสติ เอาจุดอ่อน จุดแข็ง ของรธน.ปี 40 และ 50 มาศึกษาและปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรธน.ที่สมบูรณ์
" รัฐธรรมนูญปี 40 ได้มาจากส.ส.ร. ที่กล่าวได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ก็ไม่ควรลืมว่า รัฐธรรมนูญปี 50 แม้จะมาจากส.ส.ร. ที่แต่งตั้งโดยคมช. แต่ก็ผ่านการลงประชามติ จากประชาชน 14 ล้านเสียง เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ควรมาจาก ส.ส.ร. และเมื่อร่างเสร็จ ก็ควรที่จะผ่านการทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ดังนั้นอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความรอบคอบ ไม่ควรรีบเร่งหรือลุกลี้ลุกลนเหมือนกับบางฝ่ายที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญไปรับใช้บุคคลใดบุคคลหนึ่งทางการเมือง มิฉะนั้นแล้วรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ จะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในสังคมอีกด้วย " นายเทพไท กล่าว
ทั้งนี้ จะมีการเตรียมการด้านกฏหมายหลายเรื่อง ส่วนความเห็น ส.ส.บางคนเสนอให้แก้ พ.ร.บ.กลาโหมนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นกฎหมายที่ออกจากเผด็จการ เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เห็นจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหารเหมือนล็อกสเปกไว้ โดยที่ รมว.กลาโหม ไม่มีอำนาจ หากมีการแก้ไข ก็อาจจะเป็นผลดีกับประชาชน
ส่วนข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคเคยใช้หาเสียงไว้ แต่จะแก้มาตราใดบ้าง ยังบอกไม่ได้ แต่จะมุ่งเน้นเพื่อความปรองดอง และประโยชน์ของคนในชาติเป็นหลัก ไม่ได้แก้เพื่อคนเพียงคนเดียว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. เคลื่อนไหวผลักดันให้มีการแก้ไขรธน. ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยต่อต้านหรือขัดขวาง และไม่เคยพูดว่ารธน.ฉบับนี้แตะต้องไม่ได้ เพียงแต่ต้องการให้การแก้ไขเป็นไปตามกระบวนการโดยอิสระ ไม่มีวาระทางการเมืองแต่อย่างใด
การที่พรรคเพื่อไทย พยายามใส่ร้ายรธน.ปี 50 โดยอ้างว่า เป็นกฎหมายรธน.ที่ไม่เป็นธรรม ก็ต้องถามกลับไปว่า ไม่เป็นธรรมสำหรับใคร ทั้งรธน.ปี 50 และ 40 ต่างก็มีจุดอ่อน และจุดแข็งที่แตกต่างกัน รธน.ทั้งสองฉบับ เมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายสูงสุดแล้ว ทุกฝ่ายต้องให้การยอมรับ ถ้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธหรือรังเกียจ รธน.ปี 50 ก็ต้องถามว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยส่งสมัครรับเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลตามรธน.ปี 50
นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทย เสนอแนวความคิดให้มีการตั้ง ส.ส.ร. โดยผ่านการคัดเลือกของสมาชิกรัฐสภานั้น ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าจะมีการแก้รธน. ก็ควรให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยอิสระ สมาชิกรัฐสภาไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะอยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย และถ้าหาก ส.ส.ร. มาจากการคัดเลือกของรัฐสภา ก็จะมีข้อครหาการเล่นพรรคเล่นพวก สนับสนุนคนของตัวเองเข้าไปเป็นส.ส.ร. ผลผลิตของรธน. ก็จะบิดเบี้ยว ไม่เป็นตามเจตนารมณ์ของคนส่วนใหญ่
จึงอยากจะให้ทุกฝ่ายตั้งสติ เอาจุดอ่อน จุดแข็ง ของรธน.ปี 40 และ 50 มาศึกษาและปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรธน.ที่สมบูรณ์
" รัฐธรรมนูญปี 40 ได้มาจากส.ส.ร. ที่กล่าวได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ก็ไม่ควรลืมว่า รัฐธรรมนูญปี 50 แม้จะมาจากส.ส.ร. ที่แต่งตั้งโดยคมช. แต่ก็ผ่านการลงประชามติ จากประชาชน 14 ล้านเสียง เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ควรมาจาก ส.ส.ร. และเมื่อร่างเสร็จ ก็ควรที่จะผ่านการทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ดังนั้นอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความรอบคอบ ไม่ควรรีบเร่งหรือลุกลี้ลุกลนเหมือนกับบางฝ่ายที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญไปรับใช้บุคคลใดบุคคลหนึ่งทางการเมือง มิฉะนั้นแล้วรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ จะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในสังคมอีกด้วย " นายเทพไท กล่าว
