“เทพไท” หยัน “ยิ่งลักษณ์” แค่นายกฯ หุ่นเชิด ไร้อำนาจปรับ ครม.เอง ระบุความสามารถแค่เป็นเลขาฯ รมต.ยังไม่รู้จะได้หรือเปล่า ชี้ควรถูกปรับออกเป็นคนแรก แฉ ส.ส.อีสาน เดินเกมปรับ “ยงยุทธ” พ้น มท.1 ลองของผู้มีอำนาจในพรรค เชื่อ “แม้ว” ไม่ปรับออก เหตุรับใช้มานาน
วันที่ 11 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวการวิ่งเต้นกันในพรรคเพื่อไทยในการปรับ ครม. จนทำให้คนในพรรคเพื่อไทยออกมาดับกระแสด้วยการอ้างว่าการปรับ ครม.เป็นการตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวว่า สังคมรู้ดีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีบทบาทและอำนาจในการปรับ ครม.มากน้อยเพียงใด คนในพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องออกมากลบเกลื่อน หรือให้เครดิตกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิด ไม่มีอำนาจใดๆ ในการแต่งตั้ง ครม. อย่าว่าแต่การจัดการ ครม.ของตัวเองเอง แค่แต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 ก็ต้องรับฟังสัญญาณจากดูไบ ดังนั้น เรื่องนี้ถ้าไม่มีไฟก็ย่อมไม่มีควันออกมาให้เห็น การที่คนในพรรคเพื่อไทยบินไปสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นว่าศูนย์อำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์
“อย่าว่าแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะมีอำนาจในการปรับ ครม.เลย น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ถ้าไม่ใช่น้องสาวในไส้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นนายกฯ และถ้าว่าไปตามเนื้อผ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรจะถูกปรับออกเป็นคนแรก ถ้าดูความสามารถกับตำแหน่งแล้ว แค่เลขานุการรัฐมนตรีก็ไม่แน่ใจว่าสามารถเป็นได้หรือไม่” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวอีกว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของ ส.ส.อีสานของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการผลักดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทยนั้น น่าจะเป็นยุทธการแย่งชิงเจ้ากระทรวงมหาดไทยของคนในพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะตำแหน่งนี้เป็นที่หมายปองของคนหลายคนในพรรคเพื่อไทย ไม่เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะปรับนายยงยุทธออกจากตำแหน่งนี้ เพราะสถานะนายยงยุทธไม่ใช่สมาชิกพรรคธรรมดา แต่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถ้าจะปรับหัวหน้าพรรคของตัวเองออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องแปลกมากในระบบการเมือง นายยงยุทธอยู่ในฐานะนายกฯ ตัวสำรองเสียด้วยซ้ำไป และการที่นายยงยุทธได้รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหลายครั้งหลายคราว ก็ควรจะเป็นที่ไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นการที่คนบางคนในพรรคเพื่อไทย ให้ ส.ส.ในสังกัดของตัวเองออกมาเคลื่อนไหวน่าจะเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรคในลักษณะลองของจากผู้มีอำนาจในพรรคมากกว่า