เอเจนซีส์ – เที่ยวบินของ แควนตัส สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย กลับเหินฟ้าอีกครั้งเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) หลังหยุดให้บริการเบ็ดเสร็จทั่วโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อบีบให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงข้อพิพาทแรงงานครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบทศวรรษของแดนจิงโจ้
มาตรการเด็ดขาดของแควนตัสส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร 70,000 คนใน 22 เมืองทั่วโลก และก็กระตุ้นให้รัฐบาลตลอดจนผู้คุมกฎตลาดแรงงานแดนจิงโจ้ต้องเร่งหาทางยุติความขัดแย้งระหว่างสายการบินกับสหภาพแรงงาน
ด้วยการแทรกแซงของทางการ ศาลแรงงานมีคำสั่งให้แควนตัสเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์ หลังจากหยุดบินนาน 46 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามสหภาพแรงงานผละงานระหว่างที่การเจรจายังไม่สิ้นสุด โดยทั้งสองฝ่ายมีเวลา 21 วันในการหาข้อไกล่เกลี่ยหรือไม่ก็ต้องแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการมาตัดสิน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชื่อว่า เป็นกระบวนการที่น่าจะเป็นผลดีต่อแควนตัส ซึ่งกำลังต่อสู้กับสหภาพแรงงานเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มฐานปฏิบัติการในเอเชีย
อลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แควนตัส ยืนยันว่าการหยุดบินเป็นวิธีเดียวเพื่อผ่าทางตัน รวมทั้งกล่าวขอโทษและให้สัญญาว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อกลับมาให้บริการอย่างปลอดภัย
หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้คุมกฎการบิน แควนตัสกลับมาให้บริการอีกครั้งเริ่มจากเที่ยวบินจากซิดนีย์สู่จาการ์ตา อย่างไรก็ดี คาดว่าต้องรอถึงวันพุธ (2 พ.ย.) จึงจะสามารถให้บริการได้ตามปกติ
อนึ่ง กลยุทธ์ของจอยซ์ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเรียกขานว่า ‘คามิกาเซ่’ ในการสไตร๊ก์กลับตอบโต้สหภาพแรงงานนั้น ถูกวิจารณ์หนักจากรัฐบาลออสเตรเลีย รวมทั้งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 2 แห่งคือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ที่เตือนว่าอาจลดอันดับแควนตัสจากการตัดสินใจหยุดให้บริการที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแบรนด์
ทว่า ในทางกลับกัน ราคาหุ้นแควนตัสในวันจันทร์กลับทะยานขึ้นถึง 7.4% ซึ่งเท่ากับเป็นการชูมือให้จอยซ์และแควนตัสเป็นฝ่ายชนะ
แควนตัสเผยว่า ขาดทุนราว 70 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียนับจากเดือนกันยายนจากกรณีพิพาทกับสหภาพแรงงาน 3 แห่งในเรื่องค่าแรง เงื่อนไขการทำงาน และแผนการขยายตัวในเอเชีย
แม้ราคาหุ้นของสายการบินที่มีอายุอานามถึง 90 ปีแห่งนี้กำลังดีดกลับ แต่ตลอดทั้งปีนี้หุ้นตัวนี้ก็มีมูลค่าลดลงกว่า 1 ใน 3 นอกจากนั้นนักลงทุนยังอาจหวนกลับมามีกังวลกับความเสียหายระยะยาวต่อแบรนด์แควนตัสจากการหยุดให้บริการ ซึ่งส่งผลต่อแผนการเดินทางของผู้นำจากบางประเทศที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดประเทศเครือจักรภพที่เมืองเพิร์ธ รวมทั้งสร้างความเดือดดาลแก่ผู้โดยสารจำนวนมาก และหลายคนออกปากว่าจะเลิกใช้บริการแควนตัส
การหยุดบินยังโหมกระพือการคาดการณ์ว่าแควนตัสอาจตกเป็นเป้าหมายการผนวกกิจการอีกครั้ง หลังจากมีข่าวลือทำนองนี้ออกมาเป็นระยะ และแม้ว่ากฎหมายออสเตรเลียจะจำกัดการถือครองหุ้นของต่างชาติในแควนตัสไว้ที่ 49% ก็ตาม
ด้านรัฐบาลกล่าวว่าคำตัดสินของศาลแรงงานช่วยปกป้องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด วิจารณ์ว่าการหยุดบินเป็นมาตรการสุดโต่ง และแสดงความไม่พอใจที่จอยซ์แจ้งรัฐบาลล่วงหน้าเพียง 3 ชั่วโมงก่อนหยุดบิน
ทั้งนี้ ข้อพิพาทของแควนตัสยืดเยื้อมาหลายเดือน แต่คุกรุ่นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เมื่อสายการบินประกาศแผนปลดพนักงาน 1,000 คน และสั่งซื้อเครื่องบินใหม่เป็นมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพลิกโฉมเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ขาดทุน
