นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.54 ปรากฎว่ามีกำไรสุทธิ 84.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.29 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 71.82 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.54 จำนวน 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266.36 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 53 ที่มีรายได้รวม 274.14 ล้านบาท ผลจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า 338.16 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 663.13 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 148.52 % เมื่อเ เทียบงวดเดียวกันของปี 53 ที่มีรายได้จากการขาย
266.83 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 54 ปรากฏว่ามีผลขาดทุนสุทธิ 25.21 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 ปี53 ที่มีกำไรสุทธิ 41.52 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง อันเนื่องจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ 64.15 ล้านบาท ซึ่ง GUNKULได้ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ แต่ยังมิได้ปิดสถานะของสัญญา ณ วันที่สิ้นสุดตามวันที่งบการเงิน
นอกจากนี้ยังปรากฏรายการตัดบัญชีกำไรระหว่างกันของบริษัทฯกับบริษัท จี พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด ( บริษัทย่อย) สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 54 จำนวน 265 ล้านบาท เนื่องจากGUNKUL เป็นคู่สัญญาในการรับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 26 เมกกะวัตต์ ให้กับบริษัท จี พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด
โดย บริษัทฯมีนโยบายในการจัดหาผู้สนใจเข้าร่วมทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการดังกล่าวในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50 % ซึ่งหากบริษัทฯสามารถดำเนินการจัดหาผู้ร่วมทุนในโครงการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในปี 54 นี้ จะส่งผลให้บริษัทฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท จี พาวเวอร์ ซอรซ์ จำกัด ซึ่งสามารถบันทึกรายการตัดบัญชีกำไรระหว่างกันข้างต้นกลับเป็นผลกำไรในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ(งบการเงินรวม) สำหรับงบการเงินประจำปี 54 นี้เช่นเดียวกัน ตามสัดส่วนของบัญชีเงินลงทุนที่บริษัทฯได้จำหน่ายออกไปให้กับผู้ร่วมทุน โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวมิได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตน้ำท่วมแต่ประการใด
"แม้ว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทจะมีผลขาดทุน(ทางบัญชี) แต่ขอให้นักลงทุนทุกท่านเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้พลิกกลับมาเป็นกำไรในไตรมาส 4 ปี 54 นี้ได้อย่างแน่น ขณะที่รายได้ตลอดทั้งปี 54 มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้รุกขยายงานทุกด้าน รวมทั้งการยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นโดยตลอด อีกทั้งเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของ บริษัท โซลาร์ต้า จำกัด และรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 4.4 เมกะวัตต์ ส่วนรายได้จากการส่งออกที่ประเทศพม่ายังมีศักยภาพเติบโตที่ดีโดยมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขยายตัวตามแผนงานในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าประเทศพม่า ในระหว่างปี 55-59 ซึ่งปีนี้การส่งออกไปยังประเทศพม่าน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 100%"
266.83 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 54 ปรากฏว่ามีผลขาดทุนสุทธิ 25.21 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 ปี53 ที่มีกำไรสุทธิ 41.52 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง อันเนื่องจากการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ 64.15 ล้านบาท ซึ่ง GUNKULได้ทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ แต่ยังมิได้ปิดสถานะของสัญญา ณ วันที่สิ้นสุดตามวันที่งบการเงิน
นอกจากนี้ยังปรากฏรายการตัดบัญชีกำไรระหว่างกันของบริษัทฯกับบริษัท จี พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด ( บริษัทย่อย) สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 54 จำนวน 265 ล้านบาท เนื่องจากGUNKUL เป็นคู่สัญญาในการรับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 26 เมกกะวัตต์ ให้กับบริษัท จี พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด
โดย บริษัทฯมีนโยบายในการจัดหาผู้สนใจเข้าร่วมทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการดังกล่าวในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50 % ซึ่งหากบริษัทฯสามารถดำเนินการจัดหาผู้ร่วมทุนในโครงการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในปี 54 นี้ จะส่งผลให้บริษัทฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท จี พาวเวอร์ ซอรซ์ จำกัด ซึ่งสามารถบันทึกรายการตัดบัญชีกำไรระหว่างกันข้างต้นกลับเป็นผลกำไรในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ(งบการเงินรวม) สำหรับงบการเงินประจำปี 54 นี้เช่นเดียวกัน ตามสัดส่วนของบัญชีเงินลงทุนที่บริษัทฯได้จำหน่ายออกไปให้กับผู้ร่วมทุน โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวมิได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตน้ำท่วมแต่ประการใด
"แม้ว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทจะมีผลขาดทุน(ทางบัญชี) แต่ขอให้นักลงทุนทุกท่านเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่าจะสามารถผลักดันผลประกอบการให้พลิกกลับมาเป็นกำไรในไตรมาส 4 ปี 54 นี้ได้อย่างแน่น ขณะที่รายได้ตลอดทั้งปี 54 มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตไม่ต่ำกว่า 100% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้รุกขยายงานทุกด้าน รวมทั้งการยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นโดยตลอด อีกทั้งเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของ บริษัท โซลาร์ต้า จำกัด และรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 4.4 เมกะวัตต์ ส่วนรายได้จากการส่งออกที่ประเทศพม่ายังมีศักยภาพเติบโตที่ดีโดยมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขยายตัวตามแผนงานในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าประเทศพม่า ในระหว่างปี 55-59 ซึ่งปีนี้การส่งออกไปยังประเทศพม่าน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 100%"
