ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไอ.ซี.ซี.ฯ” แนะภาคธุรกิจ เตรียมแผนรับมือปัญหากรณีเลวร้ายที่สุดใหม่ หลังต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมหนักคาดไม่ถึงปีนี้ ลั่นยอดขายรวม 9 เดือนยังเติบโตดี เผยกางเกงในขายดีซื้อแจกเจ้าหน้าที่ทหารที่กู้น้ำท่วม เตรียมสต๊อกสินค้าเต็มที่รับมือหน้าขาย 2 เดือนท้ายปีนี้ คาดทั้งปียังโตตามเดิม 15%
นายสมพล ชัยสิริโรจน์ กรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(มหาชน) ในเครือ สหพัฒน์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยในครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาการป้องกันให้รอบคอบและดีที่สุดกว่านี้ เพื่อรับมือกับกรณีเลวร้ายที่สุด (เวิท เคส) ใหม่ จากเดิมที่ผ่านมาภาคเอกชนจะวางแผนบนพื้นฐานกรณีแย่สุดในระดับหนึ่งไว้แล้ว
แต่ครั้งนี้หลายบริษัทอาจไม่ได้คิดว่า เหตุการณ์จะรุนแรงมากถึงขนาดนี้ ซึ่งถ้าหากสามารถวางแผนไว้ในกรณีที่แย่สุดแล้ว หรือเลวร้ายมากที่สุดไว้ก่อน ก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถหาแผนรับมือในอนาคตได้ทันท่วงที และทำให้องค์กรมีความพร้อมรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้แผนการตลาดช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯต้องเตรียมสต๊อกสินค้าไว้ให้เพิ่มขึ้นมากที่สุด เพื่อเป็นการรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะกลับฟื้นขึ้นมาเร็วหลังจากน้ำลดลงไปแล้ว โดยเฉพาะสินค้าที่คาดว่าจะไปได้ดีคือ สินค้าในกลุ่มแฟชั่น อีกทั้งจะยังคงทำตลาดต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เช่น ต่างจังหวัด และล่าสุดวันที่ 3-5 ธ.ค.นี้จะจัดงาน ไอ.ซี.ซี แฟร์ ที่สำนักงานใหญ่ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพราะเชื่อมั่นว่า ลูกค้ายังมีอารมณ์ใช้จ่ายเงินอยู่
โดยผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 12-15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ มาจากสินค้าเสื้อผ้า แฟชั่น ซึ่งเติบโตดีมากในทุกกลุ่ม เพราะแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นในเครือมีหลากหลายระดับราคา ตัวที่ขายดีที่สุดคือกางเกงในยี่ห้อ แอร์โรว์ ขายดีจนสินค้าหมดสต็อกขณะนี้จึงต้องเร่งผลิตเต็มที่เพราะประชาชนได้ซื้อกางเกงในจำนวนมากเพื่อนำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่วนหนึ่ง และบางส่วนก็นำไปบริจาคให้แก่ทหารที่เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย โดยมีบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ในเครือสหพัฒน์ทำหน้าที่กระจายสินค้าให้ จึงสามารถจัดส่งสินค้าไปในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาสินค้าขาดสต็อกแต่อย่างใด
นายสมพลกล่าวด้วยว่า ปี 2554 นี้คาดว่าผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้คือ มีการเติบโต 12-15% เพราะปัญหาน้ำท่วมมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคเล็กน้อยเท่านั้น และช่วงที่ผ่านมา มีร้านค้า หรือ จุดจำหน่าย ฮีส แอนด์ เฮอร์ (ร้านในเครือสหพัฒน์) ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ปิดบริการไปประมาณ 20-30 จุดเท่านั้น
ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมโครงการ “พลังน้ำใจไทย/POWER OF THAI) ซึ่งไอซีซีฯ มีแผนผลิตเสื้อที่ใช้ตราสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาเพื่อร่วมโครงการนำออกมาจำหน่ายด้วย ส่วนที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมอย่างเต็มที่ เช่นบริจาคเรือ หรือทำอาหารให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นต้น
นายสมพล ชัยสิริโรจน์ กรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(มหาชน) ในเครือ สหพัฒน์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยในครั้งนี้ ทำให้บริษัทต้องพิจารณาการป้องกันให้รอบคอบและดีที่สุดกว่านี้ เพื่อรับมือกับกรณีเลวร้ายที่สุด (เวิท เคส) ใหม่ จากเดิมที่ผ่านมาภาคเอกชนจะวางแผนบนพื้นฐานกรณีแย่สุดในระดับหนึ่งไว้แล้ว
แต่ครั้งนี้หลายบริษัทอาจไม่ได้คิดว่า เหตุการณ์จะรุนแรงมากถึงขนาดนี้ ซึ่งถ้าหากสามารถวางแผนไว้ในกรณีที่แย่สุดแล้ว หรือเลวร้ายมากที่สุดไว้ก่อน ก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่จะสามารถหาแผนรับมือในอนาคตได้ทันท่วงที และทำให้องค์กรมีความพร้อมรับมือวิกฤตที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้แผนการตลาดช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯต้องเตรียมสต๊อกสินค้าไว้ให้เพิ่มขึ้นมากที่สุด เพื่อเป็นการรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะกลับฟื้นขึ้นมาเร็วหลังจากน้ำลดลงไปแล้ว โดยเฉพาะสินค้าที่คาดว่าจะไปได้ดีคือ สินค้าในกลุ่มแฟชั่น อีกทั้งจะยังคงทำตลาดต่อเนื่องในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เช่น ต่างจังหวัด และล่าสุดวันที่ 3-5 ธ.ค.นี้จะจัดงาน ไอ.ซี.ซี แฟร์ ที่สำนักงานใหญ่ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพราะเชื่อมั่นว่า ลูกค้ายังมีอารมณ์ใช้จ่ายเงินอยู่
โดยผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ เติบโต 12-15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ มาจากสินค้าเสื้อผ้า แฟชั่น ซึ่งเติบโตดีมากในทุกกลุ่ม เพราะแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นในเครือมีหลากหลายระดับราคา ตัวที่ขายดีที่สุดคือกางเกงในยี่ห้อ แอร์โรว์ ขายดีจนสินค้าหมดสต็อกขณะนี้จึงต้องเร่งผลิตเต็มที่เพราะประชาชนได้ซื้อกางเกงในจำนวนมากเพื่อนำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่วนหนึ่ง และบางส่วนก็นำไปบริจาคให้แก่ทหารที่เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย โดยมีบริษัท ไทเกอร์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ในเครือสหพัฒน์ทำหน้าที่กระจายสินค้าให้ จึงสามารถจัดส่งสินค้าไปในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาสินค้าขาดสต็อกแต่อย่างใด
นายสมพลกล่าวด้วยว่า ปี 2554 นี้คาดว่าผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯจะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้คือ มีการเติบโต 12-15% เพราะปัญหาน้ำท่วมมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคเล็กน้อยเท่านั้น และช่วงที่ผ่านมา มีร้านค้า หรือ จุดจำหน่าย ฮีส แอนด์ เฮอร์ (ร้านในเครือสหพัฒน์) ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ปิดบริการไปประมาณ 20-30 จุดเท่านั้น
ล่าสุดบริษัทฯได้เข้าร่วมโครงการ “พลังน้ำใจไทย/POWER OF THAI) ซึ่งไอซีซีฯ มีแผนผลิตเสื้อที่ใช้ตราสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาเพื่อร่วมโครงการนำออกมาจำหน่ายด้วย ส่วนที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ แก่ผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมอย่างเต็มที่ เช่นบริจาคเรือ หรือทำอาหารให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นต้น