พิจิตร - ชมรมโรงสีข้าว และสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทยเตรียมพร้อมรับนโยบายจำนำข้าวรัฐบาลใหม่ ขณะที่อุปนายกสมาคมโรงสีข้าว ระบุโรงสีทั่วประเทศต่างปรับตัวรับนโยบายส่งผลราคาข้าวข้าวทั้งใน-ต่างประเทศสูงขึ้น 10%แล้ว
วันนี้(9 ก.ค.)นายมานพ วีระอาชากุล รองผู้ว่าฯจังหวัดพิจิตร ในฐานะรองประธานอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดพิจิตร ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด ชมรมโรงสีข้าวพิจิตร และสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย เพื่อสรุปข้อมูลตัวเลขโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ผ่านมา และเตรียมความพร้อมรับนโยบายจำนำข้าวในรัฐบาลใหม่
รองผู้ว่าฯพิจิตร กล่าวว่า พิจิตรมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนไว้จำนวน 39,880 ราย เนื้อที่การเพาะปลูก 1,117,427 ไร่ มีผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมากเป็นอันดับต้นๆของประเทศซึ่งคณะอนุกรรมการข้าว จ.พิจิตร ชมรมโรงสีข้าวพิจิตร มีความพร้อมหากมีคำสั่งให้รับจำนำข้าวที่ชัดเจนของรัฐบาลใหม่ออกมา สามารถดำเนินการได้ทันที โดยจะใช้ฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่ดำเนินโครงการได้ทันที
ด้านนางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม หรือ “เจ๊หนิง” ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร ได้กล่าวว่า ชมรมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตรพร้อมขับเคลื่อนสานต่อนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลใหม่ทันที แต่ต้องรอกรอบนโยบายใหม่ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ไปในทิศทางไหน เบื้องต้นพิจิตรมีโรงสีที่มีคุณสมบัติผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการข้าวอยู่แล้ว 32 โรงสี ทั้งด้านโกดังจัดเก็บ การแปรรูปข้าว และความพร้อมด้านเครื่องจักรกล
นางมิ่งขวัญ บอกอีกว่า สิ่งที่เป็นห่วงว่าการจำนำข้าวนั้นจะล่าช้าออกไปเพราะข้าวของเกษตรกรชาวนาจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตนาปีในช่วง เดือนกันยายน-พฤศจิกายนนี้จำนวนกว่าสิบล้านตัน ขอให้รัฐบาลเร่งกำหนดมาตรการและดำเนินการ
“ชาวนาพิจิตรส่วนใหญ่รอความหวังการจำนำในครั้งนี้เป็นอย่างมาก”
ด้านนายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากูล หรือ “เฮียเซียะ” อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายออกบัตรเครดิตและบัตรสมาร์ทการ์ดเกษตรกรนั้นต้องมีการกรอบตรวจสอบหลักฐานการยื่นเอกสารต่อหน่วยงานราชการอย่างละเอียดและรอบคอบเพื่อป้องกันการทุจริตและการแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อหวังผลประโยชน์ของเกษตรกรหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ในส่วนการจำนำข้าวเปลือกนั้นเช่นกันรัฐบาลต้องตั้งเกณฑ์และกรอบการตรวจสอบโรงสีข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการที่ชัดเจนให้ได้รับความเชื่อถือจากภาครัฐ และเกษตรกร เพื่อป้องกันการทุจริตไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโรงสีหรือเกษตรกรเอง
ทั้งนี้การดำเนินนั้นรัฐบาลต้องทำการแจ้งและชี้แจงนโยบายกรอบให้ชัดเจน รวมทั้งชี้ทางเลือกของการสีแปรรูปข้าว - เงินค้ำประกันการส่งมอบข้าว และการระบายข้าวออกสู่ตลาดว่าเป็นไปในทิศทางใดจึงจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากปัจจุบันราคาพืชเศรษฐกิจหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทน เช่น ยางพารา ข้าวโพด และมันสำปะหลัง หากรัฐบาลดำเนินการออกนโยบายจำนำข้าวชัดเจนจะทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวมากขึ้นกว่าพืชชนิดอื่น จึงต้องฝากรัฐบาลทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ให้เร่งผลักดันและบริหารแนวนโยบายจำนำข้าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด ทั้งในเรื่องคุณภาพและราคาข้าวที่จะได้รับในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกและข้าวสาร ทั้งในและต่างประเทศเริ่มขยับตัวสูงขึ้นกว่า 10% แล้วถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี และการหวนกลับมาใช้นโยบายจำนำข้าว จะทำให้ราคาข้าวเป็นไปตามกลไกลตลาดโลก เหมาะสมกับความเป็นจริงมากขึ้น
“ขณะที่โรงสีทั่วประเทศเริ่มปรับตัวรับนโยบายที่มีการเปลี่ยนไป อันจะทำให้โรงสีมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในตลาด”
