ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.อนุมัติโครงการพักหนี้ต่ำกว่า 5 แสนบาท ให้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่เป็นลูกค้าสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค.54-30 ก.ย.57 ส่วนกรมบัญชีกลางใจดีจ่ายเงินข้าราชการเดือน พ.ย.ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. ส่วนเดือนธ.ค.เลื่อนเร็วขึ้นอีก 5 วัน หวังเยียวยาช่วงน้ำท่วม ด้านครม. แจกอีกหลายหมื่นล้านฟื้นฟูน้ำท่วม ทั้งช่วยอุตสาหกรรม ซ่อมถนน สถานศึกษา ดอนเมือง และจ่าย 5 พันบาทให้บ้านน้ำท่วมล็อต 3
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (15 พ.ย.) มีมติเห็นชอบโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีปัญหาชำระหนี้ โดยให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมีโอกาสนำเงินที่ต้องส่งชำระหนี้ไปฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของครัวเรือนให้ดีขึ้นระหว่างการพักชำระหนี้ พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเพิ่มพูนความรู้ในการพัฒนาอาชีพและการดำรงชีวิต เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างบูรณาการและยั่งยืน
โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายพักหนี้ให้กับลูกค้าสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง ได้แก่ 1.ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่กู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย เป็นลูกค้าที่มีหนี้ค้างชำระและ/หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือเป็นลูกค้าในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) 2.ลูกค้าบุคคลธรรมดาของธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่กู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย และมีสถานะหนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และ/หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
สำหรับลูกหนี้ทั้ง 2 กลุ่ม ต้องมียอดต้นเงินกู้คงเหลือรวมทุกสัญญาในทุกสถาบันการเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท โดยสถานะหนี้ดังกล่าวเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2554 ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการมีประมาณ 775,090 บัญชี หรือร้อยละ 12.48 ของจำนวนบัญชีทั้งหมดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่ง และมีมูลหนี้คงค้าง 90,502.55 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.76 ของมูลหนี้คงค้างทั้งหมดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่ง โดยจะพักหนี้ให้ลูกค้าที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเป็นเวลา 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2557 โดยเป็นการพักชำระต้นเงินกู้ และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และเมื่อสิ้นสุดโครงการลูกค้าต้องกลับมาเริ่มชำระหนี้ตามแผนการชำระหนี้ใหม่ที่ได้ตกลงร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
โดยระหว่างการพักชำระหนี้ ลูกค้าไม่มีสิทธิขอกู้เงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ขอพักชำระหนี้ แต่สามารถออกจากโครงการก่อนระยะเวลา 3 ปีได้ และในระหว่างเข้าร่วมโครงการ ลูกค้าจะได้รับการฟื้นฟูอาชีพที่เหมาะสมตามภูมิสังคม และพัฒนาความรู้ ศักยภาพในการประกอบอาชีพ โดยกระทรวงการคลังจะร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแนวทางการอบรมฟื้นฟูที่เหมาะสมตามประเภทลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ เปิดลงทะเบียนลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการในวันที่ 15 พ.ย.2554 โดยมีระยะเวลาการลงทะเบียนและคัดกรองลูกค้าประมาณ 3 เดือน ติดต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร.02-5550555 ธนาคารออมสิน โทร. 1115 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02-6459000 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302 และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย โทร. 02-6189933
***จ่ายเงินเดือนพ.ย.-ธ.ค.เร็วขึ้น
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือเวียนไปถึงปลัดกระทรวง ผู้อำนวยการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดี เลขาธิการอธิการบดี และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกหน่วยงาน เพื่อแจ้งให้ทราบว่า กรมบัญชีกลางจะเลื่อนการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยหวัด และบำนาญของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว รวมทั้งค่าตอบแทนของพนักงานราชการ ของส่วนราชการต่างๆ ประจำเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่จะจ่ายเงินก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือน 3 วันทำการ เป็นให้จ่ายวันที่ 18 พ.ย. และประจำเดือนธ.ค.ให้จ่ายก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือน 5 วันทำการ เนื่องจากเห็นว่า สถานการณ์น้ำท่วมยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ระบบธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ จึงได้เลื่อนการจ่ายเงินเดือนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ข้าราการ โดยเฉพาะผู้ที่ประสบภัยอาจต้องการเงินไปซ่อมแซมบ้านเรือน
***ครม.แจกหลายหมื่นล้านฟื้นฟูน้ำท่วม
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณในการฟื้นฟูน้ำท่วม โดยในส่วนของการฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม วงเงิน 7,427.99 ล้านบาท การบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนถนนสายหลัก และโครงข่ายสำคัญที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยของกรมทางหลวง รวม 708 โครงการ (สายทาง) โดยเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 11,898 ล้านบาท รวมถึงโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบท ของกรมทางหลวงชนบท รวมทั้งสิ้น 549 สายทาง โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณทั้งสิ้น 4,594.30 ล้านบาท การฟื้นฟูด้านสถานศึกษา จำนวน 956.29 ล้านบาท และมาตรการฟื้นฟูสถานศึกษา และครุภัณฑ์สื่อการเรียนการสอนครั้งที่ 1 วงเงิน 177.35 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้ฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมือง ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. แยกเป็นการฟื้นฟูทางวิ่ง ทางขับ ระบบสาธารณูปโภค เครื่องช่วยการเดินอากาศ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันออก วงเงิน 489.20 ล้านบาท และการฟื้นฟูอาคารผู้โดยสาร Terminal 1 ทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันตก อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้สามารถเปิดให้บริหารเชิงพาณิชย์ได้ตามปกติ โดยใช้งบประมาณของ ทอท. เอง 445.80 ล้านบาท ทั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม ครั้งที่ 3 จำนวน 509,127 ครัวเรือน เป็นเงิน 2,545,635,000 บาท
