ฝนกระหน่ำบ้านโบราณสงขลาพัง

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บ้านโบราณอายุนับ 100 ปี ย่านถนนนางงาม ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนรอการบูรณะถูกฝนและลมกระหน่ำพังทลายทั้งหลัง ท่ามกลางความเสียดายของชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.12 น.วานนี้(31 ต.ค.) บ้านทรงจีนโบราณ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 อายุประมาณ170 ปี ตั้งอยู่ย่านถนนนางงาม เขตเทศบาลนครสงขลา พังทลายลงมาทั้งหลัง เนื่องจากได้ฝนตกหนักและลมกระโชกแรงอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ และไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนของชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง มีเพียงเสาไฟฟ้าหักโค่น 1 ต้น เนื่องจากบ้านที่พังลงมาไปพาดกับสายไฟ

หลังเกิดเหตุ นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาเคลียร์พื้นที่โดยรอบจุดเกิดเหตุ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปบริเวณเกิดเหตุ เพื่อรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

หลังจากนั้น นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้ประสานไปยังสำนักงานศิลปากรที่ 13 สงขลา เพื่อเข้าตรวจสอบความเสียหายและหาแนวทาง ว่าจะสามารถทำการบูรณะหรือก่อสร้างให้กลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ เพราะแม้โครงสร้างทั้งหลังจะพังลงมา แต่ยังมีอิฐเก่าที่ยังอยู่ในสภาพดีและพอที่จะนำมาประกอบสร้างขึ้นใหม่ได้ เนื่องจากบ้านจีนโบราณหลังนี้ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเก่าแก่อีกหลังหนึ่ง ในย่านถนนนางงามและกรมศิลปากรมีแผนที่จะบูรณะอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังกันพื้นที่รอบๆ จุดเกิดเหตุและห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด แต่มีประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางไปดูสภาพความเสียหายอย่างต่อเนื่อง และต่างเสียดายในความเก่าแก่ของบ้านหลังนี้ที่อยู่คู่กับถนนนางงามมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่ชาวจีนเข้ามาอาศัยใน จ.สงขลา ทั้งกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับเจ้าของบ้านหลังนี้ เพื่อร่วมหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

สำหรับบ้านโบราณหลังนี้ ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนนางงาม หรือย่านชุมชนเก้าห้องในอดีต ที่ชาวจีนในรุ่นแรกได้อพยพมาตั้งรกรากที่ จ.สงขลา และมีหลุมหลบภัย ขนาดหน้ากว้าง 20 เมตร ลึก 6.5 เมตร โดยเป็นหนึ่งในบ้านโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดบนถนนนางงามที่เป็นชุมชนเมืองเก่า และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.สงขลา ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการบูรณะซ่อมแซมโดยใช้โครงเหล็กค้ำยันเอาไว้ แต่จากสภาพฝนที่ตกหนักและลมกระโชกแรงมาตลอด 3 วัน ทำให้โครงสร้างของบ้านซึ่งเป็นอิฐเก่าและไม่มีฐานรากพังลงมา สร้างความเสียดายให้แก่ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก