นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ
CK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีหน้าจะอยู่ที่ 15,000 -20,0000 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือปัจจุบันที่มี
30,000 หมื่นล้านบาท และ บริษัทคาดว่าปีหน้าจะมีการเซ็นสัญญาใหม่เพิ่มอีก 90,000 ล้านบาท คือ สัญญาก่อสร้างโครงการเขื่อน
ไซยะบุรี ที่มีมูลค่า 76,000 ล้านบาท และ โครงสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวที่มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท ทำให้ในปีหน้าบริษัทจะมีงานในมือเพิ่ม
เป็น 120,000 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีชมพู สายสีส้ม รวมทั้งโครงการฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤติน้ำท่วม
ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะผลักดันโครงการใดออกมาก่อน เช่น ระบบชลประทาน การบริหารจัดการน้ำ การสร้างเขื่อนฝาย โครงการ
ทางน้ำไหล(ฟลัดเวย์) และโครงสร้างพื้นฐานของระระบบขนส่ง ซึ่งบริษัทในฐานะผู้รับเหมาพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานทั้งหมด
สำหรับเงินลงทุนในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในบริษัทลูก เช่น ลงทุน
ในบริษัทบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 400 ล้านบาท บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ 500 ล้านบาท บริษัท เชียงราย โซลาร์ 85 ล้านบาท และ
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 500-600 ล้านบาท เป็นต้น และปีหน้ามีแผนนำ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์ช่วงปลายปี 55 โดยบริษัทจะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือประมาณ 30% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 38%
นายวรพจน์ กล่าวว่า รายได้ในไตรมาส 4/54 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 พันล้านบาท ประมาณ 10% เนื่องจากได้รับผล
กระทบจากน้ำท่วม คือ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบในนิคม
อุตสาหกรรมโรจนะ แต่เชื่อว่าในไตรมาสนี้จะมีกำไรแต่มีจำนวนไม่มาก ซึ่งคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 12,000 -13,000 ล้านบาท ซึ่ง
9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้รวม 10,956 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม งานที่บริษัทได้รับงานจากกระทรวงคมนาคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามี 3 โครงการ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
สายสีม่วง มูลค่า 14,000 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงสนามไชย-ท่าพระ โดยเป็นการก่อสร้างอุโมงค์
รถไฟฟ้ามูลค่า 8,790 ล้านบาท วางรางรถไฟฟ้ามูลค่า 4,345 ล้านบาทและโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งอยู่ระหว่างรอเซ็น
สัญญามูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ซึ่งงานที่ได้รับมีการดำเนินการอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน
ดังนั้น การตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม จึงไม่มีผลกระทบต่อ
บริษัทแต่อย่างใด ส่วนข้อถามที่ว่าได้มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพื่อให้ได้งานหรือไม่นั้น นายวรพจน์กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการจ่ายค่า
คอมมิชชั่น สิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่เกี่ยว และไม่ทราบเรื่องใดๆทั้งสิ้น น่าจะเป็นเรื่องการเมือง
CK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีหน้าจะอยู่ที่ 15,000 -20,0000 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือปัจจุบันที่มี
30,000 หมื่นล้านบาท และ บริษัทคาดว่าปีหน้าจะมีการเซ็นสัญญาใหม่เพิ่มอีก 90,000 ล้านบาท คือ สัญญาก่อสร้างโครงการเขื่อน
ไซยะบุรี ที่มีมูลค่า 76,000 ล้านบาท และ โครงสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวที่มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท ทำให้ในปีหน้าบริษัทจะมีงานในมือเพิ่ม
เป็น 120,000 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 40 ปี
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีชมพู สายสีส้ม รวมทั้งโครงการฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤติน้ำท่วม
ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะผลักดันโครงการใดออกมาก่อน เช่น ระบบชลประทาน การบริหารจัดการน้ำ การสร้างเขื่อนฝาย โครงการ
ทางน้ำไหล(ฟลัดเวย์) และโครงสร้างพื้นฐานของระระบบขนส่ง ซึ่งบริษัทในฐานะผู้รับเหมาพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานทั้งหมด
สำหรับเงินลงทุนในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในบริษัทลูก เช่น ลงทุน
ในบริษัทบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 400 ล้านบาท บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ 500 ล้านบาท บริษัท เชียงราย โซลาร์ 85 ล้านบาท และ
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 500-600 ล้านบาท เป็นต้น และปีหน้ามีแผนนำ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์ช่วงปลายปี 55 โดยบริษัทจะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือประมาณ 30% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 38%
นายวรพจน์ กล่าวว่า รายได้ในไตรมาส 4/54 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 พันล้านบาท ประมาณ 10% เนื่องจากได้รับผล
กระทบจากน้ำท่วม คือ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบในนิคม
อุตสาหกรรมโรจนะ แต่เชื่อว่าในไตรมาสนี้จะมีกำไรแต่มีจำนวนไม่มาก ซึ่งคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 12,000 -13,000 ล้านบาท ซึ่ง
9 เดือนแรก บริษัทมีรายได้รวม 10,956 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม งานที่บริษัทได้รับงานจากกระทรวงคมนาคมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามี 3 โครงการ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
สายสีม่วง มูลค่า 14,000 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงสนามไชย-ท่าพระ โดยเป็นการก่อสร้างอุโมงค์
รถไฟฟ้ามูลค่า 8,790 ล้านบาท วางรางรถไฟฟ้ามูลค่า 4,345 ล้านบาทและโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งอยู่ระหว่างรอเซ็น
สัญญามูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ซึ่งงานที่ได้รับมีการดำเนินการอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน
ดังนั้น การตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม จึงไม่มีผลกระทบต่อ
บริษัทแต่อย่างใด ส่วนข้อถามที่ว่าได้มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเพื่อให้ได้งานหรือไม่นั้น นายวรพจน์กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการจ่ายค่า
คอมมิชชั่น สิ่งที่เกิดขึ้นเราไม่เกี่ยว และไม่ทราบเรื่องใดๆทั้งสิ้น น่าจะเป็นเรื่องการเมือง