พะเยา - พบนายหัวจากใต้ตระเวนซื้อ “สวนยาง” ในภาคเหนือต่อเนื่อง เผยที่ ส.ป.ก.และโฉนด แถบ “ภูซาง” ราคาพุ่งไร่ 2 หมื่น- 1 แสน เตือนชาวบ้านยอมขายที่สุดท้ายกลายเป็นลูกจ้างแน่
นายสนั่น ยะมงคล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีนายหัวจากภาคใต้ ตระเวนหาซื้อสวนยางพาราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ทางหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)แสดงความเป็นห่วงประชาชนเรื่องการขายที่ทำกิน เพราะเกรงว่าหากประชาชนไม่มีที่ทำกินอาจจะต้องไปเป็นลูกจ้าง รับจ้างทำงาน หรือไปเช่าที่ผู้อื่นทำกิน จากเจ้าของกลายเป็นผู้เช่า ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
นายก อบต.ภูซาง กล่าวต่อว่า จากการสำรวจราคาที่ดินที่นายทุนจากภาคใต้นิยมซื้อ คือ ที่สวนยางพาราประเภทโฉนด และ ส.ป.ก. โดยโฉนดมีราคาไร่ละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท หากเป็นที่ ส.ป.ก. ไร่ละไม่ต่ำกว่า 30,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพของต้นยางพาราว่ามีขนาดใหญ่น้อยเพียงใด เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้แก่ชาวภูซางอย่างมากใน1-2 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนนิยมปลูกกันมากขึ้น ประกอบกับภาคใต้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและภัยคุกคามประชาชน ทำให้นายทุนจากภาคใต้เคลื่อนตัวขึ้นมาหาซื้อที่ดิน ยิ่งเป็นสวนยางพาราก็นับว่าเป็นที่ต้องการของนายทุนมากขึ้น
“ อบต.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้นำในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์ขอร้องไปยังประชาชนที่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง ไม่ควรขายที่ทำกินให้แก่ผู้อื่น เพราะเกรงว่าในอนาคตชาวภูซางจะไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเองและอาจจะเกิดความลำบากในการประกอบอาชีพได้” นายสนั่น กล่าว
นายสนั่น ยะมงคล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีนายหัวจากภาคใต้ ตระเวนหาซื้อสวนยางพาราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ทางหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)แสดงความเป็นห่วงประชาชนเรื่องการขายที่ทำกิน เพราะเกรงว่าหากประชาชนไม่มีที่ทำกินอาจจะต้องไปเป็นลูกจ้าง รับจ้างทำงาน หรือไปเช่าที่ผู้อื่นทำกิน จากเจ้าของกลายเป็นผู้เช่า ซึ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
นายก อบต.ภูซาง กล่าวต่อว่า จากการสำรวจราคาที่ดินที่นายทุนจากภาคใต้นิยมซื้อ คือ ที่สวนยางพาราประเภทโฉนด และ ส.ป.ก. โดยโฉนดมีราคาไร่ละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท หากเป็นที่ ส.ป.ก. ไร่ละไม่ต่ำกว่า 30,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพของต้นยางพาราว่ามีขนาดใหญ่น้อยเพียงใด เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้แก่ชาวภูซางอย่างมากใน1-2 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนนิยมปลูกกันมากขึ้น ประกอบกับภาคใต้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติและภัยคุกคามประชาชน ทำให้นายทุนจากภาคใต้เคลื่อนตัวขึ้นมาหาซื้อที่ดิน ยิ่งเป็นสวนยางพาราก็นับว่าเป็นที่ต้องการของนายทุนมากขึ้น
“ อบต.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้นำในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์ขอร้องไปยังประชาชนที่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง ไม่ควรขายที่ทำกินให้แก่ผู้อื่น เพราะเกรงว่าในอนาคตชาวภูซางจะไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเองและอาจจะเกิดความลำบากในการประกอบอาชีพได้” นายสนั่น กล่าว