ท่ามกลางมวลน้ำมหาศาลกำลังถล่มกรุงเทพฯ และปริมณฑล สายตาคนค่อนชาติที่มองบรรดานักการเมืองกลุ่มก๊วนต่างๆ ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เป็นภาพที่ไม่ผิดแผกไปจากเดิมๆ แถมที่เคยติดลบอยู่แล้วก็กลับเลวร้ายไปกว่าเก่า ยิ่งเมื่อโฟกัสไปที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และแก๊งแดงกร่าง ก็เห็นจะเกินสรรหาคำมาบรรยายจริงๆ
เป็นภาพที่แตกต่างกับทหารหาญจากทุกกรมกองที่กระจายช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบเอาจริงเอาจัง หนักเอาเบาสู้ พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ภาพการบุกตะลุยไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนถูกถ่ายทอดให้สังคมรับรู้ทั้งสื่อกระแสหลัก สื่อทางเลือกและในสื่อสังคมออนไลน์ จนแทบจะเห็นแต่คำเยินยอที่มอบให้แก่ทหาร
แต่เชื่อไหมครับว่าเวลานี้มีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นภาพทหารแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เป็นภาพเชิงกระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่าไม่ต่างอะไรจาก “เครื่องปรุงรส” ซึ่งสายตาของคนกลุ่มนี้ไม่ได้มองไปยังทหารที่กำลังง้วนอยู่กับอุทกภัย แต่เป็นการมองผ่านนายทหารบางคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดับไฟใต้
เรื่องของเรื่องก็คือ “ขบวนการพูโล” ที่อดีตเคยเคลื่อนไหวแบบจัดหนักอยู่นอกประเทศ แม้หลายปีแล้วที่แผ่วลงไปมาก ทว่าภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยใต้ปีกโอบของระบอบทักษิณกลับมากุมอำนาจรัฐครั้งล่าสุด พูโลก็กลับมาเคลื่อนไหวคึกคักและถี่ขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 สายคือ กลุ่มหนึ่งนำโดย “นายยาเซร์ ปาต๊ะห์” เคยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เยอรมนี แต่ตอนนี้เดินทางกลับมาอยู่ จ.ยะลาแล้ว กับอีกกลุ่มหนึ่งนำโดย “นายคัสตูรี มะโกตา” ขณะนี้ตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่สวีเดน
กลุ่มของนายยาเซร์อ้างว่าเป็นพูโลภาคพื้นยุโรป ประกาศเลิกเคลื่อนไหวตั้งรัฐปัตตานี และพร้อมจะนำสมาชิกเข้าร่วมพัฒนาชาติไทย เวลานี้กลับมาเคลื่อนไหวด้วยการจับมือกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ศอ.บต.ตั้งศูนย์ประชาอาสาพัฒนาแก้ไขปัญหาสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้โชว์แอ็คชั่นประสานไปยังมาเลเซียขอลดค่าธรรมเนียนเข้าไปทำงานของคนไทย ดึงนักลงทุนที่นั่นมาทำสวนและตั้งโรงสกัดน้ำมันปาล์ม รวมถึงร่วมตั้งชมรมนักวิชาการอิสลามอูลามาเพื่อใช้แนวทางศาสนาดับไฟใต้
ขณะที่กลุ่มของนายคัสตูรีได้ออกมาตอบโต้บนเว็บไซต์พูโลว่า น่าสงสารตัวแทนรัฐไทยที่ให้ความเชื่อถือคนไร้สาระ ซึ่งไม่เคยเป็นที่ยอมรับแม้แต่ตามร้านกาแฟ แถมยังเขียนจดหมายอีเมลส่งถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาอีก 3 ฉบับโจมตีความล้มเหลวในการดับไฟใต้ว่าไม่แตกต่างจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือรัฐบาลชุดก่อนๆ พร้อมยื่นข้อเสนอให้เจรจากับแกนนำพูโลตัวจริง
ต้นเรื่องคือข้อความที่ปรากฏบนเว็บไซต์พูโล ซึ่งเป็นส่วนของการตอบโต้รัฐไทยและกลุ่มตรงข้าม โดยได้อ้างถึง “พล.ต.อัคร ทิพโรจน์” รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แบบจงใจเปลี่ยนนามสกุลให้ใหม่ว่า “ทิพรส”
อันที่จริง พล.ต.อัครถือเป็นนายทหารรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนใต้ ที่ผ่านมาก็ได้ทำหน้าที่โฆษกทหารในชายแดนใต้ ค่อยให้ข่าวสาร และมักจะแนะนำหรือแจกคู่มือให้กับสื่อในการรายงานข่าวไฟใต้ จนเชื่อกันว่าจะเป็นนายทหารอนาคตไกลอีกคนหนึ่ง โดยความรู้ความสามารถน่าจะเข้าใจปัญหาไฟใต้ลึกซึ้ง รวมถึงรู้หนทางคลี่คลายเหตุการณ์ความไม่สงบที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะนโยบาย “การเมืองนำการทหาร” ที่เคยใช้ได้ผลแล้ว
แน่นอนว่าการประชดประชันบนหน้าเว็บไซต์พูโล ก็เพื่อต้องการสื่อแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวมานานของรัฐบาลและกองทัพต่อการดับไฟใต้ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเร่งปรับรื้อใหญ่โครงสร้างอำนาจรัฐในพื้นที่อีกครั้ง โดยมอบภารกิจให้ทหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงไม่น่าจะใช่แนวทางที่ถูกต้อง
เป็นที่รับรู้กันว่าไฟใต้ที่คุโชนระลอกล่าสุดเป็นฝีมือ “ขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเนต” แต่ก็มีการยืนยันว่าพูโลเป็นหนึ่งในแนวร่วมอยู่ด้วย
เวลานี้มีข่าวว่ากลุ่มทหารในพรรคเพื่อไทยกำลังจะจัดฉากให้สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนจำนวนมากเข้ามอบตัวอีกหน เพื่อสร้างภาพว่าแนวทางดับไฟใต้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “เดินมาถูกทาง” เหมือนในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เคยทำมาแล้ว
หากเรายังจำภาพ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหมในรัฐบาลทักษิณ ซึ่งในวันนี้ยังนั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยอยู่ เคยประกาศใหญ่โตจะเปิดโต๊ะเจรจากับแกนนำพูโลแบบถ่ายทอดสดทางทวี แต่สุดท้ายกลายเป็นปาหี่โด่งดังไปทั่วโลก ครั้งนั้นนายยาเซร์ก็คือหนึ่งในกลุ่มคนที่อ้างเป็นแกนนำพูโลเข้าร่วมเล่นบทเจรจาด้วย
เสียงเตือนของพูโลจึงเหมือนส่งสัญญาณว่า ทหารไม่ควรจะทำตัวเป็นแค่ “เครื่องปรุงรส” ให้กับรัฐบาลอีกต่อไปแล้วนั่นเอง