xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ยิ่งลักษณ์” อัจฉริยะ “หนูไม่รู้” ภาษาไทยไม่ชัด ภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับจากวันแรกที่ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี มาจนถึงวันนี้หลายคนพบความจริงแล้วว่า เธอไม่เหมาะกับงานการเมืองด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญอย่าง “นายกรัฐมนตรี” ที่เป็นผู้นำสูงสุดในการบริหารประเทศ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม้แต่ตำแหน่งธรรมดาๆ ทั่วไปเธอก็ไม่คู่ควร เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอสวย แต่... “ไม่มีความสามารถ” ไม่มีความรอบรู้ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่ทำอย่างที่คนเป็นนายกรัฐมนตรีพึงจะทำ ฯลฯ และ “หนูไม่รู้” อะไรเลย

โดยเฉพาะกับการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมหนัก ที่รัฐบาลโดยการนำของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ต้องแสดงฝีมือออกมาให้เห็น แต่ผลที่ออกมากลับกลายเป็นการ “สร้างปัญหา” สร้างความสับสน วุ่นวาย ปล่อยให้คนในรัฐบาลหากินบนความทุกข์ยากของชาวบ้านผู้ประสบภัย ฯลฯ นับไม่ถ้วน ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนเวลานี้บอกได้เลยว่า “นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์” กำลังพบกับแรงกดดันมหาศาลจากผู้คนในสังคม

มีอย่างที่ไหน ในขณะที่ประชาชนกำลังจมน้ำตาย คณะรัฐมนตรีโดยการนำของ “เป็ดเหลิม” กลับพากันไปแอบ “ลักไก่” ประชุมวาระลับๆ ล่อๆ เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พระราชทานอภัยโทษเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ “พ่อทักษิณ”

ทำราวกับว่าการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย รัฐบาลทำไปเพราะ “จำใจ” ต้องทำไปอย่างนั้น แต่การช่วยเหลือ “พ่อทักษิณ” เจ้าชีวิตของพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญและ “อยู่ในใจเสมอ” คอยหาโอกาสที่จะช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

จนในที่สุดก็แสดงธาตุแท้ออกมาด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยม “มารยา” แหกตา “สับขาหลอก” ประชาชนทั้งประเทศ ด้วยการทำเป็นเดินทางไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจประชาชนที่ จ.สิงห์บุรี และอ้างเหตุว่าเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ 17 ซึ่งซื้อมาจากประเทศรัสเซีย ที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไม่สามารถบินตอนกลางคืนได้ เพราะไม่มีเรดาร์นำทาง ทำให้ต้องพักค้างคืนที่ จ.สิงห์บุรี จนไม่สามารถมาเข้าร่วมประชุม ครม. ได้

ในขณะที่กองทัพบกก็ยืนยันแล้วว่า เฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้ มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะสามารถบินช่วงกลางคืนได้ เพราะสามารถเปิดไฟนำทางการบินและนำเครื่องบินได้หากทัศนวิสัยอยู่ในขั้นที่ดี รวมทั้งยิ่งลักษณ์สามารถประสานขอเครื่องลำอื่นไปทดแทนได้ หากเธอต้องการกลับกทม.จริงๆ

แต่เธอก็ไม่ได้ทำ และหาได้สำเหนียกไม่ว่า คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตามปกติวิสัยจะต้องรับทราบเรื่องที่นำเข้าสู่ที่ประชุมครม.ทุกครั้ง และจะต้องเป็นผู้อนุมัติให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเท่านั้น ไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรี

การตอบคำถามนักข่าว “เอเอฟพี” ที่ถามถึงกรณี ครม.ผ่านร่างพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบอย่างน่าอายว่า ไม่รู้ ไม่ได้เข้าประชุม จึงสะท้อนให้เห็นถึงระดับมันสมองในหัวของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หลังจากตอบคำถามนักข่าวฝรั่งตอน “นางฮิลลารี คลินตัน” มาเยือนเมืองไทยแล้ว “น.ส.ยิ่งลักษณ์” ก็ตอบคำถามเป็นครั้งที่สองกับนักข่าวไทยที่ย้ำถามว่า ยืนยันให้ชัดเลยได้หรือไม่ว่าการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ จะไม่มีชื่อทักษิณ, น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า... "ยืนยันได้ค่ะ ไม่มีค่ะ แต่ต้องกราบเรียนว่ารายละเอียดการพิจารณารายชื่อยังมีอีกหลายขั้นตอน วันนี้คือขั้นตอนการผ่าน ครม. ซึ่งถือเป็นชั้นความลับที่เราไม่สามารถพูดได้ แต่ดิฉันยืนยันได้ว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติอยู่แล้ว"

