“ขอขอบพระทัยและขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาโดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองพรและไมตรีทั้งนั้น ด้วยใจจริงเช่นกันท่านทั้งหลายในที่นี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร ย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้นจะเกิดมีได้ ก็ด้วยประชาชนในชาติอยู่ดี มีสุข ไม่มีทุกข์ ยากเข็ญ ดังนั้น การใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชน ทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง
โดยเฉพาะขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงชอบที่จะร่วมกันปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อย่างเช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไว้นั้น ก็เป็นการแนะนำไม่ได้สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่าและทำได้ก็ทำ ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่ประสงค์ คือ ความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุขความเจริญแก่ท่านทั่วกัน”
……………………………….
อัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554 มาบันทึกไว้ตรงนี้อีกวาระก็เพื่อจะตอกย้ำว่า “พ่อหลวง” ของเราเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย เป็นพ่อที่ปรารถนาดีและรักลูกๆ ทุกคน..
ผมเชื่อว่าใครต่อใครหลายคนที่ได้ชมการถ่ายทอดสดหรือเฝ้ารับเสด็จฯ ตามจุดต่างๆ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2554 จะต้องรู้สึกเปี่ยมสุขปลื้มปีติ น้ำตาซึม น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และผมเป็นหนึ่งในนั้น..
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านวันที่ 5 ธันวา..มหาปีติได้เพียงไม่กี่เพลา เมื่อย้อนมองเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและแทรกซ้อนเข้ามาทั้งโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ ก็ทำให้อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่า พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7รอบหรือ 84 พรรษาของพ่อหลวงจะสร้างความสุขความงดงามให้กับสังคมไทยได้อีกมาก หากไม่มีปรากฏการณ์ดังว่าเกิดขึ้น...
ผมไม่ได้มาคิดเล็กคิดน้อยหรือตอกลิ่มความแตกแยก แต่ต้องอธิบายบอกกล่าวว่าเหตุการณ์..ปรากฏการณ์ดังว่ามีอะไรบ้าง อาทิ...
1) การกล่าวถวายพระพรของนายกฯ หญิงของเรา...“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เสียงดังฟังชัดแต่ผิดถนัด โดยเฉพาะตอนเปล่งดังๆ ว่าคำว่า “ทรงพระเจริญ” เธอก็เปล่งเป็นว่า “ทรงพระเจลิญๆๆ” นั่นยังไม่นับเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่เธอทำหนังสือกราบขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว คือ
2) นายกฯ เชิญชวนชาวไทยร่วมกันถวายพระพรในหลวง รัชกาลที่ 9 ผ่านเฟซบุ๊ก และพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาใช้กลายเป็นพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 8 และเธอก็ปล่อยให้ความผิดพลาดดังกล่าวค้างคาอยู่หลายชั่วโมง
3) กรณี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ได้ยกเลิกกิจกรรมการแสดง “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราช” ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง และการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปีแห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์” ที่ฉายภาพเคลื่อนไหวผ่านแนวกำแพงพระบรมมหาราชวังและได้รับความสนใจจากประชาชนมาก โดยทั้งหมดนี้แต่เดิมกำหนดการแสดงไว้ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. 2554 แต่ถูกสั่งยกเลิกให้จบแค่คืนวันที่ 4 ธ.ค.2554 ด้วยเหตุผลว่าเพื่อความเหมาะสม ประชาชนส่วนมากยังคงเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม
4) ในวันที่ 5 ธ.ค. 2554 ท่ามกลางพสกนิกรจำนวนมากที่ไปร่วมงานมหามงคลทั้งช่วงกลางวันและค่ำคืน มีประชาชนคนเสื้อแดงไปร่วมงาน ใส่เสื้อแดงเขียนข้อความเทิดทูนทักษิณและนายกฯ ยิ่งลักษณ์หลายรูปแบบ ขณะเดียวกันยังนำ “ตีนตบ” มาร่วมงานถวายพระพรด้วย-ประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าสวมเสื้อสีอะไร หากแต่อยู่ที่ข้อความที่เขียนและสัญลักษณ์ที่นำมาถวายพระพร
5) วันที่ 6 ธ.ค. 2554 คนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้งเวลาระเบิดไว้ที่ 18.00 น. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ได้ทัน แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร ฝ่ายไหน
นั่นยังไม่นับเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นก่อนและหลังวันมหามงคล ที่แนวรบคนเสื้อแดงทั้งแดงเข้ม แดงอ่อน แดงสยอง และแดงสยิวร่วมกันเคลื่อนไหวอย่างเอาการเอางาน โดยเฉพาะกรณี “อากง SMS” ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 4 กระทง ซึ่งผมไม่มีเนื้อที่ที่จะอธิบายความตั้งข้อสังเกต แต่เอาเป็นว่าเท่าที่ตั้งสติศึกษาติดตามแล้วต้องขอสรุปว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา น่าเชื่อว่า “อากง” จะถูกใช้เป็นเครื่องมือของพวกแดงสยองแดงล้มเจ้า...
