ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้บริหารสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ประกาศไม่ขึ้นราคาสินค้าอุปโภค- บริโภค และสินค้าที่มีอยู่ในเครือที่จะนำออกขายในงาน “สหพัฒน์แฟร์ 2554” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ เพราะต้องการช่วยเหลือประชาชนที่หาซื้อสินค้าในช่วงน้ำท่วม คาด จำนวนผู้เข้าชมงานจะมีมากกว่าปีก่อน ส่วนยอดขายตลอด 3 วัน จะมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ยอดจำหน่ายสินค้าในร้านไทยแลนด์เบสท์ เติบโตแล้วกว่า 30% จากการแห่กักตุนสินค้าของประชาชน
นายทนง ศรีจิตร์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารสวนอุตสาห กรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา ซึ่งถือเป็นฐานผลิตสินค้าเพื่อการบริโภคและอุปโภคและฐานผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกแหล่งใหญ่ของเครือสหพัฒน์ฯ กล่าวถึงการจัดงาน “สหพัฒน์แฟร์ 2554” ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ ว่า จะเป็นการจำหน่ายสินค้าและการจัดกิจ กรรมที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดงานดังกล่าวมา เพราจะเป็นการจัดกิจกรรมรำลึก 20 ปี ดร.เทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์ ซึ่งกลุ่มไลอ้อน ผู้ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภครายใหญ่ก็เตรียมจะนำสินค้าที่มีออกจำหน่ายเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดในหลายพื้นที่ของประเทศ
โดยการจัดงานในปีนี้จะเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้เพิ่มมากขึ้น และจะมีจำนวนเต็นท์มากถึง 600 เต็นท์ เพื่อรองรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ในเครือ และจำนวนสินค้าที่จะเพิ่มมากจากปีก่อน ซึ่งในปีนี้ยังคงใช้พื้นที่สนามบินในเครือสหพัฒน์ และยังมีการก่อสร้างถนนเพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนรถยนต์ของประชาชนที่จะเข้ามาซื้อสินค้า
“งานดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ ที่สำคัญ ในปีนี้เรามีเราจะเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากที่สุดเพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่ต้องการกักตุนสินค้า รับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยเรามีนโยบายที่จะไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าทุกประเภทเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน และเราคาดว่างานดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงข้าวยาก หมากแพงได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าในปีนี้จะมียอดขายตลอดระยะเวลา 3 วันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท”
นายทนง ยังเผยอีกว่า ขณะนี้เครือสหพัฒน์ ได้พยายามที่จะติดต่อไปยังหลายๆ โรงงานซึ่งเป็นผู้ผลิตเส้นบะหมี่จากข้าวสารเพื่อนำมาเสริมกับสินค้าที่มีอยู่ในเครือ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้ได้รับสินค้าที่หลากหลายและตรงกับความต้องการ ที่สำคัญยังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในเครืออีกหลายรายงาน
นอกจากนั้น เครือสหพัฒน์ ยังจะเปิดตัวคอนวีเนียลสโตร์รายใหม่ ที่ร่วมทุนกับประเทศญีปุ่นภายใต้ชื่อ “สึรึยะ” เพื่อรองรับการจับจ่ายของกลุ่มลูกค้าซึ่งซื้อสินค้าในเครือสหพัฒน์เป็นประจำ โดยร้านแห่งนี้จะมีทั้งเครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน ยารักษาโรคและสินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ โดยจะเปิดสาขาแห่งแรกที่บริเวณฝั่งตรงข้ามสนามไดร์ฟวิงเรนจ์ ของ บีเอสซี และมีแผนจะขยายเฟรนไชส์ให้ได้ 5 สาขาภายในปี 2555 ซึ่งการลงทุนในส่วนนี้เครือสหพัฒน์ ใช้ทุนจดทะเบียนถึง 100 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท
ขณะที่การจำหน่ายสินค้าภายในร้านไทยแลนด์เบสท์ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ศรีราชานั้น นายทนง กล่าวว่าในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายสินค้าภายในร้านเติบโตขึ้นถึง 30% จากการกักตุนสินค้าของกลุ่มลูกค้าทั้งในพื้นที่และกรุงเทพฯ โดยของใช้ที่ขายที่ดีที่สุดคือสินค้าอุปโภค-บริโภค ซึ่งทางร้านขายต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายในท้องตลาด
