พิจิตร - เจ้าเมืองชาละวันเรียกอบรมเจ้าหน้าที่เกษตรทุกระดับชั้น แจงกฎระเบียบรับมือโครงการจำนำข้าวและวิธีขึ้นทะเบียนเกษตรกร เน้นย้ำดูเอกสารสิทธิและสรุปข้อข้องใจ ผู้ทำกินในที่ดิน ส.ป.ก.ที่ระบุผู้มีสิทธิเข้าโครงการ คือ ผู้ได้รับสิทธิ์ในที่ดินจาก ส.ป.ก.เท่านั้น ห้ามให้เช่าหรือมอบให้ผู้อื่นทำกิน
วันนี้ (4 ก.ค.) นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และนายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพิจิตร ได้เรียกเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรระดับตำบล รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรทุกระดับชั้นของจังหวัดพิจิตรจาก 12 อำเภอรวมกว่า 100 คนให้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 ชนิด ประกอบไปด้วยข้าว-ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ให้มีความรู้ความเข้าใจตรงกัน ถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ของเกษตรกรในการที่จะเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดใหม่นี้
โดยให้มุ่งเน้นดูในสาระสำคัญเช่นพื้นที่การปลูก-ปริมาณผลผลิตที่จะเข้าโครงการ รวมถึงให้เข้มงวดป้องกันการทุจริต เนื่องจากที่ผ่านมาเวลามีโครงการรับจำนำข้าว จังหวัดพิจิตรมักจะมีการทุจริตและฉ้อโกง ทั้งฝ่ายชาวนาร่วมมือกับผู้นำชุมชนและข้าราชการ รวมถึงเจ้าของโรงสีจนกลายเป็นว่าพิจิตรเป็นยอดแชมป์แห่งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
ดังนั้น ในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.54 ซึ่งเป็นช่วงออกหนังสือรับรองการมีคุณสมบัติเกษตรกรจึงต้องเรียกประชุมล่วงหน้าให้มีการอบรมในเรื่องดังกล่าวเพื่อเตรียมรับมือนโยบายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่จะดำเนินการตามนโยบายจำนำข้าวดังกล่าว
ด้าน นายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรยังมีข้อข้องใจว่า ระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าทำนา ใครจะเป็นผู้มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และรับสิทธิประโยชน์ในโครงการจำนำข้าวนั้น ขณะนี้มีข้อยุติแล้วว่าถ้าเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3, น.ส.3 ก., โฉนด หรืออื่นๆ ที่กรมที่ดินออกให้ผู้ที่เป็นเจ้าของผลผลิต คือ ผู้มีสิทธิขึ้นทะเบียนเกษตรกร
แต่ต้องนำสำเนาเอกสารสิทธิที่ดินมาแนบประกอบ เรื่อง พร้อมกับสัญญาเช่าที่ทำกิน ซึ่งถ้าเจ้าของที่ดินมาแจ้งซ้ำซ้อน ก็จะมีโทษทางอาญา ส่วนที่ดินใน ส.ป.ก.401 หรือที่ดิน ส.ป.ก.ที่รัฐออกให้ว่ามีสิทธิทำกิน แต่ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหรือให้เช่ากับบุคคลภายนอกที่มิใช่ครอบครัว หรือทายาทตามที่กฎหมายกำหนดก็จะมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อเข้าโครงการจำนำไม่ได้
ดังนั้น จึงต้องอธิบายให้เจ้าหน้าที่เกษตรทุกลำดับชั้นเข้าใจตรงกัน และจะได้สื่อสารกับเกษตรกรและผู้นำชุมชนให้เข้าใจในทิศทางเดียวกัน เพื่อมิให้เกิดปัญหากับโครงการรับจำนำข้าวที่จะดำเนินการเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอนในเร็ววันนี้