ทางฝ่ายตัวแทนสหภาพฯ ยืนยันว่าจะร่วมกับแควนตัสเพื่อกลับมาให้บริการตามปกติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี ริชาร์ด วูดวาร์ด รองประธานสมาคมนักบินออสเตรเลียและนักบินระหว่างประเทศ เรียกร้องให้สายการบินปลดซีอีโอบ้าบิ่นออกโดยเร็ว
มาตรการเด็ดขาดของแควนตัสส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร 70,000 คนใน 22 เมืองทั่วโลก และก็กระตุ้นให้รัฐบาลตลอดจนผู้คุมกฎตลาดแรงงานแดนจิงโจ้ต้องเร่งหาทางยุติความขัดแย้งระหว่างสายการบินกับสหภาพแรงงาน
ด้วยการแทรกแซงของทางการ ศาลแรงงานมีคำสั่งให้แควนตัสเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์ หลังจากหยุดบินนาน 46 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามสหภาพแรงงานผละงานระหว่างที่การเจรจายังไม่สิ้นสุด โดยทั้งสองฝ่ายมีเวลา 21 วันในการหาข้อไกล่เกลี่ยหรือไม่ก็ต้องแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการมาตัดสิน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเชื่อว่า เป็นกระบวนการที่น่าจะเป็นผลดีต่อแควนตัส ซึ่งกำลังต่อสู้กับสหภาพแรงงานเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มฐานปฏิบัติการในเอเชีย
อลัน จอยซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แควนตัส ยืนยันว่าการหยุดบินเป็นวิธีเดียวเพื่อผ่าทางตัน รวมทั้งกล่าวขอโทษและให้สัญญาว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อกลับมาให้บริการอย่างปลอดภัย
หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้คุมกฎการบิน แควนตัสกลับมาให้บริการอีกครั้งเริ่มจากเที่ยวบินจากซิดนีย์สู่จาการ์ตา อย่างไรก็ดี คาดว่าต้องรอถึงวันพุธ (2 พ.ย.) จึงจะสามารถให้บริการได้ตามปกติ
อนึ่ง กลยุทธ์ของจอยซ์ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเรียกขานว่า ‘คามิกาเซ่’ ในการสไตร๊ก์กลับตอบโต้สหภาพแรงงานนั้น ถูกวิจารณ์หนักจากรัฐบาลออสเตรเลีย รวมทั้งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 2 แห่งคือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ที่เตือนว่าอาจลดอันดับแควนตัสจากการตัดสินใจหยุดให้บริการที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแบรนด์
ทว่า ในทางกลับกัน ราคาหุ้นแควนตัสในวันจันทร์กลับทะยานขึ้นถึง 7.4% ซึ่งเท่ากับเป็นการชูมือให้จอยซ์และแควนตัสเป็นฝ่ายชนะ
แควนตัสเผยว่า ขาดทุนราว 70 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียนับจากเดือนกันยายนจากกรณีพิพาทกับสหภาพแรงงาน 3 แห่งในเรื่องค่าแรง เงื่อนไขการทำงาน และแผนการขยายตัวในเอเชีย
แม้ราคาหุ้นของสายการบินที่มีอายุอานามถึง 90 ปีแห่งนี้กำลังดีดกลับ แต่ตลอดทั้งปีนี้หุ้นตัวนี้ก็มีมูลค่าลดลงกว่า 1 ใน 3 นอกจากนั้นนักลงทุนยังอาจหวนกลับมามีกังวลกับความเสียหายระยะยาวต่อแบรนด์แควนตัสจากการหยุดให้บริการ ซึ่งส่งผลต่อแผนการเดินทางของผู้นำจากบางประเทศที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดประเทศเครือจักรภพที่เมืองเพิร์ธ รวมทั้งสร้างความเดือดดาลแก่ผู้โดยสารจำนวนมาก และหลายคนออกปากว่าจะเลิกใช้บริการแควนตัส
การหยุดบินยังโหมกระพือการคาดการณ์ว่าแควนตัสอาจตกเป็นเป้าหมายการผนวกกิจการอีกครั้ง หลังจากมีข่าวลือทำนองนี้ออกมาเป็นระยะ และแม้ว่ากฎหมายออสเตรเลียจะจำกัดการถือครองหุ้นของต่างชาติในแควนตัสไว้ที่ 49% ก็ตาม
ด้านรัฐบาลกล่าวว่าคำตัดสินของศาลแรงงานช่วยปกป้องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ด วิจารณ์ว่าการหยุดบินเป็นมาตรการสุดโต่ง และแสดงความไม่พอใจที่จอยซ์แจ้งรัฐบาลล่วงหน้าเพียง 3 ชั่วโมงก่อนหยุดบิน
ทั้งนี้ ข้อพิพาทของแควนตัสยืดเยื้อมาหลายเดือน แต่คุกรุ่นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เมื่อสายการบินประกาศแผนปลดพนักงาน 1,000 คน และสั่งซื้อเครื่องบินใหม่เป็นมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพลิกโฉมเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ขาดทุน
ทางฝ่ายตัวแทนสหภาพฯ ยืนยันว่าจะร่วมกับแควนตัสเพื่อกลับมาให้บริการตามปกติโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี ริชาร์ด วูดวาร์ด รองประธานสมาคมนักบินออสเตรเลียและนักบินระหว่างประเทศ เรียกร้องให้สายการบินปลดซีอีโอบ้าบิ่นออกโดยเร็ว