เช่นเดียวกับข้อ 4) ข้างต้นกรณียกเลิกการแสดงฯ ผมพิจารณาใคร่ครวญดูรายละเอียดแล้วก็ต้องฟันธงตามความเชื่อของตัวเองว่า เหตุผลการสั่งยกเลิกของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ต้องมีเบื้องหลังมากกว่าการอ้างเรื่องน้ำท่วมหรือความเรียบง่ายเหมาะสม เหตุเพราะการกำหนดจบการแสดงในวันที่ 9 ธ.ค.นั้นคือความเหมาะสมที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว (จากครั้งแรกๆ ที่กำหนดว่าจะจบการแสดงในวันที่ 11 ธ.ค.) และการฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยเกินความพอดีหรือไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ตรงข้ามเนื้อหาและรูปแบบของสื่อดังกล่าวยังได้ให้ข้อคิด ความรู้สึกดีๆ อีกต่างหาก...
เพียงแต่มันแสบตาแสลงใจพวกคนเสื้อแดง และพวกเขาก็กดดันชี้นำให้รัฐบาลปูแดงรีบจบงาน....
อันนี้ถ้าไม่จริงนายยงยุทธก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ เพราะถึงนาทีนี้ผมต้องบอกว่าการตัดสินใจของท่านผิดพลาดอย่างมหันต์ ผู้คนรู้สึกชิงชังท่านมาก โดยเฉพาะคน “ปักษ์ใต้” บ้านท่าน-บ้านผมด่ากันเช็ดเม็ดไปแล้ว...!!!
………………
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจแทรกซ้อนก็ตาม แต่งานมหามงคล ครบรอบ 84 พรรษาของพ่อหลวงก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความปลื้มปีติสุขของคนไทยส่วนใหญ่ดังที่กล่าวมาแล้ว ความผิดพลาดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์และรัฐบาลของเธอที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ถ้าจะให้อภัยกันก็น่าจะเป็นชุดสุดท้ายแล้ว ผมไม่เชื่อว่าสถานการณ์เบื้องหน้าจะอนุญาตให้เธอและรัฐบาลกระทำผิดซ้ำซากโดยที่เธอยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้...
หวังว่าบทเรียนความผิด, คำสัตย์ปฏิญาณต่างๆ ที่เธอได้กล่าวนำในมหามงคลสมัยนี้ ตลอดจนสามัญสำนึกที่เธอน่าจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่า...แท้จริงแล้ว “คนเสื้อแดง” จำนวนหนึ่งที่ตะโกนบอก “ยิ่งรัก ยิ่งลักษณ์” นั้นหลายคนเป็นพวกไม่เอาเจ้า ไม่เอาสถาบันที่เธอให้สัตย์ปฏิญาณ..ฯลฯ จะทำให้เธอทำอะไรสักอย่างให้มันดีขึ้น ไม่เช่นนั้นท่ากับว่าเธอ “ปากว่าตาขยิบ” กับพวกแดงไม่เอาเจ้า
ผมก็หวังและภาวนาว่า ด้วยบุคลิกภาพทางกายที่ดูดีดูใช้ได้ หากเธอได้ปรับเปลี่ยนความคิดความอ่าน และเข้าใจในเนื้อหาสาระที่คนเขาวิพากษ์วิจารณ์เธอบ้าง บางทีอะไรๆ มันก็อาจจะดีขึ้น ประเทศพอจะไถๆ ถูๆ ไปได้
แต่ถ้าเธอเป็นได้แค่ “พริตตี้ประเทศ” (สำนวน “ท่านขุนน้อย”-ไทยโพสต์)
ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะได้ตัดสินใจกันอีกทีว่าจะจัดการกับเธออย่างไร!!??
samr_rod@hotmail.com
โดยเฉพาะขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงชอบที่จะร่วมกันปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อย่างเช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไว้นั้น ก็เป็นการแนะนำไม่ได้สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์คุ้มค่าและทำได้ก็ทำ ข้อสำคัญจะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่ประสงค์ คือ ความผาสุกของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุขความเจริญแก่ท่านทั่วกัน”
……………………………….
อัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554 มาบันทึกไว้ตรงนี้อีกวาระก็เพื่อจะตอกย้ำว่า “พ่อหลวง” ของเราเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย เป็นพ่อที่ปรารถนาดีและรักลูกๆ ทุกคน..
ผมเชื่อว่าใครต่อใครหลายคนที่ได้ชมการถ่ายทอดสดหรือเฝ้ารับเสด็จฯ ตามจุดต่างๆ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2554 จะต้องรู้สึกเปี่ยมสุขปลื้มปีติ น้ำตาซึม น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และผมเป็นหนึ่งในนั้น..
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านวันที่ 5 ธันวา..มหาปีติได้เพียงไม่กี่เพลา เมื่อย้อนมองเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและแทรกซ้อนเข้ามาทั้งโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ ก็ทำให้อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ว่า พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7รอบหรือ 84 พรรษาของพ่อหลวงจะสร้างความสุขความงดงามให้กับสังคมไทยได้อีกมาก หากไม่มีปรากฏการณ์ดังว่าเกิดขึ้น...
ผมไม่ได้มาคิดเล็กคิดน้อยหรือตอกลิ่มความแตกแยก แต่ต้องอธิบายบอกกล่าวว่าเหตุการณ์..ปรากฏการณ์ดังว่ามีอะไรบ้าง อาทิ...
1) การกล่าวถวายพระพรของนายกฯ หญิงของเรา...“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่เสียงดังฟังชัดแต่ผิดถนัด โดยเฉพาะตอนเปล่งดังๆ ว่าคำว่า “ทรงพระเจริญ” เธอก็เปล่งเป็นว่า “ทรงพระเจลิญๆๆ” นั่นยังไม่นับเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่เธอทำหนังสือกราบขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว คือ
2) นายกฯ เชิญชวนชาวไทยร่วมกันถวายพระพรในหลวง รัชกาลที่ 9 ผ่านเฟซบุ๊ก และพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาใช้กลายเป็นพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 8 และเธอก็ปล่อยให้ความผิดพลาดดังกล่าวค้างคาอยู่หลายชั่วโมง
3) กรณี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล งานมหรสพและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ได้ยกเลิกกิจกรรมการแสดง “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราช” ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง และการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปีแห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์” ที่ฉายภาพเคลื่อนไหวผ่านแนวกำแพงพระบรมมหาราชวังและได้รับความสนใจจากประชาชนมาก โดยทั้งหมดนี้แต่เดิมกำหนดการแสดงไว้ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. 2554 แต่ถูกสั่งยกเลิกให้จบแค่คืนวันที่ 4 ธ.ค.2554 ด้วยเหตุผลว่าเพื่อความเหมาะสม ประชาชนส่วนมากยังคงเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม
4) ในวันที่ 5 ธ.ค. 2554 ท่ามกลางพสกนิกรจำนวนมากที่ไปร่วมงานมหามงคลทั้งช่วงกลางวันและค่ำคืน มีประชาชนคนเสื้อแดงไปร่วมงาน ใส่เสื้อแดงเขียนข้อความเทิดทูนทักษิณและนายกฯ ยิ่งลักษณ์หลายรูปแบบ ขณะเดียวกันยังนำ “ตีนตบ” มาร่วมงานถวายพระพรด้วย-ประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าสวมเสื้อสีอะไร หากแต่อยู่ที่ข้อความที่เขียนและสัญลักษณ์ที่นำมาถวายพระพร
5) วันที่ 6 ธ.ค. 2554 คนร้ายลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้งเวลาระเบิดไว้ที่ 18.00 น. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกู้ได้ทัน แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร ฝ่ายไหน
นั่นยังไม่นับเหตุการณ์อื่นที่เกิดขึ้นก่อนและหลังวันมหามงคล ที่แนวรบคนเสื้อแดงทั้งแดงเข้ม แดงอ่อน แดงสยอง และแดงสยิวร่วมกันเคลื่อนไหวอย่างเอาการเอางาน โดยเฉพาะกรณี “อากง SMS” ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 4 กระทง ซึ่งผมไม่มีเนื้อที่ที่จะอธิบายความตั้งข้อสังเกต แต่เอาเป็นว่าเท่าที่ตั้งสติศึกษาติดตามแล้วต้องขอสรุปว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา น่าเชื่อว่า “อากง” จะถูกใช้เป็นเครื่องมือของพวกแดงสยองแดงล้มเจ้า...
