เอเจนซีส์ – ยอดส่งออกจีนเดือนที่ผ่านมาชะลอลงตามคาด เชื่อปีหน้าสถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทรุดทั้งในยุโรปและอเมริกา กระนั้น พญามังกรเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว ด้วยการกระตุ้นการส่งออกสู่พวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ พร้อมเพิ่มการนำเข้าจากชาติมั่งคั่งเพื่อผ่อนเพลาสถานการณ์เลวร้าย
ฉงเฉวียน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (7) ว่า การส่งออกประจำเดือนพฤศจิกายนมีอัตราเติบโตลดลงจากเดือนก่อนหน้า ตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ปัจจัยลบภายนอกกำลังฉุดลากประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้
ทั้งนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนพฤศจิกายนในวันเสาร์ (10) โดยที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ตัวเลขที่ออกมาจะบ่งชี้อัตราเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ไม่นับรวมเดือนกุมภาพันธ์ที่เป็นช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดต่ำอย่างผิดปกติเป็นประจำทุกปี
อัตราเติบโตของการส่งออกเดือนตุลาคมที่ 15.9% ถือเป็นตัวเลขที่เซื่องซึมที่สุดในรอบ 8 เดือน และยังเป็นการลดลงต่ำที่สุดนับจากเดือนพฤศจิกายน 2009 ไม่นับรวมข้อมูลที่ผันผวนของเดือนกุมภาพันธ์
นักวิเคราะห์คาดว่า ภาคส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของแดนมังกร จะเผชิญแรงต้านหนักขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปเลวร้ายลง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอเมริกันยังคงซบเซา
มุมมองดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ของจีน (ซีเอเอสเอส) ซึ่งเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยทรงอิทธิพลของทางการแดนมังกร เผยแพร่รายงานการคาดการณ์การเติบโตและภาวะเงินเฟ้อประจำปี 2012
ซีเอเอสเอสคาดว่า ปีหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะขยายตัว 8.9% เทียบกับ 9.2% ในปีนี้ ขณะที่ราคาผู้บริโภคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จากที่คาดไว้ 5.5% สำหรับปีนี้ แต่ยังสูงกว่า 4% ที่รัฐบาลมองว่าเป็นระดับที่ผ่อนคลายได้
กระนั้น ซีเอเอสเอสไม่สนับสนุนให้ทางการใช้มาตรการกระตุ้นการเติบโต เนื่องจากอัตราขยายตัวมีแนวโน้มชะลอลงอย่างมั่นคงและเหมาะสม โดยควรรักษาอัตราเติบโตไว้ที่ 8-9% เท่านั้น
เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเผชิญอุปสรรคในปีหน้าจากต้นทุนภายในประเทศที่พุ่งขึ้น คำสั่งซื้อจากต่างแดนลดลง นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่า อัตราเติบโตตลอดปี 2012 จะต่ำกว่า 9% ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบทศวรรษ
ขณะเดียวกัน หวัง จื่อเหวิน ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธว่า ผู้ส่งออกจีนจะเผชิญสถานการณ์เลวร้ายในปีหน้า เนื่องจากไม่มีทีท่าว่าจะได้เห็นการปรับตัวแง่บวกในสหรัฐฯ หรือยุโรป ขณะที่ต้นทุนในประเทศจะยังคงสูงต่อเนื่อง
กระนั้น หวังเชื่อว่า จีนสามารถขายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้นในปีหน้า หากวิกฤตการเงินยุโรปไม่เลวร้ายเกินการควบคุม
นอกจากนี้ จีนจะพยายามส่งเสริมการส่งออกไปยังพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ที่ยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นประเทศใด แต่หวังกล่าวว่า เศรษฐกิจละตินอเมริกาและเอเชียจะยังคงขยายตัวในปีหน้า และมีความต้องการสินค้าออกของจีน
อนึ่ง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีหวัง ฉีซาน ได้เรียกร้องให้บริษัทจีนช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ท่ามกลางความต้องการที่ชะลอตัวจากภายนอก โดยทางการจะให้การสนับสนุนในการสร้างแบรนด์ การวิจัยและพัฒนา และการตลาด เพื่อให้บริษัทจีนมีความสามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งจะทุ่มเทมากขึ้นเพื่อเพิ่มการนำเข้าจากยุโรปและอเมริกาในปีหน้า เพื่อช่วยเหลือชาติมั่งคั่งที่กำลังประสบปัญหาหนัก
ทั้งนี้ ตามเอกสารของซีเอเอสเอสนั้น ยอดเกินดุลการค้าของจีนคาดว่าจะอยู่ที่ 161,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 20.4% และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 24.7%
