ASTVผู้จัดการรายวัน - แฉ"ปู" อาศัยจังหวะชุลมุนช่วงน้ำท่วมช่วยพี่ชาย หนีนั่งหัวโต๊ะครม. ส่งซิก"เหลิม" ดันวาระลับขออภัยโทษ "นช.แม้ว" หลังอ้าง ฮ.ไร้เรดาห์ บินกลางคืนไม่ได้ แต่ดันเตรียมเสื้อสำนักนายกฯ แจกคณะค้างคืนที่จ.สิงห์บุรีได้ ทั้งที่กองทัพยัน ฮ.รัสเซีย สมรรถนะพร้อม ปูดร่างกฎหมายอภัยโทษ 5 ธันวาฯ วางเกณฑ์อายุเกิน 60-ต้องโทษไม่เกิน 3 ปี-ไม่ต้องติดคุกมาก่อน เข้าล็อก"ทักษิณ" เป๊ะ
จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ที่จ.สิงห์บุรี พร้อมมอบแผนฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังน้ำลด และไม่สามารถเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ตามกำหนดการ ทำให้ต้องพักค้างคืนที่จ.สิงห์บุรี ในคืนวันที่ 14 พ.ย. โดยอ้างว่า เฮลิคอปเตอร์ เอ็มไอ 17 ซึ่งซื้อจากประเทศรัสเซีย ที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไม่สามารถบินตอนกลางคืนได้ เพราะไม่มีเรดาห์นำทาง
จากกรณีดังกล่าว แหล่งข่าวในกองทัพ เปิดเผยโดยยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ รุ่นดังกล่าว มีสมรรถภาพเพียงพอ และมีเรดาห์สามารถบินช่วงกลางคืนได้ แต่หากเรดาห์ไม่สามารถใช้การได้จริง นายกฯ ก็สามารถประสานขอเครื่องลำอื่นไปทดแทนได้ ซึ่งกองทัพพร้อมที่จะจัดให้อยู่แล้ว แต่กลับไม่มีการร้องขอมา จึงคิดว่านายกฯ น่าจะมีเจตนาที่จะไม่กลับกทม. เพราะดูจากกำหนดการที่คณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขึ้นเครื่อง เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ช้ากว่ากำหนดเดิมเกือบ 1 ชั่วโมง เหมือนเป็นการถ่วงเวลาให้เข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้วอ้างเรื่องเรดาห์ ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือแจ้งมายังกองทัพบก เพื่อขอสนับสนุนยานพาหนะ รับ-ส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะติดตาม และสื่อมวลชนรวมเกือบ 20 คน เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มอบหมายให้ศูนย์การบินทหารบกจัดเฮลิคอปเตอร์สนับสนุน จึงได้จัดเฮลิคอปเตอร์แบบ เอ็ม-ไอ 17 จำนวน 1 ลำ ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 36 คน ซึ่งในช่วงเย็น สำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งกับกองทัพบกว่า นายกรัฐมนตรี และคณะจะพักค้างคืนที่ จ.สิงห์บุรี 1 คืน และจะเดินทางกลับกทม.ในวันที่ 15 พ.ย. เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจอยู่ จึงยังเดินทางกลับไม่ได้ นักบินจึงได้นำเครื่องกลับไปที่ศูนย์บินทหารบกในเวลา 19.30 น. ก่อนที่จะมารับคณะนายกฯ เดินทางกลับในช่วงเช้า
จากนั้น เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (15 พ.ย.) ทันทีที่คณะของนายกฯ และสื่อมวลชน เดินทางกลับมาถึงกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) ทุกคนในคณะต่างสวมเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความและตราสัญลักษณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยสีน้ำเงินชัดเจน แสดงให้เห็นว่า มีการเตรียมความพร้อมที่จะให้คณะพักค้างคืนที่จ.สิงห์บุรี ไว้แล้ว
เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินมาถึงในเวลา 11.00 น. และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประมาณ 20 นาที จากนั้นเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังคงประชุมอยู่ แต่ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่เข้าร่วมประชุม แต่ใช้เวลาช่วงดังกล่าวบันทึกเทปสัมภาษณ์พิเศษโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุมอาเซียน จากนั้นเมื่อเวลา 14.20 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐสภา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในการประชุมครม. วานนี้ (15 พ.ย.) ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้มีวาระจร “ลับ” ในการพิจารณา และลงมติผ่านร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.... ซึ่งจะเป็นการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติของนักโทษที่จะเข้าข่ายในการเข้ารับพระราชทานอภัยโทษ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โดยเป็นการประชุมลับ มีการเชิญเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องออกทั้งหมด เหลือเพียงคณะรัฐมนตรีเท่านั้น รวมทั้งไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเนื้อหาพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และยังมีการดึงเอกสารออก เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่ตามระบบปกติอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเนื้อหาที่คณะรัฐมนตรีไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะนั้น มีการกำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยระบุหลักเกณฑ์ของนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว คือ เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี นอกจากนั้นยังมีการตัดคำแนบท้ายของพ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ.2553 ฉบับที่เขียนสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเนื้อหาระบุว่า ผู้ที่เข้าข่ายได้รับอภัยโทษ จะต้องเป็นโทษที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด และไม่เกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชันออก ทั้งยังไม่มีการระบุถึงระยะเวลาการเข้ารับการเข้ารับโทษ ซึ่งเท่ากับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าข่ายได้รับการขอพระราชทานอภัยโทษ โดยที่ไม่ต้องเข้ารับการคุมขังแม้แต่วันเดียว ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งตรงกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม เคยทำเอกสารแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการออกกฎหมายอภัยโทษ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ จากการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรมก็ได้มีการโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งพ.ต.ท.สุชาติ วงศ์อนันตชัย มาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับยังมีการปรับปรุงโรงเรียนพลตำรวจบางเขน ให้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษในคดีการเมือง เพื่อเตรียมใช้เป็นสถานที่คุมขัง พ.ต.ท.ทักษิณ ในระยะสั้นๆ อีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในความเป็นจริง ร.ต.อ.เฉลิมได้รับมอบหมายให้เป็นรองนายกฯ คนที่ 3 ต่อจาก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ คนที่ 1 ซึ่งเดินทางร่วมคณะกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ คนที่ 2 ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิปิก (เอเปก) ที่ฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ
เมื่อรองนายกฯ 2 ลำดับแรกไม่อยู่ หน้าที่การเป็นประธานในที่ประชุมครม. จึงตกมาถึง ร.ต.อ.เฉลิม โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลได้มีการมอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามาเป็นรองนายกฯ เพื่อดูแลเรื่องการขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณโดยตรง อีกทั้งรัฐบาลยังต้องการอาศัยช่วงชุลมุน ที่พรรคฝ่ายค้านและประชาชนยังให้ความสนใจเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเห็นว่าหากรอให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ การเดินเรื่องขออภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระชั้นชิดเกินไป และอาจไม่สำเร็จ รวมไปถึงการวางแผนให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ก่อนบรรจุเรื่องนี้เข้าที่ประชุมครม. เพื่อตัดตอนไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาเกี่ยวข้อง หวังหลีกเลี่ยงข้อครหาจากสังคมว่านายกฯ เอื้อประโยชน์ให้พี่ชายตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ในชื่อ Sirichok Sopha โดยระบุข้อความว่า "ผมมีลางสังหรณ์อยู่แล้วว่า ทำไมนายกปู ถึงแกล้งไม่มาประชุมครม. อ้างว่า ฮ. ไม่มีเรดาร์ ปรากฏว่าวันนี้ ครม.มีการประชุมลับ ไล่เจ้าหน้าที่ออกจากห้องหมด และมีการผ่าน พ.ร.ฎ. อภัยโทษ เรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่เศร้าที่สุดวันหนึ่งของประเทศไทย"