นักข่าวถามต่อว่า ถ้าอย่างนั้นทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมออกมาชี้แจงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าไม่มีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในร่างพระราชกฤษฎีกา กลับปล่อยให้เป็นที่กังขาในสังคม นายกฯคนสวยตอบว่า... “รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ที่นำรายชื่อเสนอ ซึ่งต้องเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนต่างๆ มีหลายขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามมติ ซึ่งมตินั้นก็ต้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาก่อน และนำมาเสนอ มันเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่เราจะสามารถนำรายชื่อมาพิจารณาได้ เพราะขั้นตอนแรกคือพูดถึงเรื่องหลักการก่อน จากนั้นจะไปที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง”

นี่ล่ะคือปัญหาของนายกฯ 49 วัน ที่นำพาประเทศชาติเข้ารกเข้าพง ลงเหว และจมน้ำกันทั้งประเทศอยู่ในขณะนี้ เพราะคำถามก็คือ ถ้า "รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้นำรายชื่อเสนอ" แล้วใครกันล่ะที่ต้องเป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ถวายตามกฎระเบียบการขอพระราชทานอภัยโทษ และใครกันล่ะเป็นผู้ลงนาม "รับสนองพระบรมราชโองการ"

ถ้าไม่ใช่ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี !?

ถามจริงๆ เถอะ “หนู” รู้หรือเปล่าว่าตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่อะไรบ้าง และหนูรู้หรือเปล่าเอ่ย ว่านายกรัฐมนตรีแตกต่างกับเนตรนารียังไงจ๊ะ

อย่างไรก็ตาม เรื่องของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยังมีให้เล่าขานกันอีกมากมาย อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่ “นายสมเกียรติ อ่อนวิมล” นักสื่อสารมวลชน ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @somkiatonwimonว่า ฟังคำแถลงของท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ตอบรัฐมนตรี Hillary Clinton และพบว่าภาษาอังกฤษของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ใช้สื่อสารเป็นทางการไม่ได้เลยพอๆ กับภาษาไทย ในการสื่อสารกับต่างประเทศเป็นทางการ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรพูดภาษาไทย เพราะภาษาอังกฤษใช้การไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่องและอาจผิดพลาดจนประเทศไทยเสียหาย

ส่วนการสื่อสารกับคนไทยเป็นภาษาไทย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็จำเป็นต้องฝึกซ้อมทำความเข้าใจกับเรื่องที่พูดหรืออ่านบท แล้วฝึกการอ่านออกเสียงให้พร้อมก่อน นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะไปประชุมสุดยอดอาเซียนที่บาหลี น่าห่วง จะพูดอะไรกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ชาติ และผู้นำชาติ+8 ขอให้ใช้ล่ามกระทรวงการต่างประเทศดีกว่า ก่อนไปบาหลีขอให้กระทรวงการต่างประเทศให้ความรู้เรื่องอาเซียนแก่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ให้ครบถ้วน และตามช่วยให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ท่านทุกย่างก้าว กลัวพลาดเรื่องการต่างประเทศ ไม่มั่นใจในพื้นความรู้ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศสุรพงษ์จริงๆ ทั้งห่วงทั้งกลัวว่าจะพลาดพลั้งแล้วแก้ไขไม่ได้

แต่แล้วไม่นาน ก็มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว เมื่อทางเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย และนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาลไทย ทั้งนี้ ปรากฏว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ระบุคำว่า inaudible (อินออดะเบิล) ซึ่งแปลว่า "ได้ยินไม่ชัด หรือ ไม่ได้ยิน" ในคำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึง 12 คำ โดยใน 2 คำพูด ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้ยินไม่ชัดนั้น เป็นการตอบคำถามของผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ที่กำหนดคุณสมบัติเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ในขณะที่ปัญหาน้ำท่วมเกือบ 5 เดือน ยังไม่มีใครตอบได้ว่าจะจบสิ้นลงเมื่อใด น้ำมากมายมหาศาลจะหมดไปจากพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดอื่นๆ ตอนไหน ทุกข์ของประชาชนที่จมน้ำเน่าอยู่หลังแนวบิ๊กแบ็กและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะแก้ไขอย่างไร

รัฐบาลโดยการนำของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ยังตอบไม่ได้

ไม่มีปัญญาตอบ

“หนูไม่รู้”

หนูไม่ได้เรียนมาทางน้ำ !
กำลังโหลดความคิดเห็น