ขณะเดียวกัน ในเอกสารปกขาวของทางการ ปักกิ่งย้ำว่า ไม่มีเจตนาดำเนินนโยบายเพื่อให้จีนเกินดุลการค้า แต่จะเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้าต่อไป
ฉงเฉวียน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (7) ว่า การส่งออกประจำเดือนพฤศจิกายนมีอัตราเติบโตลดลงจากเดือนก่อนหน้า ตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ปัจจัยลบภายนอกกำลังฉุดลากประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้
ทั้งนี้ จีนมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนพฤศจิกายนในวันเสาร์ (10) โดยที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ตัวเลขที่ออกมาจะบ่งชี้อัตราเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้ไม่นับรวมเดือนกุมภาพันธ์ที่เป็นช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดต่ำอย่างผิดปกติเป็นประจำทุกปี
อัตราเติบโตของการส่งออกเดือนตุลาคมที่ 15.9% ถือเป็นตัวเลขที่เซื่องซึมที่สุดในรอบ 8 เดือน และยังเป็นการลดลงต่ำที่สุดนับจากเดือนพฤศจิกายน 2009 ไม่นับรวมข้อมูลที่ผันผวนของเดือนกุมภาพันธ์
นักวิเคราะห์คาดว่า ภาคส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของแดนมังกร จะเผชิญแรงต้านหนักขึ้นในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปเลวร้ายลง และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอเมริกันยังคงซบเซา
มุมมองดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ของจีน (ซีเอเอสเอส) ซึ่งเป็นหน่วยงานศึกษาวิจัยทรงอิทธิพลของทางการแดนมังกร เผยแพร่รายงานการคาดการณ์การเติบโตและภาวะเงินเฟ้อประจำปี 2012
ซีเอเอสเอสคาดว่า ปีหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนจะขยายตัว 8.9% เทียบกับ 9.2% ในปีนี้ ขณะที่ราคาผู้บริโภคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% จากที่คาดไว้ 5.5% สำหรับปีนี้ แต่ยังสูงกว่า 4% ที่รัฐบาลมองว่าเป็นระดับที่ผ่อนคลายได้
กระนั้น ซีเอเอสเอสไม่สนับสนุนให้ทางการใช้มาตรการกระตุ้นการเติบโต เนื่องจากอัตราขยายตัวมีแนวโน้มชะลอลงอย่างมั่นคงและเหมาะสม โดยควรรักษาอัตราเติบโตไว้ที่ 8-9% เท่านั้น
เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเผชิญอุปสรรคในปีหน้าจากต้นทุนภายในประเทศที่พุ่งขึ้น คำสั่งซื้อจากต่างแดนลดลง นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่า อัตราเติบโตตลอดปี 2012 จะต่ำกว่า 9% ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวมากที่สุดในรอบเกือบทศวรรษ
ขณะเดียวกัน หวัง จื่อเหวิน ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธว่า ผู้ส่งออกจีนจะเผชิญสถานการณ์เลวร้ายในปีหน้า เนื่องจากไม่มีทีท่าว่าจะได้เห็นการปรับตัวแง่บวกในสหรัฐฯ หรือยุโรป ขณะที่ต้นทุนในประเทศจะยังคงสูงต่อเนื่อง
กระนั้น หวังเชื่อว่า จีนสามารถขายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้นในปีหน้า หากวิกฤตการเงินยุโรปไม่เลวร้ายเกินการควบคุม
นอกจากนี้ จีนจะพยายามส่งเสริมการส่งออกไปยังพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ที่ยังคงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นประเทศใด แต่หวังกล่าวว่า เศรษฐกิจละตินอเมริกาและเอเชียจะยังคงขยายตัวในปีหน้า และมีความต้องการสินค้าออกของจีน
อนึ่ง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีหวัง ฉีซาน ได้เรียกร้องให้บริษัทจีนช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ท่ามกลางความต้องการที่ชะลอตัวจากภายนอก โดยทางการจะให้การสนับสนุนในการสร้างแบรนด์ การวิจัยและพัฒนา และการตลาด เพื่อให้บริษัทจีนมีความสามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งจะทุ่มเทมากขึ้นเพื่อเพิ่มการนำเข้าจากยุโรปและอเมริกาในปีหน้า เพื่อช่วยเหลือชาติมั่งคั่งที่กำลังประสบปัญหาหนัก
ทั้งนี้ ตามเอกสารของซีเอเอสเอสนั้น ยอดเกินดุลการค้าของจีนคาดว่าจะอยู่ที่ 161,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 20.4% และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 24.7%
ขณะเดียวกัน ในเอกสารปกขาวของทางการ ปักกิ่งย้ำว่า ไม่มีเจตนาดำเนินนโยบายเพื่อให้จีนเกินดุลการค้า แต่จะเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้าต่อไป