ทางด้านนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีครม.มีมติผ่านร่าง พ.ร.ฎ.ขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ...ว่า การพิจารณาพ.ร.ฏ.อภัยโทษถือเป็นวาระทั่วไป ที่จะพิจารณากันในช่วงที่มีวาระสำคัญ เช่น เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ซึ่งการประชุมครม.ที่ผ่านๆ มา จะเป็นการพิจารณาแบบเปิดเผย แต่รัฐบาลชุดนี้กลับมีการพิจารณาที่ไม่มีความโปร่งใส เพราะเป็นการประชุมลับ และยังมีการตัดเงื่อนไขในส่วนของคำแนบท้ายของพ.ร.ฎ.อภัยโทษพ.ศ. 2553 ที่มีการระบุว่า ผู้ที่เข้าข่ายได้รับอภัยโทษจะต้องเป็นโทษที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด และการทุจริตคอร์รัปชันออกไปนั้น ก็ต้องถามว่ารัฐบาลตัดออกทำไม ทั้งที่สำนักงานกฤษฏีกา ก็เคยคัดค้านมาก่อน สุดท้ายเมื่อฝ่ายการเมืองมีนโยบายออกมาแบบนี้ สำนักงานกฤษฎีกาก็คัดค้านไม่ได้
"หากรัฐบาลมีความจริงใจ จะตัดในส่วนนี้ออกทำไม เพราะทำให้คิดได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดีอาญา จะได้ประโยชน์ในส่วนนี้"นายพีระพันธ์กล่าว
นอกจากนี้ ตนยังทราบมาว่าการพิจารณาพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมครม. ตามปกติ ทำไมอยู่เป็นวาระสอดแทรกเข้ามาประชุมได้อย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม โดยอ้างว่าไม่สามารถเดินทางกลับมาจากจ.สิงห์บุรีได้ทัน ตนเห็นว่าเป็นข้ออ้าง เพื่อให้นายกฯ ไม่ต้องมาเข้าร่วมประชุม และเป็นแผนการของรัฐบาล เพราะหากนายกฯมาประชุม และร่วมลงมติกับครม.ในเรื่องดังกล่าวจะเข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน และอาจมีความผิดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีการประชุมลับเรื่องการออกพ.ร.ฎ. ขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งอาจมีหลักเกณฑ์ที่เอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้สื่อมวลชนพยายามติดต่อสอบถามรัฐมนตรี ที่ร่วมประชุมถึงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ทำเป็นหน้าที่ประธานการประชุม ครม.นัดนี้ และกำลังอยู่ระหว่างร่วมประชุมที่รัฐสภา ได้ปฏิเสธที่จะพูดกับผู้สื่อข่าวที่โทรศัพท์เข้าไปสอบถาม โดยกล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างมีอารมณ์ว่า "ไม่พูด ไม่คุย ไม่ต้องมาถาม แล้วก็ไม่ต้องมาหาด้วย"
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน ได้แสดงความแปลกใจขณะที่เดินทางเข้าร่วมประชุมที่รัฐสภา โดยกล่าวเพียงว่า "รู้กันได้อย่างไร เดี๋ยวเขาตีปากเอา เขาไม่ให้พูด"
เช่นเดียวกับนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ ที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า"ลูกเสือ เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ มันเป็นการประชุมลับ ไม่รู้เรื่อง ขออนุญาตนะครับ"
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยออกตัวว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุม เพราะร่วมคณะไปกับนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี และยังไม่เห็นวาระการประชุมด้วย
ส่วนนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม เมื่อพบกลุ่มสื่อมวลชนที่ดักรออยู่หน้าห้องประชุมรัฐสภา พร้อมถามว่า ได้เข้าร่วมประชุมครม.เมื่อช่วงเช้าด้วยหรือไม่ ทำให้ นพ.วรรณรัตน์ ยกมือขึ้นโบกทั้งสองข้าง เหมือนยอมแพ้ แล้วพูดว่า "โนคอมเมนต์" ก่อนจะเดินหนีขึ้นรถออกไปทันที
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากรัฐสภา เมื่อเวลา 20.30 น. หลังจากทีมผู้ติดตามนายกฯ ได้ส่งสัญญาณว่า ไม่มีสื่อดักรอสัมภาษณ์แล้ว นายกฯ จึงรีบเดินออกจากอาคารรัฐสภา แต่เมื่อสื่อเห็น ก็รีบเดินเข้าไปหาและถามถึงเรื่องนี้ แต่นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่รู้รายละเอียด เรื่องที่ครม.ผ่าน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เพราะไม่ได้เข้าร่วมประชุม และบอกว่าเรื่องนี้ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง แต่ผู้สื่อข่าวบอกว่าได้ติดต่อแล้ว แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งนายกฯทำหน้างง แล้วรีบเดินไปขึ้นรถออกไปทันที