xs
xsm
sm
md
lg

ยุทโธปกรณ์ทหารชำรุด ช่วยชาวบ้าน-กู้ดอนเมืองสะดุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ยุทธศักดิ์” โอด!ยุทโธปกรณ์ ที่นำมาใช้ช่วงน้ำท่วมกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เริ่มชำรุดต้องนำกลับซ่อมแซม ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยสะดุด ขณะที่แผนกู้ดอนเมืองก็ยีงลำบาก ลุ้นสถานการณ์บิ๊กแบ๊ก 6 กิโลเมตร ก่อนเร่งกำลังสูบน้ำออกจากรันเวย์

วานนี้ (6 พ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กระทรวงพลังงาน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมกับทางกองทัพไทย ว่า ได้นัดประชุมร่วมกับทางกองทัพไทย หลังกระทรวงกลาโหมได้รับคำสั่งจากทางนายกรัฐมนตรี ในการที่จะตั้งหน่วยงานศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการฟื้นฟูเยียวยาปัญหาอุทกภัย โดยกระทรวงกลาโหมเมื่อได้รับมอบภารกิจมาแล้วต้องมีการออกแผนรับรองเพื่อมอบหมายงานให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้ง กองทัพไทย กองทัพบกบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของศูนย์ดังกล่าวนี้มีภารกิจเพื่อเยียวยาแก้ปัญหา ฟื้นฟู ในระยะสั้น ระยะ กลางและระยะยาวต่อไป

เบื้องต้นทางกองทัพได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปัญหาอุทกภัย โดยได้มอบให้ทางกองทัพไปประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกกองทัพต้องประเมินว่าจะต้องมีการแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง เพราะพื้นที่ของกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเช่นกัน และเมื่อนำยุทโธปกรณ์ออกมาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ต้องมีการแก้ไขบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ที่นำออกมาใช้อย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้พบว่า 30 เปอร์เซ็นต์จาก 100 เปอร์เซ็นต์ที่นำออกมาใช้เริ่มชำรุดและต้องได้รับการซ่อมแซม เนื่องจากรถนำมาใช้วิ่งในน้ำตลอดเวลา ดังนั้นทางกองทัพบกจึงได้รายงานว่าต้องหยุดเพื่อเข้าบำรุงซ่อมแซม

ทั้งยังไม่มีความจำเป็นที่จะมีการขอยุทโธปกรณ์อื่นเข้ามาเสริมในช่วงที่มีการซ่อมแซมโดยเห็นว่าหากน้ำมีปริมาณลดลงทางขสมก. ก็สามารถสนับสนุนรถช่วยรับ-ส่งประชาชนได้ จึงเห็นว่าก็สามารถช่วยเสริมกำลังการทำงานของกองทัพได้เต็มที่ และเป็นการทำงานร่วมกับระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงกลาโหมต่อไป

อย่างไรก็ตามขณะนี้ กระทรวงคมนาคมยังไม่ได้มีการส่งกำลังเข้ามาช่วยเสริมทางกองทัพ เป็นเพียงการประสานงานไปว่าหากพื้นที่ใดน้ำลดลงแล้ว รถประจำทางสามารถวิ่งเสริมกับรถของทหารได้ก็ควรจะช่วยกัน เพราะว่ารถของทหารส่วนหนึ่งจะต้องเข้าไปบำรุงซ่อมแซม

เมื่อถามว่า 30 เปอร์เซ็นต์ที่หายไปจะทำให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนหายไปด้วยหรือไม่และประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่แต่จำนวนรถคงน้อยลง เที่ยงลดลง แต่พยายามจะซ่อมบำรุงให้เร็วที่สุด แต่หากได้รับการสนับสนุนก็คงทำงานได้จนกว่าน้ำจะแห้ง

