ASTVผู้จัดการรายวัน - ทีมผู้บริหาร“ยูนิลีเวอร์” ของบริษัทแม่ เดินทางมาไทย ดูโรงงานที่ถูกน้ำท่วส ยืนยันยังชูไทยเป็นฮับการผลิตเหมือนเดิม ไม่ย้ายหนีน้ำท่วมแต่อย่างใด พร้อมทุ่มงบ 100 ล้านบาทปีหน้าเพิ่มกำลังผลิตและรุกตลาดไอศกรีมหนักขึ้น เผยปีนี้ทุ่มงบซีเอสอาร์ 100 ล้านบาท สูงสุดรอบ 80 ปี
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้บริหารบริษัทยูลีเวอร์ระดับโลก ได้เดินทางมาประเทศไทยและตรวจสภาพโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมเกตเวย์ซิตี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และพอใจในแผนบริหารความเสี่ยงธุรกิจและมาตรการป้องกันน้ำของไทย ทำให้บริษัทแม่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังคงยืนยันที่จะให้โรงงานผลิตของลีเวอร์ในไทย เป็นฐานการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ
โดยโรงงานที่ลาดกระบังเป็นฐานผลิตสำคัญของกลุ่มสินค้าประเภทของเหลว, ผงซักฟอก, ยาสระผม, สบู่ และไอศกรีม ส่วนที่เกตเวย์ฯ จะผลิตสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
นอกจากนั้นในปี 2555 บริษัทฯยังมีแผนใช้งบลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มในสินค้ากลุ่มไอศกรีมวอลล์ ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เพื่อทำตลาดเชิงรุกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมากขึ้น โดยจากข้อมูลของเอ.ซี.นีลเส็น ระบุว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจอาหารและไอศกรีมในปีนี้คาดว่ามีประมาณ 13,000 – 15,000 ล้านบาท เติบโต 5-6% ขณะที่บริษัทมีอัตราเติบโตกว่าตลาดอยู่ที่ 13%
สำหรับตลาดรวมกลุ่มสินค้าดูแลสุขภาพและความงาม(เอชบีเอ) ยังเติบโตดี 5-6% หรือมีมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท รวมถึงสินค้ากลุ่มในครัวเรือน(เอชพีซี) เช่น ผงซักฟอก, น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือ อื่นๆ ยังคงเติบโตดีประมาณ 6% เพราะเป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต อีกทั้งภายหลังจากน้ำลดลงแล้วก็จะทำให้ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงสินค้ากลุ่มทำความสะอาดที่คาดว่าเติบโตดีเช่นกัน
สำหรับงบซีเอสอาร์ปีนี้ใช้ไปประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในรอบ 80 ปี โดยจัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญจัด “ถุงกลับบ้าน” ในโครงการ ยูนิลีเวอร์ เทค ยู โฮม พร้อมร่วมกันทำความสะอาดชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ร่วมกับจิตอาสาลงพื้นที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และล่าสุดกิจกรรมใหญ่เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ระดมอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันบรรจุถุงกลับบ้าน 350,000 ถุง เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยประมาณ 1 ล้านคน
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้บริหารบริษัทยูลีเวอร์ระดับโลก ได้เดินทางมาประเทศไทยและตรวจสภาพโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมเกตเวย์ซิตี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และพอใจในแผนบริหารความเสี่ยงธุรกิจและมาตรการป้องกันน้ำของไทย ทำให้บริษัทแม่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังคงยืนยันที่จะให้โรงงานผลิตของลีเวอร์ในไทย เป็นฐานการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ
โดยโรงงานที่ลาดกระบังเป็นฐานผลิตสำคัญของกลุ่มสินค้าประเภทของเหลว, ผงซักฟอก, ยาสระผม, สบู่ และไอศกรีม ส่วนที่เกตเวย์ฯ จะผลิตสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
นอกจากนั้นในปี 2555 บริษัทฯยังมีแผนใช้งบลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มในสินค้ากลุ่มไอศกรีมวอลล์ ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เพื่อทำตลาดเชิงรุกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมากขึ้น โดยจากข้อมูลของเอ.ซี.นีลเส็น ระบุว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจอาหารและไอศกรีมในปีนี้คาดว่ามีประมาณ 13,000 – 15,000 ล้านบาท เติบโต 5-6% ขณะที่บริษัทมีอัตราเติบโตกว่าตลาดอยู่ที่ 13%
สำหรับตลาดรวมกลุ่มสินค้าดูแลสุขภาพและความงาม(เอชบีเอ) ยังเติบโตดี 5-6% หรือมีมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท รวมถึงสินค้ากลุ่มในครัวเรือน(เอชพีซี) เช่น ผงซักฟอก, น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือ อื่นๆ ยังคงเติบโตดีประมาณ 6% เพราะเป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต อีกทั้งภายหลังจากน้ำลดลงแล้วก็จะทำให้ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงสินค้ากลุ่มทำความสะอาดที่คาดว่าเติบโตดีเช่นกัน
สำหรับงบซีเอสอาร์ปีนี้ใช้ไปประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในรอบ 80 ปี โดยจัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญจัด “ถุงกลับบ้าน” ในโครงการ ยูนิลีเวอร์ เทค ยู โฮม พร้อมร่วมกันทำความสะอาดชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ร่วมกับจิตอาสาลงพื้นที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และล่าสุดกิจกรรมใหญ่เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ระดมอาสาสมัครจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันบรรจุถุงกลับบ้าน 350,000 ถุง เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยประมาณ 1 ล้านคน