นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่
ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศรวม 10 กว่าโครงการ รวมทั้งการซื้อ
กิจการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ(PPA)แล้วอีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้ประมาณ 6 โครงการ
โดยบริษัทฯได้ยื่นประมูลซื้อหุ้นบริษัท GS Power ในเกาหลีใต้ เพื่อแสวงหารายได้เพิ่มขึ้น คาดว่ามีความชัดเจนภายในปลาย
เดือนนี้หรือต้นเดือนธ.ค. 2554 นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเคซอน ประเทศฟิลิปปินส์ อีก 500
เมกะวัตต์ด้วย รวมทั้งมีผู้เสนอให้บริษัทฯเข้าลงทุนโครงการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียด้วยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 ล้านบาทในช่วงปี 2554-2558 หลัง
จากรายได้ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าไอพีพีทั้ง 4 โครงการลดลง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมที่กำลังหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
ในปี 2557 และปี 2559 ตามลำดับ ดังนั้นภายใน3ปีนี้หากไม่มีการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯลด
ลงส่งผลให้ต้องเร่งดำเนินการตามกลยุทธ์ที่จะขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศมากขึ้น นอกเหนือจากภูมิภาคอาเซียน เช่น ออสเตรเลีย
เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนในแต่ละประมาณ 6,000 ล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2555-2557 เพื่อใช้ในการลงทุนและร่วมทุนในโรง
ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือ 6.2 พันล้านบาท และมีความพร้อมในการกู้ยืมอีกมากจากอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.25
เท่า
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้คาดว่ามีรายได้และกำไรสุทธิลดต่ำกว่าไตรมาส 3/2554 ที่มีรายได้รวม 6,060 ล้านบาท
และกำไรสุทธิ 4,514ล้านบาท ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจไฟฟ้าอยู่แล้ว แม้ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนแต่บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่
ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่หุ้นละ 5.25 บาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลกว่า 50%ของกำไรสุทธิโดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 2.50
บาท/หุ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า GS Caltex ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ และเป็นบริษัทแม่ของ GS
Power ระบุว่า ได้ประกาศขายหุ้น 50% ใน GS Power มีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านวอน โดยมีผู้เสนอเข้าประมูลซื้
ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศรวม 10 กว่าโครงการ รวมทั้งการซื้อ
กิจการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ(PPA)แล้วอีก 2-3 โครงการ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้ประมาณ 6 โครงการ
โดยบริษัทฯได้ยื่นประมูลซื้อหุ้นบริษัท GS Power ในเกาหลีใต้ เพื่อแสวงหารายได้เพิ่มขึ้น คาดว่ามีความชัดเจนภายในปลาย
เดือนนี้หรือต้นเดือนธ.ค. 2554 นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าเคซอน ประเทศฟิลิปปินส์ อีก 500
เมกะวัตต์ด้วย รวมทั้งมีผู้เสนอให้บริษัทฯเข้าลงทุนโครงการเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียด้วยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่
นายสหัส กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5,000-6,000 ล้านบาทในช่วงปี 2554-2558 หลัง
จากรายได้ค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าไอพีพีทั้ง 4 โครงการลดลง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าระยองและโรงไฟฟ้าขนอมที่กำลังหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
ในปี 2557 และปี 2559 ตามลำดับ ดังนั้นภายใน3ปีนี้หากไม่มีการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯลด
ลงส่งผลให้ต้องเร่งดำเนินการตามกลยุทธ์ที่จะขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศมากขึ้น นอกเหนือจากภูมิภาคอาเซียน เช่น ออสเตรเลีย
เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนในแต่ละประมาณ 6,000 ล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2555-2557 เพื่อใช้ในการลงทุนและร่วมทุนในโรง
ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือ 6.2 พันล้านบาท และมีความพร้อมในการกู้ยืมอีกมากจากอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.25
เท่า
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้คาดว่ามีรายได้และกำไรสุทธิลดต่ำกว่าไตรมาส 3/2554 ที่มีรายได้รวม 6,060 ล้านบาท
และกำไรสุทธิ 4,514ล้านบาท ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจไฟฟ้าอยู่แล้ว แม้ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนแต่บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่
ให้ต่ำกว่าปีก่อนที่หุ้นละ 5.25 บาท คิดเป็นการจ่ายเงินปันผลกว่า 50%ของกำไรสุทธิโดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 2.50
บาท/หุ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า GS Caltex ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ และเป็นบริษัทแม่ของ GS
Power ระบุว่า ได้ประกาศขายหุ้น 50% ใน GS Power มีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านวอน โดยมีผู้เสนอเข้าประมูลซื้