นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศอส. เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยมีจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รวม 30 จังหวัด ผู้เสียชีวิต 41 ราย สูญหาย 1 คน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 16 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 14 จังหวัด รวม 90 อำเภอ 614 ตำบล 4,642 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 379,274 ครัวเรือน 1,142,712 คน พื้นที่การเกษตร คาดว่าจะเสียหาย 2,392,974 ไร่ พื้นที่ประมง คาดว่าจะเสียหาย 15,634 ไร่ ปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบ 1,569,474 ตัว น้ำท่วมเส้นทางคมนาคม 17 สายทาง 8 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ น่าน เชียงราย นครสวรรค์ และพระนครศรีอยุธยา
จากการติดตามคาดหมายลักษณะอากาศ พบว่า แม้ในภาพรวมประเทศไทย จะมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ลดลง แต่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้าน จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ขณะที่พื้นที่ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ตราด อ.เกาะช้าง อ.คลองใหญ่ จะยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่องอีก 1-2 วัน จึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยของทั้ง 4 จังหวัด โดยเฉพาะบริเวณที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา เตรียมรับมืออันตรายที่อาจเกิดจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย รวมทั้ง ต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภาวะน้ำล้นตลิ่งใน 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ เนื่องจากการตรวจสอบปริมาณน้ำที่ไหลผ่านลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณ จ.นครสวรรค์ คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์สูงสุดประมาณ 2,200-2,400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 20 เซนติเมตร
จากการติดตามคาดหมายลักษณะอากาศ พบว่า แม้ในภาพรวมประเทศไทย จะมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ลดลง แต่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้าน จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ ขณะที่พื้นที่ภาคตะวันออก บริเวณ จ.ตราด อ.เกาะช้าง อ.คลองใหญ่ จะยังคงมีฝนตกชุกต่อเนื่องอีก 1-2 วัน จึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยของทั้ง 4 จังหวัด โดยเฉพาะบริเวณที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา เตรียมรับมืออันตรายที่อาจเกิดจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย รวมทั้ง ต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภาวะน้ำล้นตลิ่งใน 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ เนื่องจากการตรวจสอบปริมาณน้ำที่ไหลผ่านลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณ จ.นครสวรรค์ คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์สูงสุดประมาณ 2,200-2,400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 20 เซนติเมตร
