2-3 เดือนมานี้ เป็นช่วงเวลาของความทุกข์ระทมของพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม สถานการณ์ที่เป็นอยู่มันเป็นกรรมร่วมของพี่น้องร่วมชาติ ครอบครัวที่ถูกน้ำท่วมก็มีความทุกข์ระทมใจอย่างแสนสาหัส ครอบครัว บริษัทห้างร้านที่น้ำไม่ท่วม ก็ตกอยู่ในความวิตกกังวล ขุ่นข้องหมองใจในหลายๆ ด้าน ความคิดอ่าน การงานทุกอย่างก็พลอยชะลอตัว (Slow down) กันไปหมด ซึ่งเป็นภาพที่น่าเห็นใจกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพราะกรรมชั่วร่วมของประเทศที่ปวงชนในชาติจะต้องทนทุกข์กันต่อไปยิ่งกว่าน้ำท่วมหลายพันเท่านัก
หากพวกเราพิจารณาตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายบาปอกุศลหรือฝ่ายทำลาย น้ำท่วมหนักเพราะป่าไม้ถูกทำลาย ป่าไม้ถูกทำลายเพราะบุคคลขาดจิตสำนึกต่อชาติ บุคคลขาดจิตสำนึกต่อชาติเพราะไม่มีหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (อย่างแท้จริง) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชนไม่มีเพราะหลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรม หลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรมไม่มี เพราะอวิชชาของผู้ปกครองที่มีอำนาจมากๆ 18 ครั้ง ยาวนาน 89 ปี เห็นผิด คิดผิด ทำผิด ร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับ ผลจึงออกมาล้วนแล้วเป็นกระบวนการที่ทำผิดๆ ซ้ำซากมายาวนาน ประชาชนจึงเป็นผู้รับกรรมชั่วจากผู้ปกครองที่ขาดปัญญาที่เห็นผิดทำผิดสืบต่อๆ กันมาอย่างซ้ำซาก นั่นเอง และความเห็นผิดนี้กำลังท่วมทับประเทศของเรา กำลังท่วมทับทุกสิ่ง ทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดของชาติ และยากที่จะแก้ไข เป็นภารกิจที่ยากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในประเทศของเรา
ในปัญหาเฉพาะหน้าก็ขอให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและผู้มีความทุกข์ระทมใจทั้งหลายได้มีพลังจิตที่เข้มแข็งต้านทานความขมขื่น ต่อสู้อุปสรรค ต่อสู้การดูหมิ่นเหยียดหยาม ตัดสินใจในเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอย่างถูกต้อง
ผู้ปกครองฯ กองทัพ ผู้เสียสละทั้งหลายต่างๆ ก็เห็นความทุกข์ร้อนของผู้อื่นยิ่งกว่าตน มีความสุขทางจิตใจที่ได้เสียสละและมีความยินดีอยู่กับการได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ต้องตกทุกข์ได้ยากอยู่ในขณะนี้ ในการสร้างพลังใจ ด้วยจิตใจภายในอันงดงาม คือ ไม่เห็นแก่ตัว แต่เห็นใจผู้อื่น มีความเมตตาปรานี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีร่างกายแข็งแรง เป็นผู้มีใจร่าเริงไม่ตื่นเต้นง่ายมีความมุ่งหมายเป็นการเสียละ ให้ทานแบ่งปัน และไม่รู้จักหมดหวังกล้าหาญไม่กลัวต่อความยากลำบากเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็งและมีความเชื่อมั่น เชื่อถือตนเองว่าทำดีได้ดี มีสติปัญญาอันยอดเยี่ยม คิดช่วยเหลือผู้อื่น มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ผู้อื่นมีสุขมีความกล้าหาญยิ่งกว่าความกล้าของคนธรรมดาทั่วๆ ไป และที่สำคัญคือไม่มีพรรคพวก แต่เอาคนทั้งหมดเป็นพวกของตน
บุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมประเทศชาติยิ่งกว่าสิ่งใด ย่อมมีพลังแห่งความเมตตา มหาเมตตา อย่างไม่สิ้นสุดและส่วนมากของบุคคลเหล่านี้ ก็คือมีกำลังของอัปปมัญญา 4 หรือ พรหมวิหาร 4 คือการเห็นใจผู้อื่น ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น และต้องการเห็นคนอื่นมีความสุข มีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาคทางโอกาสมีความเมตตาสูงยิ่ง หรือการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การปรารถนาจะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ระทม พลิกร้ายให้กลายเป็นดี เห็นความทุกข์ยากของผู้อื่นเสมอตน หรือยิ่งกว่าตนบุคคลที่ได้ทำ ที่ได้กำลังทำอยู่และผู้กำลังคิดจะทำ ในการช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของชาติหากเป็นเพชรก็ถือได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงาม หากเป็นแสงสว่างก็ถือได้ว่าเป็นแสงสว่างที่ไล่ความมืดอยู่ชั่วนิรันดร์
