00 คงคาดไม่ถึงจริงๆ สำหรับ “ไอ้กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตนักร้องที่ชอบมีเสียงประหลาดที่หันมาเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อสร้างความโดดเด่นด้วยการเป็น “หัวโจกม็อบ” เสื้อแดง จนกลายเป็น “ผู้ก่อการร้าย” แต่ในที่สุดก็ต้องไปนอนในคุก เพราะศาลไม่ยอมให้ประกันตัวออกมา เนื่องจากเห็นว่าโทษมีอัตราสูง และยังมีอีกหลายคดีเป็นหางว่าว ปล่อยไปอาจจะหลบหนี อีกทั้งที่ผ่านมา กว่าจะเข้ามามอบตัวก็ทอดเวลานานสองนาน จึงให้ยกคำร้อง เชื่อว่าคำตัดสินของศาลดังกล่าว ทำให้หลายคนต้องยกมือสาธุท่วมหัว
00 กรณีที่เกิดขึ้นยังทำให้มีความเชื่อมั่นอยู่ว่า ระบบศาลยุติธรรมเป็นที่หวัง เป็นที่พึ่งพิงในบทสรุปสุดท้ายยังเหลืออยู่ ขณะเดียวกันกรณีที่เกิดขึ้นยังเหมือนกับเป็นการตบหน้ากระบวนการยุติธรรมต้นทาง กลางทาง โดยเฉพาะอัยการ ที่ระยะหลังเรียกได้ว่า “หมดสภาพ” ไร้ความน่าเชื่อถือในสายตาชาวบ้าน หลายคดีล้วนสวนทางกับความรู้สึก ไม่สมกับฐานะ “ทนายแผ่นดิน” เอาเสียเลย แม้ว่าที่ผ่านมาคงไม่อาจไปเอาผิดกับพวกเขา เนื่องจากไม่อาจยืนยันได้ว่า “มีนอกมีใน” กันหรือไม่ แต่รับรองว่าความศรัทธาที่มีต่ออัยการนั้น ลดต่ำลงมาก โดยเฉพาะในยุคนี้
00 หันมาที่ตัว ไอ้กี้ร์ เอง เชื่อว่าหลังจากได้ฟังคำตัดสินของศาลคงช็อก เพราะก่อนหน้านี้หลังจากดอดเข้ามอบตัว เมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ที่ศาลจังหวัดพัทยา ชลบุรี ในคดีเป็นแกนนำม็อบเสื้อแดง ไปพังการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟฯ พัทยา เมื่อปี 2552 หลังจากนั้นก็ให้สัมภาษณ์ด้วยความย่ามใจว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะได้ประสานเป็นการภายในกับรัฐบาล พร้อมทั้งบอกว่า มั่นใจในความยุติธรรม จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ก็เดินเข้ามอบตัวในคดีก่อการร้าย และอีกสารพัดคดีที่ก่อขึ้นในปี 2553 แต่เมื่อศาลไม่ให้ประกัน ก็ต้องไปใช้กรรมในคุก สะใจกันทั้งประเทศ
00 เมื่อดูพฤติกรรมย้อนหลัง ยิ่งวันปลุกระดมด้วยความคะนองปาก ด้วยความเท่ว่า “ให้พี่น้องเอาขวดน้ำมาคนละขวด แล้วไปเติมน้ำมันที่กรุงเทพฯ เราจะทำให้เป็นทะเลเพลิง” หรือหากยังจำคำพูดที่เคยข่มขู่ว่า จะบุกมาที่โรงพยาบาลศิริราช มันก็ยิ่งแค้น คนแบบนี้ต้องไม่ปรานี ต้องให้รู้สำนึก ต้องให้เจ็บปวดกับกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นมาให้นานๆ
00 ได้เห็นอาการของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ถูก กกต.วินิจฉัยเสียงข้างมากว่า ขาดสมาชิกภาพ หลังจากติดคุกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ว่าในเบื้องต้นมี กกต.บางคนอย่าง สมชัย จึงประเสริฐ บอกว่า มีสาเหตุมาจากเรื่องขาดสมาชิกภาพก็ตาม ก็ยังงงอยู่ไม่หาย เพราะแม้แต่ ประธานศาลรธน.อย่าง วสันต์ สร้อยพิสุทธ์ ก็ยังมีอาการไม่ต่างกัน เพราะยังไม่ชัด แต่เท่าที่ดูอาการโดยรวมๆ แล้ว มีแนวโน้มให้เห็นว่า “ไม่น่ารอด”
00 เชื่อว่าหลังจากกลับจากรับประทานข้าวเที่ยงที่กระทรวงกลาโหม เมื่อสองสามวันก่อน คงทำให้ เฉลิม อยู่บำรุง กลับไปตั้งสติทบทวนได้บ้างว่า จะเดินหน้าต่อดีหรือไม่ โดยเฉพาะคดี 13 ศพ เพราะเริ่มมีเสียงเตือนเข้มๆ มาจาก ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นั่งดูอยู่นานแล้วว่าอย่า “ล้ำเส้น” ก็ต้องคอยดูกันว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยประเภท “อยู่แก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” หรือเปล่า !!