ส่วนการทำงานของศปภ.ขณะนี้ ก้าวกระโดดเกินไปหรือไม่ เพราะว่าการคลี่คลายของสถานการณ์น้ำยังไม่เห็นผลชัดเจนเท่าไรนัก แต่กลับไปพูดถึงเรื่องการฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลดแล้ว พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นการเตรียมการและจะได้รู้ว่าต่อจากนี้ไปหลังน้ำลดจะได้ทำอย่างไรต่อไป อีกทั้งขณะนี้น้ำในจ.ลพบุรี จ.นครสวรรค์ จ.พิษณุโลก และจ.พระนครศรีอยุธยา น้ำก็เริ่มลดแล้วเช่นกัน และทันทีที่น้ำลดก็เป็นหน้าที่ของเราที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาและช่วยเหลือต่อไป

ส่วนมีการวางแผนหรือไม่หากน้ำในจังหวัดต่างๆ ที่ลดลงจะไหลเข้ามากองในพื้นที่กทม. พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่กอง เพราะน้ำค่อยๆ ไหลมาตามจำนวน เท่าที่ทราบคงไม่มาก

เมื่อถามว่าศปภ.โยนผ้าขาว ในการต่อสู้กับน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำลงส่าทะเลหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว่า ขณะนี้กำลังระบายน้ำลงทะเลแล้ว เมื่อน้ำลงทะเลแล้ว ก็จะได้เข้าสู่กระบวนการเยียวยาฟื้นฟู บำบัดน้ำเสียต่างๆ

เมื่อถามว่าตลอดระยะเวลา 2 เดือน ที่ผ่านมาถือว่า ศปภ.ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่า ถ้าไม่มีศปภ.จะยิ่งกว่านี้ ดังนั้นการที่มีศปภ.เท่ากับเราได้แก้ปัญหาให้กับประชาชนจำนวนมากแล้ว

**แผนกู้สนามบินดอนเมืองลำบาก

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้กำชับให้ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เร่งกอบกู้สถานการณ์น้ำท่วมในท่าอากาศยานดอนเมือง ให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้ เนื่องจากเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศชาติ จึงจำเป็นต้องรีบแก้ไข โดยจะต้องเร่งหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้กระทบกับพื้นที่โดยรอบ ทั้งนี้ หากไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในจุดดังกล่าวได้ ก็ต้องสามารถชี้แจงให้ทราบได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

คำสั่งเร่งกู้สนามบินดอนเมืองให้เสร็จภายใน 4 พ.ย.นั้น ล่าสุดจนถึงวันที่ 6 พ.ย. ยังไม่สามารถกู้ได้เพียงแค่สูบน้ำออกจากพื้นที่บางส่วนเท่านั้น เพราะบางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร สร้างความหนักใจให้กับกองทัพอากาศเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทัพอากาศ และกรมชลประทานได้ระดม เครื่องสูบน้ำไปสูบน้ำที่ขังรันเวย์อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นไปอย่างความยากลำบาก

และแม้ ศปภ.แสดงความมั่นใจว่า เมื่อวางบิ๊กแบ็ก ยาว 6 กิโลเมตรบริเวณเหนือสนามบินดอนเมืองแล้ว จะสามารถป้องกันน้ำลงสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน และไม่ให้น้ำเข้าสนามบินดอนเมืองเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีการเร่งสูบน้ำออกจากตัวสนามบิน เพื่อบังคับทิศทางน้ำไม่ให้ล้นมาทางสนามบิน จากนั้นก็ใช้วิธีสูบน้ำไปทิ้งทางคลองประยูรศักดิ์ รวมทั้งคาดหวังว่า ระดับบริเวณเชียร์รังสิต ดอนเมือง หลักสี่ บ้านเมืองเอก ฯลฯ น้ำจะลดลงด้วย

วันเดียวกัน กำลังทหารได้เข้าเร่งกู้นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค (บ้านหว้า) อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยสามารถอุดลอยรั่ว 27 จุด คืบหน้าแล้วกว่า 90 % คาดธันวาคมนี้เปิดนิคมอุตสาหกรรมกลับสู่สภาวะปกติและเดินสายพานการผลิตได้บ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น