บุคคลผู้เสียละเชื่อได้ว่าท่านได้มีเจตจำนงอย่างแรงกล้าสูงยิ่ง กว่าบุคคลธรรมดาสามัญชนทั่วไป เมื่อมุ่งมาดปรารถนาอย่างใดแล้ว ก็กระทำไปจนถึงที่สุดไม่หยุดยั้ง และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด ดำรงความมุ่งหมาย คิดทำการใหญ่ จุดมุ่งหมายไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแผ่นดินเกิด
ก็ขอให้กำลังใจให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน บุคคลผู้เสียสละ รวมทั้งบุคคล ครอบครัวประสบภัยน้ำท่วมและผู้กังวลใจจากภัยน้ำท่วมดังกล่าว ทั้งผู้ให้ความเมตตา และผู้รับความเมตตา สร้างความเชื่อมั่น สร้างพลังใจให้กับตนเอง ด้วยการพูดกับตนเองบ่อยๆ ว่า
คำว่า “เหลวไหล” ไม่มี
คำว่า “ท้อถอย” ไม่มี
คำว่า “อ่อนแอ” ไม่มี
คำว่า “เสียใจ” ไม่มี
คำว่า “ทำไม่ได้” ไม่มี ฯลฯ
“อะไรมันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นตามเหตุ ตามปัจจัยของมัน” เราเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา เมตตา และเมตตา ขอคารวะในน้ำใจอันงดงามของทุกผู้ทุกฝ่ายที่ได้ช่วยกันเสียสละเพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมและผู้มีความทุกข์ใจอันเกิดจากประสบภัยน้ำท่วม
ท่านผู้รู้-ครู-อาจารย์ต่างก็ได้เรียนรู้ พระพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า “ลีเนจิตฺตมฺหิปคฺคาโห” เมื่อจิตตก ให้ยกจิต คือการปลุกปลอบใจให้พ้นจากจิตตก จิตห่อเหี่ยว จิตเศร้า จิตโศก จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลง ในขณะนั้นๆ
การยกจิตที่สำคัญ ทำให้มีความสุขทุกวันคืน คือการเจริญรอยตามบาทพระศาสดา พระพุทธเจ้า ทรงมีจิตใจ จุดยืนเพื่อมนุษยชาติ คือการกระทำใดๆ ทั้งพลังทางความคิด พลังทางกายล้วนแล้วเป็นไปเพื่อมนุษยชาติ หรือจะเอาแบบง่ายๆ ทำแล้วได้ผลเป็นบุญคือความสุข “เรียนอะไรก็ได้ (ที่เรียนๆ อยู่) ทำอะไรก็ได้ (ที่ทำๆ อยู่ในชีวิตประจำวัน) ขอให้คิดใหม่ว่าเราทำเพื่อชาติ” เพียงเท่านี้ก็มีกำลังใจทุกวัน มีความสุขทุกวันด้วยการให้นั่นเอง “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ใจต้องแผ่กระจายด้วยการคิดให้ กายคือวัตถุสิ่งของจะย้อนกลับมาภายหลัง ยิ่งทำยิ่งได้ ทำได้อย่างนี้ก็มีความสุขในทุกๆ สถานการณ์
หากพวกเราพิจารณาตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายบาปอกุศลหรือฝ่ายทำลาย น้ำท่วมหนักเพราะป่าไม้ถูกทำลาย ป่าไม้ถูกทำลายเพราะบุคคลขาดจิตสำนึกต่อชาติ บุคคลขาดจิตสำนึกต่อชาติเพราะไม่มีหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (อย่างแท้จริง) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชนไม่มีเพราะหลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรม หลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรมไม่มี เพราะอวิชชาของผู้ปกครองที่มีอำนาจมากๆ 18 ครั้ง ยาวนาน 89 ปี เห็นผิด คิดผิด ทำผิด ร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 18 ฉบับ ผลจึงออกมาล้วนแล้วเป็นกระบวนการที่ทำผิดๆ ซ้ำซากมายาวนาน ประชาชนจึงเป็นผู้รับกรรมชั่วจากผู้ปกครองที่ขาดปัญญาที่เห็นผิดทำผิดสืบต่อๆ กันมาอย่างซ้ำซาก นั่นเอง และความเห็นผิดนี้กำลังท่วมทับประเทศของเรา กำลังท่วมทับทุกสิ่ง ทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดของชาติ และยากที่จะแก้ไข เป็นภารกิจที่ยากยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในประเทศของเรา
ในปัญหาเฉพาะหน้าก็ขอให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและผู้มีความทุกข์ระทมใจทั้งหลายได้มีพลังจิตที่เข้มแข็งต้านทานความขมขื่น ต่อสู้อุปสรรค ต่อสู้การดูหมิ่นเหยียดหยาม ตัดสินใจในเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอย่างถูกต้อง
