คลังหย่าศึก จูบปากประธานบอร์ด อสมท ยุติวาระปลดบอร์ด ในวันประชุมวิสามัญผุ้ถือหุ้นในวันที่ 9ธ.ค.นี้
ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากทาง อสมท ได้รับหนังสือ จากกระทรวงการคลัง เพื่อให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น จากเดิมจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 9 ธ.ค. 2554 แทน อันเนื่องมาจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งระหว่างนั้นทางบอร์ดอสมท ได้ทำหนังสือชี้แจ้งเรื่อง การเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อสมท ไปยังกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 16พ.ย.2554 เพื่อชี้แจ้งการทำงานของบอร์ดอสมท และข้อร้องเรียนต่างๆ ทั้งการเลิกสัญญาจ้าง อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, สัญญาสัมปทานช่อง 3และสัญญาที่ทำกับทางทรูวิชั่นส์ เป็นต้น
โดยหลังจากที่ทางกระทรวงการคลังได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวแล้ว ก็ได้ส่งมอบไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล อสมท และได้เคยร้องขอให้กระทรวงการคลังจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อเปลี่ยนแปลง “กรรมการ” บมจ.อสมท
ล่าสุดวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือมายัง อสมท ว่าได้รับการแจ้งจาก สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ข้อร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับ อสมท เป็นประเด็นที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องการที่จะใช้สิทธิทางศาล หรือการตรวจสอบผ่านหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการใช้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อาจจะไม่เหมาะสม ต่อการพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างรอบคอบและครบถ้วน โดยทางสำนักนายกรัฐมนตรีพิจาณาเห้นชอบแล้วจึงไม่ติดใจต่อ “การเปลี่ยนแปลง”ของ กรรมการ บมจ.อสมท ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังได้พิจารณาความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นตรงกันว่า ประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อร้องเรียนการทำงานของกรรมการ อสมท ควรพิจารณาผ่านกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง และการชี้แจ้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อาจทำให้ข้อร้องเรียนต่างๆ เกิดความกระจ่างอย่างครบถ้วน จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลง กรรมการ อสมท ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ โดยจะมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ปฎิบัติตามความเห็นของหนังสือจากกระทรวงการคลังที่แจ้งมายัง อสมท
“ดังนั้นในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ผู้แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะไม่มีการพิจารณาวาระ เรื่องการถอดถอนกรรมการ และการแต่งตั้งกรรมการใหม่ และจะไม่มีการลงมติในประเด็นดังกล่าว ถือเป็นการยุติศึก คลังและ บอร์ด อสมท เพื่อทำให้บรรยากาศการทำงานของอสมท ดีขึ้นและเดินหน้าต่อไป” ดร. สุรพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นอกจากตนจะได้ทำหนังสือชี้แจงการทำงานของ กรรมการ ต่อข้อสงสัย ของสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลังแล้ว ยังได้เดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง เกี่ยวกับประเด็นการเลิกจ้างกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รวมทั้งประเด็นโครงสร้างองค์กร ต่อ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนัก และผู้บริหารกระทรวงการคลังอีกด้วย ซึ่งทุกฝ่ายไม่ติดใจในประเด็นดังกล่าว ส่วนประเด็นสัญญาช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ อยู่ในกระบวนการพิจารณา ของ ป.ป.ช.แล้ว เช่นกัน
“ทุกฝ่ายเห็นว่าการถกเถียงในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น คงไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกใครผิด คลังจึงเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องลงมติ ถอดถอน บอร์ดอสมท เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อสงสัยได้ ซึ่งต้องขอขอบคุณกับทางคลัง ที่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กับ อสมท เพราะการลงมติ ปลดบอร์ดอสมทนั้น จะมีปัญหากับองค์กร กระทบต่อความเชื่อมั่นต่ออสมท ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งการทำความเข้าใจระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการ อสมทต่อกันครั้งนี้ จะทำให้บรรยากาศในการทำงานหลังจากนี้ดีขึ้น” ดร.สุรพล กล่าวทิ้งท้าย
ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากทาง อสมท ได้รับหนังสือ จากกระทรวงการคลัง เพื่อให้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น จากเดิมจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 9 ธ.ค. 2554 แทน อันเนื่องมาจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งระหว่างนั้นทางบอร์ดอสมท ได้ทำหนังสือชี้แจ้งเรื่อง การเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อสมท ไปยังกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 16พ.ย.2554 เพื่อชี้แจ้งการทำงานของบอร์ดอสมท และข้อร้องเรียนต่างๆ ทั้งการเลิกสัญญาจ้าง อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, สัญญาสัมปทานช่อง 3และสัญญาที่ทำกับทางทรูวิชั่นส์ เป็นต้น
โดยหลังจากที่ทางกระทรวงการคลังได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวแล้ว ก็ได้ส่งมอบไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล อสมท และได้เคยร้องขอให้กระทรวงการคลังจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อเปลี่ยนแปลง “กรรมการ” บมจ.อสมท
ล่าสุดวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือมายัง อสมท ว่าได้รับการแจ้งจาก สำนักนายกรัฐมนตรีว่า ข้อร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับ อสมท เป็นประเด็นที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องการที่จะใช้สิทธิทางศาล หรือการตรวจสอบผ่านหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการใช้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อาจจะไม่เหมาะสม ต่อการพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างรอบคอบและครบถ้วน โดยทางสำนักนายกรัฐมนตรีพิจาณาเห้นชอบแล้วจึงไม่ติดใจต่อ “การเปลี่ยนแปลง”ของ กรรมการ บมจ.อสมท ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงการคลังได้พิจารณาความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว และมีความเห็นตรงกันว่า ประเด็นต่างๆ ที่เป็นข้อร้องเรียนการทำงานของกรรมการ อสมท ควรพิจารณาผ่านกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง และการชี้แจ้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อาจทำให้ข้อร้องเรียนต่างๆ เกิดความกระจ่างอย่างครบถ้วน จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลง กรรมการ อสมท ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ โดยจะมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ปฎิบัติตามความเห็นของหนังสือจากกระทรวงการคลังที่แจ้งมายัง อสมท
“ดังนั้นในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ผู้แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะไม่มีการพิจารณาวาระ เรื่องการถอดถอนกรรมการ และการแต่งตั้งกรรมการใหม่ และจะไม่มีการลงมติในประเด็นดังกล่าว ถือเป็นการยุติศึก คลังและ บอร์ด อสมท เพื่อทำให้บรรยากาศการทำงานของอสมท ดีขึ้นและเดินหน้าต่อไป” ดร. สุรพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นอกจากตนจะได้ทำหนังสือชี้แจงการทำงานของ กรรมการ ต่อข้อสงสัย ของสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลังแล้ว ยังได้เดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง เกี่ยวกับประเด็นการเลิกจ้างกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รวมทั้งประเด็นโครงสร้างองค์กร ต่อ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนัก และผู้บริหารกระทรวงการคลังอีกด้วย ซึ่งทุกฝ่ายไม่ติดใจในประเด็นดังกล่าว ส่วนประเด็นสัญญาช่อง 3 และทรูวิชั่นส์ อยู่ในกระบวนการพิจารณา ของ ป.ป.ช.แล้ว เช่นกัน
“ทุกฝ่ายเห็นว่าการถกเถียงในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น คงไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกใครผิด คลังจึงเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องลงมติ ถอดถอน บอร์ดอสมท เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อสงสัยได้ ซึ่งต้องขอขอบคุณกับทางคลัง ที่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กับ อสมท เพราะการลงมติ ปลดบอร์ดอสมทนั้น จะมีปัญหากับองค์กร กระทบต่อความเชื่อมั่นต่ออสมท ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งการทำความเข้าใจระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ และกรรมการ อสมทต่อกันครั้งนี้ จะทำให้บรรยากาศในการทำงานหลังจากนี้ดีขึ้น” ดร.สุรพล กล่าวทิ้งท้าย