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (15 พ.ย.) มีมติเห็นชอบโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีปัญหาชำระหนี้ โดยให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมีโอกาสนำเงินที่ต้องส่งชำระหนี้ไปฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของครัวเรือนให้ดีขึ้นระหว่างการพักชำระหนี้ พร้อมทั้งสร้างโอกาสการเพิ่มพูนความรู้ในการพัฒนาอาชีพและการดำรงชีวิต เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างบูรณาการและยั่งยืน
โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายพักหนี้ให้กับลูกค้าสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 6 แห่ง ได้แก่ 1.ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่กู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย เป็นลูกค้าที่มีหนี้ค้างชำระและ/หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือเป็นลูกค้าในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) 2.ลูกค้าบุคคลธรรมดาของธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่กู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพ จัดหาที่อยู่อาศัย และมีสถานะหนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และ/หรือหนี้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
สำหรับลูกหนี้ทั้ง 2 กลุ่ม ต้องมียอดต้นเงินกู้คงเหลือรวมทุกสัญญาในทุกสถาบันการเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท โดยสถานะหนี้ดังกล่าวเป็นข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2554 ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการมีประมาณ 775,090 บัญชี หรือร้อยละ 12.48 ของจำนวนบัญชีทั้งหมดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่ง และมีมูลหนี้คงค้าง 90,502.55 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.76 ของมูลหนี้คงค้างทั้งหมดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้ง 6 แห่ง โดยจะพักหนี้ให้ลูกค้าที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการเป็นเวลา 3 ปี ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2557 โดยเป็นการพักชำระต้นเงินกู้ และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และเมื่อสิ้นสุดโครงการลูกค้าต้องกลับมาเริ่มชำระหนี้ตามแผนการชำระหนี้ใหม่ที่ได้ตกลงร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
โดยระหว่างการพักชำระหนี้ ลูกค้าไม่มีสิทธิขอกู้เงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ขอพักชำระหนี้ แต่สามารถออกจากโครงการก่อนระยะเวลา 3 ปีได้ และในระหว่างเข้าร่วมโครงการ ลูกค้าจะได้รับการฟื้นฟูอาชีพที่เหมาะสมตามภูมิสังคม และพัฒนาความรู้ ศักยภาพในการประกอบอาชีพ โดยกระทรวงการคลังจะร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแนวทางการอบรมฟื้นฟูที่เหมาะสมตามประเภทลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ เปิดลงทะเบียนลูกค้าที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการในวันที่ 15 พ.ย.2554 โดยมีระยะเวลาการลงทะเบียนและคัดกรองลูกค้าประมาณ 3 เดือน ติดต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร.02-5550555 ธนาคารออมสิน โทร. 1115 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02-6459000 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302 และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย โทร. 02-6189933
***จ่ายเงินเดือนพ.ย.-ธ.ค.เร็วขึ้น
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือเวียนไปถึงปลัดกระทรวง ผู้อำนวยการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดี เลขาธิการอธิการบดี และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกหน่วยงาน เพื่อแจ้งให้ทราบว่า กรมบัญชีกลางจะเลื่อนการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยหวัด และบำนาญของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว รวมทั้งค่าตอบแทนของพนักงานราชการ ของส่วนราชการต่างๆ ประจำเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่จะจ่ายเงินก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือน 3 วันทำการ เป็นให้จ่ายวันที่ 18 พ.ย. และประจำเดือนธ.ค.ให้จ่ายก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือน 5 วันทำการ เนื่องจากเห็นว่า สถานการณ์น้ำท่วมยังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ระบบธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ จึงได้เลื่อนการจ่ายเงินเดือนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ข้าราการ โดยเฉพาะผู้ที่ประสบภัยอาจต้องการเงินไปซ่อมแซมบ้านเรือน
***ครม.แจกหลายหมื่นล้านฟื้นฟูน้ำท่วม
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณในการฟื้นฟูน้ำท่วม โดยในส่วนของการฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม วงเงิน 7,427.99 ล้านบาท การบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนถนนสายหลัก และโครงข่ายสำคัญที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยของกรมทางหลวง รวม 708 โครงการ (สายทาง) โดยเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 11,898 ล้านบาท รวมถึงโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบท ของกรมทางหลวงชนบท รวมทั้งสิ้น 549 สายทาง โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณทั้งสิ้น 4,594.30 ล้านบาท การฟื้นฟูด้านสถานศึกษา จำนวน 956.29 ล้านบาท และมาตรการฟื้นฟูสถานศึกษา และครุภัณฑ์สื่อการเรียนการสอนครั้งที่ 1 วงเงิน 177.35 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้ฟื้นฟูท่าอากาศยานดอนเมือง ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. แยกเป็นการฟื้นฟูทางวิ่ง ทางขับ ระบบสาธารณูปโภค เครื่องช่วยการเดินอากาศ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันออก วงเงิน 489.20 ล้านบาท และการฟื้นฟูอาคารผู้โดยสาร Terminal 1 ทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานฝั่งตะวันตก อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ระบบสาธารณูปโภค เพื่อให้สามารถเปิดให้บริหารเชิงพาณิชย์ได้ตามปกติ โดยใช้งบประมาณของ ทอท. เอง 445.80 ล้านบาท ทั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม ครั้งที่ 3 จำนวน 509,127 ครัวเรือน เป็นเงิน 2,545,635,000 บาท
