" คุณเอาหน่วยไหนมาฆ่าพวกผม ยังไม่เจ็บปวด ยกเว้นสองหน่วยอย่าเอามาฆ่าผมได้ไหมคือ หนึ่งทหารรักษาพระองค์ และสองทหารเสือพระฯ เพราะพวกเรามีความเจ็บปวดว่าเป็นกระสุน...ใช่ไหม ประชาชนมันเจ็บใจ... คนเสื้อแดงไม่เคยทำอะไร เป็นไพร่ที่ดี แล้วมาฆ่าทำไม ... มีประเทศไหนบ้างในโลกนี้ฆ่าลูกเพื่อปกป้องพ่อ ฆ่าลูกเพื่อพ่อ ฆ่าลูกเพื่อแม่ มีไอ้ประเทศบ้าประเทศนี้ประเทศเดียว... เราไม่เคยล้มสถาบันฯเลย แต่เขาเอาทหารมาฆ่าเรา... "
**คำพูดบางส่วนบนเวทีปราศรัยคนเสื้อแดง ของ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554
12 เมษายน 2554 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สั่งการให้ พ.อ.พีระพล หลวงประดิษฐ์ ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานพระธรรมนูญ กองทัพบก ให้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายวิเชียร ขาวขำ ที่สถานีตำรวจ (สน.) สำราญราษฎร์
หลังตรวจสอบพบว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ต่อเนื่องถึง วันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา บุคคลทั้งสามมีการพูดจาเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
12 เมษายน 2554 คำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
" พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรานับถือ การที่ท่านพูดจา อาจไม่ชัดเจน แต่ก็ทราบว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าท่านได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ คนพวกนี้คงไม่มีวันเจริญ ก็ให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ในเรื่องกฎหมายและประชาชนจะต่อต้าน ซึ่งคนพวกนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่อยากเป็น และอยากจะคิด ตราบใดยังมีความคิดแบบนี้ ท่านจะต่อสู้ทางการเมือง จะว่าใครก็ว่าไป
** อย่านำสถาบันฯมาเกี่ยวข้อง
พวกผมเป็นทหาร รับไม่ได้ในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ต้องออกมาช่วยกันดูแล ขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้พูดจา หรือให้ร้ายอีก ประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่คน ไม่กี่กลุ่ม ที่ทำให้สถาบันฯเสียหาย คิดว่าสิ่งที่ทำจะสนองกลับโดยเร็ววัน
ยังมีบางกลุ่มบางเหล่า ที่นำสถาบันฯมาเกี่ยวข้อง พระองค์ท่านไม่มีโอกาสมารับสั่งกับพวกเรา การที่เรานำท่านไปกล่าวอ้าง ผูกโยงทำให้สถาบันฯเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิต สถาบันฯไม่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าใครจะทำอะไร ดังนั้น ขอให้ผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์นั้น จงไม่ประสบความสำเร็จ"
15 เมษายน 2554 นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ ดำเนินคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กับแกนนำและแนวร่วม นปช.ที่ขึ้นเวที 10 เมษายน จำนวน 18 คน เตรียมถอนประกัน 9 คน ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน
25 เมษายน 2554 อัยการยื่นต่อศาลถอนประกันตัว จตุพร กับพวกรวม 9 คน ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
12 พฤษภาคน 2554 ศาลให้ถอนประกัน จตุพร พรหมพันธุ์ และนิสิต สินธุไพร ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ทำให้ทั้งสองคนเข้าคุกทันที
2 สิงหาคม 2554 ศาลให้ประกันตัวทั้งสอง คนวงเงิน 6 แสนบาท
30 พฤศจิกายน 2554 พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีกระทำความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ว่าด้วยการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ( ล้มเจ้า ) กล่าวว่า
" ดีเอสไอเห็นควรทบทวนพิจารณาคดีดังกล่าวใหม่ ก่อนแจ้งข้อหาผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นแกนนำนปช.ทั้ง 19 คน เพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้เร่งดำเนินการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 19 คน โดยมีพยานหลักฐานระดับหนึ่ง แต่ขณะนี้การสอบสวนของดีเอสไอ มีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ที่ได้ทั้งจากคำให้การของผู้ถูกกล่าวหา ที่ให้ทนายยื่นเข้ามา และการถอดถ้อยคำปราศรัย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา อย่างละเอียด และการพิจารณาเจตนา และพฤติกรรมของผู้พูด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากคดีดังกล่าวมีโทษรุนแรง"
**วันเดียวกัน ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ เล่นบทไม่รู้ไม่ชี้ โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้
กว่า 7 เดือน จากพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง หลังอำนาจการเมืองเปลี่ยนขั้ว โจกแดงขึ้นมาเป็นใหญ่ มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนจนนำไปสู่การทบทวนคดีใหม่ หรือ พูดง่าย ๆ คือกำลังจะมีการเป่าคดีนี้ ด้วยการไม่ส่งฟ้อง
ถามใจคนไทยว่า ยอมได้หรือไม่ ที่ดีเอสไอ ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น กำลังตัดตอนกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบุคคลที่ใช้วาจาเหยียบย่ำหัวใจคนไทย
**ถามใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยอมได้หรือไม่ ?
**ไม่ถามใจ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เพราะการสยบยอมรับใช้คนมีอำนาจเพื่อเอาตัวรอดอย่างเดียวนั้น ได้ทำให้รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เชื่อถืออะไรไม่ได้แล้ว
**คำพูดบางส่วนบนเวทีปราศรัยคนเสื้อแดง ของ จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554
12 เมษายน 2554 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สั่งการให้ พ.อ.พีระพล หลวงประดิษฐ์ ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานพระธรรมนูญ กองทัพบก ให้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ และนายวิเชียร ขาวขำ ที่สถานีตำรวจ (สน.) สำราญราษฎร์
หลังตรวจสอบพบว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เมษายน ต่อเนื่องถึง วันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา บุคคลทั้งสามมีการพูดจาเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
12 เมษายน 2554 คำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
" พระองค์ท่านเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรานับถือ การที่ท่านพูดจา อาจไม่ชัดเจน แต่ก็ทราบว่าท่านมุ่งหวังอะไร ถือว่าท่านได้ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนเคารพนับถือ คนพวกนี้คงไม่มีวันเจริญ ก็ให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ในเรื่องกฎหมายและประชาชนจะต่อต้าน ซึ่งคนพวกนี้จะไม่ได้เป็นอย่างที่อยากเป็น และอยากจะคิด ตราบใดยังมีความคิดแบบนี้ ท่านจะต่อสู้ทางการเมือง จะว่าใครก็ว่าไป
** อย่านำสถาบันฯมาเกี่ยวข้อง
พวกผมเป็นทหาร รับไม่ได้ในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ต้องออกมาช่วยกันดูแล ขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้พูดจา หรือให้ร้ายอีก ประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่คน ไม่กี่กลุ่ม ที่ทำให้สถาบันฯเสียหาย คิดว่าสิ่งที่ทำจะสนองกลับโดยเร็ววัน
ยังมีบางกลุ่มบางเหล่า ที่นำสถาบันฯมาเกี่ยวข้อง พระองค์ท่านไม่มีโอกาสมารับสั่งกับพวกเรา การที่เรานำท่านไปกล่าวอ้าง ผูกโยงทำให้สถาบันฯเสื่อมเสีย ผมขอรับประกันด้วยชีวิต สถาบันฯไม่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าใครจะทำอะไร ดังนั้น ขอให้ผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์นั้น จงไม่ประสบความสำเร็จ"
15 เมษายน 2554 นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ ดำเนินคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กับแกนนำและแนวร่วม นปช.ที่ขึ้นเวที 10 เมษายน จำนวน 18 คน เตรียมถอนประกัน 9 คน ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน
25 เมษายน 2554 อัยการยื่นต่อศาลถอนประกันตัว จตุพร กับพวกรวม 9 คน ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
12 พฤษภาคน 2554 ศาลให้ถอนประกัน จตุพร พรหมพันธุ์ และนิสิต สินธุไพร ในคดีหมิ่นเบื้องสูง ทำให้ทั้งสองคนเข้าคุกทันที
2 สิงหาคม 2554 ศาลให้ประกันตัวทั้งสอง คนวงเงิน 6 แสนบาท
30 พฤศจิกายน 2554 พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีกระทำความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ ว่าด้วยการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ( ล้มเจ้า ) กล่าวว่า
" ดีเอสไอเห็นควรทบทวนพิจารณาคดีดังกล่าวใหม่ ก่อนแจ้งข้อหาผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นแกนนำนปช.ทั้ง 19 คน เพื่อให้เกิดความรอบคอบ โดยยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้เร่งดำเนินการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 19 คน โดยมีพยานหลักฐานระดับหนึ่ง แต่ขณะนี้การสอบสวนของดีเอสไอ มีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ที่ได้ทั้งจากคำให้การของผู้ถูกกล่าวหา ที่ให้ทนายยื่นเข้ามา และการถอดถ้อยคำปราศรัย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา อย่างละเอียด และการพิจารณาเจตนา และพฤติกรรมของผู้พูด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เนื่องจากคดีดังกล่าวมีโทษรุนแรง"
**วันเดียวกัน ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ เล่นบทไม่รู้ไม่ชี้ โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้
กว่า 7 เดือน จากพฤติกรรมจาบจ้วงเบื้องสูง หลังอำนาจการเมืองเปลี่ยนขั้ว โจกแดงขึ้นมาเป็นใหญ่ มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนจนนำไปสู่การทบทวนคดีใหม่ หรือ พูดง่าย ๆ คือกำลังจะมีการเป่าคดีนี้ ด้วยการไม่ส่งฟ้อง
ถามใจคนไทยว่า ยอมได้หรือไม่ ที่ดีเอสไอ ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น กำลังตัดตอนกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบุคคลที่ใช้วาจาเหยียบย่ำหัวใจคนไทย
**ถามใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ยอมได้หรือไม่ ?
**ไม่ถามใจ ธาริต เพ็งดิษฐ์ เพราะการสยบยอมรับใช้คนมีอำนาจเพื่อเอาตัวรอดอย่างเดียวนั้น ได้ทำให้รู้ว่า ผู้ชายคนนี้เชื่อถืออะไรไม่ได้แล้ว