00 กรณีที่เกิดขึ้นยังทำให้มีความเชื่อมั่นอยู่ว่า ระบบศาลยุติธรรมเป็นที่หวัง เป็นที่พึ่งพิงในบทสรุปสุดท้ายยังเหลืออยู่ ขณะเดียวกันกรณีที่เกิดขึ้นยังเหมือนกับเป็นการตบหน้ากระบวนการยุติธรรมต้นทาง กลางทาง โดยเฉพาะอัยการ ที่ระยะหลังเรียกได้ว่า “หมดสภาพ” ไร้ความน่าเชื่อถือในสายตาชาวบ้าน หลายคดีล้วนสวนทางกับความรู้สึก ไม่สมกับฐานะ “ทนายแผ่นดิน” เอาเสียเลย แม้ว่าที่ผ่านมาคงไม่อาจไปเอาผิดกับพวกเขา เนื่องจากไม่อาจยืนยันได้ว่า “มีนอกมีใน” กันหรือไม่ แต่รับรองว่าความศรัทธาที่มีต่ออัยการนั้น ลดต่ำลงมาก โดยเฉพาะในยุคนี้
00 หันมาที่ตัว ไอ้กี้ร์ เอง เชื่อว่าหลังจากได้ฟังคำตัดสินของศาลคงช็อก เพราะก่อนหน้านี้หลังจากดอดเข้ามอบตัว เมื่อค่ำวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ที่ศาลจังหวัดพัทยา ชลบุรี ในคดีเป็นแกนนำม็อบเสื้อแดง ไปพังการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟฯ พัทยา เมื่อปี 2552 หลังจากนั้นก็ให้สัมภาษณ์ด้วยความย่ามใจว่า สาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะได้ประสานเป็นการภายในกับรัฐบาล พร้อมทั้งบอกว่า มั่นใจในความยุติธรรม จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ก็เดินเข้ามอบตัวในคดีก่อการร้าย และอีกสารพัดคดีที่ก่อขึ้นในปี 2553 แต่เมื่อศาลไม่ให้ประกัน ก็ต้องไปใช้กรรมในคุก สะใจกันทั้งประเทศ
00 เมื่อดูพฤติกรรมย้อนหลัง ยิ่งวันปลุกระดมด้วยความคะนองปาก ด้วยความเท่ว่า “ให้พี่น้องเอาขวดน้ำมาคนละขวด แล้วไปเติมน้ำมันที่กรุงเทพฯ เราจะทำให้เป็นทะเลเพลิง” หรือหากยังจำคำพูดที่เคยข่มขู่ว่า จะบุกมาที่โรงพยาบาลศิริราช มันก็ยิ่งแค้น คนแบบนี้ต้องไม่ปรานี ต้องให้รู้สำนึก ต้องให้เจ็บปวดกับกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นมาให้นานๆ
00 ได้เห็นอาการของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ถูก กกต.วินิจฉัยเสียงข้างมากว่า ขาดสมาชิกภาพ หลังจากติดคุกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ว่าในเบื้องต้นมี กกต.บางคนอย่าง สมชัย จึงประเสริฐ บอกว่า มีสาเหตุมาจากเรื่องขาดสมาชิกภาพก็ตาม ก็ยังงงอยู่ไม่หาย เพราะแม้แต่ ประธานศาลรธน.อย่าง วสันต์ สร้อยพิสุทธ์ ก็ยังมีอาการไม่ต่างกัน เพราะยังไม่ชัด แต่เท่าที่ดูอาการโดยรวมๆ แล้ว มีแนวโน้มให้เห็นว่า “ไม่น่ารอด”
00 เชื่อว่าหลังจากกลับจากรับประทานข้าวเที่ยงที่กระทรวงกลาโหม เมื่อสองสามวันก่อน คงทำให้ เฉลิม อยู่บำรุง กลับไปตั้งสติทบทวนได้บ้างว่า จะเดินหน้าต่อดีหรือไม่ โดยเฉพาะคดี 13 ศพ เพราะเริ่มมีเสียงเตือนเข้มๆ มาจาก ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นั่งดูอยู่นานแล้วว่าอย่า “ล้ำเส้น” ก็ต้องคอยดูกันว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยประเภท “อยู่แก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” หรือเปล่า !!