เช่นเดียวกับข้อ 4) ข้างต้นกรณียกเลิกการแสดงฯ ผมพิจารณาใคร่ครวญดูรายละเอียดแล้วก็ต้องฟันธงตามความเชื่อของตัวเองว่า เหตุผลการสั่งยกเลิกของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ต้องมีเบื้องหลังมากกว่าการอ้างเรื่องน้ำท่วมหรือความเรียบง่ายเหมาะสม เหตุเพราะการกำหนดจบการแสดงในวันที่ 9 ธ.ค.นั้นคือความเหมาะสมที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว (จากครั้งแรกๆ ที่กำหนดว่าจะจบการแสดงในวันที่ 11 ธ.ค.) และการฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยเกินความพอดีหรือไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ตรงข้ามเนื้อหาและรูปแบบของสื่อดังกล่าวยังได้ให้ข้อคิด ความรู้สึกดีๆ อีกต่างหาก...
เพียงแต่มันแสบตาแสลงใจพวกคนเสื้อแดง และพวกเขาก็กดดันชี้นำให้รัฐบาลปูแดงรีบจบงาน....
อันนี้ถ้าไม่จริงนายยงยุทธก็ต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจ เพราะถึงนาทีนี้ผมต้องบอกว่าการตัดสินใจของท่านผิดพลาดอย่างมหันต์ ผู้คนรู้สึกชิงชังท่านมาก โดยเฉพาะคน “ปักษ์ใต้” บ้านท่าน-บ้านผมด่ากันเช็ดเม็ดไปแล้ว...!!!
………………
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจแทรกซ้อนก็ตาม แต่งานมหามงคล ครบรอบ 84 พรรษาของพ่อหลวงก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความปลื้มปีติสุขของคนไทยส่วนใหญ่ดังที่กล่าวมาแล้ว ความผิดพลาดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์และรัฐบาลของเธอที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ถ้าจะให้อภัยกันก็น่าจะเป็นชุดสุดท้ายแล้ว ผมไม่เชื่อว่าสถานการณ์เบื้องหน้าจะอนุญาตให้เธอและรัฐบาลกระทำผิดซ้ำซากโดยที่เธอยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้...
หวังว่าบทเรียนความผิด, คำสัตย์ปฏิญาณต่างๆ ที่เธอได้กล่าวนำในมหามงคลสมัยนี้ ตลอดจนสามัญสำนึกที่เธอน่าจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่า...แท้จริงแล้ว “คนเสื้อแดง” จำนวนหนึ่งที่ตะโกนบอก “ยิ่งรัก ยิ่งลักษณ์” นั้นหลายคนเป็นพวกไม่เอาเจ้า ไม่เอาสถาบันที่เธอให้สัตย์ปฏิญาณ..ฯลฯ จะทำให้เธอทำอะไรสักอย่างให้มันดีขึ้น ไม่เช่นนั้นท่ากับว่าเธอ “ปากว่าตาขยิบ” กับพวกแดงไม่เอาเจ้า
ผมก็หวังและภาวนาว่า ด้วยบุคลิกภาพทางกายที่ดูดีดูใช้ได้ หากเธอได้ปรับเปลี่ยนความคิดความอ่าน และเข้าใจในเนื้อหาสาระที่คนเขาวิพากษ์วิจารณ์เธอบ้าง บางทีอะไรๆ มันก็อาจจะดีขึ้น ประเทศพอจะไถๆ ถูๆ ไปได้
แต่ถ้าเธอเป็นได้แค่ “พริตตี้ประเทศ” (สำนวน “ท่านขุนน้อย”-ไทยโพสต์)
ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยที่จะได้ตัดสินใจกันอีกทีว่าจะจัดการกับเธออย่างไร!!??
samr_rod@hotmail.com