ผู้ปกครองฯ กองทัพ ผู้เสียสละทั้งหลายต่างๆ ก็เห็นความทุกข์ร้อนของผู้อื่นยิ่งกว่าตน มีความสุขทางจิตใจที่ได้เสียสละและมีความยินดีอยู่กับการได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ต้องตกทุกข์ได้ยากอยู่ในขณะนี้ ในการสร้างพลังใจ ด้วยจิตใจภายในอันงดงาม คือ ไม่เห็นแก่ตัว แต่เห็นใจผู้อื่น มีความเมตตาปรานี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีร่างกายแข็งแรง เป็นผู้มีใจร่าเริงไม่ตื่นเต้นง่ายมีความมุ่งหมายเป็นการเสียละ ให้ทานแบ่งปัน และไม่รู้จักหมดหวังกล้าหาญไม่กลัวต่อความยากลำบากเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็งและมีความเชื่อมั่น เชื่อถือตนเองว่าทำดีได้ดี มีสติปัญญาอันยอดเยี่ยม คิดช่วยเหลือผู้อื่น มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ผู้อื่นมีสุขมีความกล้าหาญยิ่งกว่าความกล้าของคนธรรมดาทั่วๆ ไป และที่สำคัญคือไม่มีพรรคพวก แต่เอาคนทั้งหมดเป็นพวกของตน
บุคคลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมประเทศชาติยิ่งกว่าสิ่งใด ย่อมมีพลังแห่งความเมตตา มหาเมตตา อย่างไม่สิ้นสุดและส่วนมากของบุคคลเหล่านี้ ก็คือมีกำลังของอัปปมัญญา 4 หรือ พรหมวิหาร 4 คือการเห็นใจผู้อื่น ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น และต้องการเห็นคนอื่นมีความสุข มีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาคทางโอกาสมีความเมตตาสูงยิ่ง หรือการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การปรารถนาจะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ระทม พลิกร้ายให้กลายเป็นดี เห็นความทุกข์ยากของผู้อื่นเสมอตน หรือยิ่งกว่าตนบุคคลที่ได้ทำ ที่ได้กำลังทำอยู่และผู้กำลังคิดจะทำ ในการช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของชาติหากเป็นเพชรก็ถือได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงาม หากเป็นแสงสว่างก็ถือได้ว่าเป็นแสงสว่างที่ไล่ความมืดอยู่ชั่วนิรันดร์
บุคคลผู้เสียละเชื่อได้ว่าท่านได้มีเจตจำนงอย่างแรงกล้าสูงยิ่ง กว่าบุคคลธรรมดาสามัญชนทั่วไป เมื่อมุ่งมาดปรารถนาอย่างใดแล้ว ก็กระทำไปจนถึงที่สุดไม่หยุดยั้ง และไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด ดำรงความมุ่งหมาย คิดทำการใหญ่ จุดมุ่งหมายไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีจุดมุ่งหมายเพื่อแผ่นดินเกิด
ก็ขอให้กำลังใจให้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน บุคคลผู้เสียสละ รวมทั้งบุคคล ครอบครัวประสบภัยน้ำท่วมและผู้กังวลใจจากภัยน้ำท่วมดังกล่าว ทั้งผู้ให้ความเมตตา และผู้รับความเมตตา สร้างความเชื่อมั่น สร้างพลังใจให้กับตนเอง ด้วยการพูดกับตนเองบ่อยๆ ว่า
คำว่า “เหลวไหล” ไม่มี
คำว่า “ท้อถอย” ไม่มี
คำว่า “อ่อนแอ” ไม่มี
คำว่า “เสียใจ” ไม่มี
คำว่า “ทำไม่ได้” ไม่มี ฯลฯ
“อะไรมันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นตามเหตุ ตามปัจจัยของมัน” เราเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา เมตตา และเมตตา ขอคารวะในน้ำใจอันงดงามของทุกผู้ทุกฝ่ายที่ได้ช่วยกันเสียสละเพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วมและผู้มีความทุกข์ใจอันเกิดจากประสบภัยน้ำท่วม
ท่านผู้รู้-ครู-อาจารย์ต่างก็ได้เรียนรู้ พระพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า “ลีเนจิตฺตมฺหิปคฺคาโห” เมื่อจิตตก ให้ยกจิต คือการปลุกปลอบใจให้พ้นจากจิตตก จิตห่อเหี่ยว จิตเศร้า จิตโศก จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลง ในขณะนั้นๆ
การยกจิตที่สำคัญ ทำให้มีความสุขทุกวันคืน คือการเจริญรอยตามบาทพระศาสดา พระพุทธเจ้า ทรงมีจิตใจ จุดยืนเพื่อมนุษยชาติ คือการกระทำใดๆ ทั้งพลังทางความคิด พลังทางกายล้วนแล้วเป็นไปเพื่อมนุษยชาติ หรือจะเอาแบบง่ายๆ ทำแล้วได้ผลเป็นบุญคือความสุข “เรียนอะไรก็ได้ (ที่เรียนๆ อยู่) ทำอะไรก็ได้ (ที่ทำๆ อยู่ในชีวิตประจำวัน) ขอให้คิดใหม่ว่าเราทำเพื่อชาติ” เพียงเท่านี้ก็มีกำลังใจทุกวัน มีความสุขทุกวันด้วยการให้นั่นเอง “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ใจต้องแผ่กระจายด้วยการคิดให้ กายคือวัตถุสิ่งของจะย้อนกลับมาภายหลัง ยิ่งทำยิ่งได้ ทำได้อย่างนี้ก็มีความสุขในทุกๆ สถานการณ์