นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลเศรษฐกิจ สังคม สาธารณูปโภค ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม เช่น การขึ้นราคา กักตุนสินคา แต่รัฐบาลยังแก้ปัญหาผิดทาง อย่างกรณี น้ำดื่ม และไข่ มีผลผลิตดูแลได้ แต่รัฐบาลกลับนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุดควรจะไปแก้ปัญหาเรื่องการกระจายสินค้าจะถูกต้องกว่า หากแก้ปัญหาไม่รอบคอบจะเกิดปัญหาตามมาในอนาคต
"มีการฉวยโอกาสมิจฉาขีพซ้ำเติมประชาชนมเรียกร้อง ผบ.ตร.ต้องโชว์ฝีมือการเป็นมือปราบ ใช้เรือดันน้ำมาตรวจการดูแลทรัพย์สินให้ประชาชนเพื่อให้เกิดความไว้วางใจอพยพจากบ้านตัวเอง การแก้ปัญหาก็จะครบวงจรมากขึ้น ด้านการสาธารณสุขต้องเร่งดูแล ป้องกันปัญหาโรคระบาดบำบัดน้ำ ตั้งศูนย์การแพทย์ทุกหน่วยอพยพ และดูแลระบบไฟฟ้า ประปาอย่าให้เกิดปัญหา ประปาไม่มีใช้ ไฟฟ้าช็อตคนเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก" นายชวนนท์ กล่าว
โรัฐบาลยังมีปัญหาในการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติ โดยสถานทูตหลายแห่งเล่าให้ฟังว่าไม่มีการประสานงานเพื่อให่ข้อมูลที่ชัดเจนกับสถานทูต ทำให้เกิดความสับสน ขาดการวางแผนที่ขัดเจนและการให้ข้อมูลรับมือกับสถานการณ์ สถานทูตต้องตัดสินใจโดยลำพัง ประสานไปยังภาคเอกชนนำรถสถานทูตไปจอดตามคอนโดมีเนียมสถานที่เอกชน โดยรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยข้องเลย ทำให้เกิดกรณีอังกฤษเตือนพลเมืองของตัวเองไม่ให้เดินทางมาประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่หากมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง กผ้จะทำให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจต่อรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์มากกว่านี้
นายชวนนท์ ยังกล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่พาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่เดินทางไปประเทศมัลดีฟส์ และเป็นผู้เหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประสานงานแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า พรรคไม่อยากตอบโต้เรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว ที่จริงนายอภิสิทธิ์ลงพื้เนที่ทุกวัน มีเดินทางไป 2-3 วัน ซึ่งไปตามคำเทียบเชิญล่วงหน้าของประธานาธิบดีมัลดีฟ และเดินทางไปอย่างเปิดเผยเพราะนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่นักโทษหนีดคีอาญา ที่ต้องหลบหนี เพราะฉะนั้นนายพร้องพงศ์ ไม่ต้องเดือนร้อนเช็คตรางบิน มาถามตน ตนก็บอก เอาเวลาไปคิดประโยชน์ เรื่องดีๆต่อประเทศและมนุษยชาติบ้างดีกว่า
“ถ้านายพร้อมพงศ์ อยากรู้ว่าใครหนีไปเที่ยวอังกฤษช่วงน้ำท่วม ดื่มแชมเปญ กินไข่ปลาคาเวียร์ ก็ให้ไปดูพลาสปอร์ตของเจ๊ใหญ่ดีกว่า และนายอภิสิทธิ์ก็กลับมาทำงานทุกวัน คนที่อยู่กทม. ทำอะไรบ้าง พูดอยู่หน้าไมค์ กักของบริจาค ทำไมไม่เอาเวลาไปใส่ใจช่วยประชาชนที่เลือกคุณมาเป็นรัฐบาล สนใจเรื่องไร้สาระอยู่ได้ ถ้าผู้นำฝ่ายค้านสำคัญขนาดนั้น รัฐบาลก็ลาออกไปได้แล้ว และถ้าผู้นำฝ่ายค้านสำคัญจริง ช่วงนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯมา 2 ปีกว่า ผู้นำฝ่ายค้านสักคนก็ยังไม่มี”นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของผู้นำฝ่ายค้านในการแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้จริง ก็ไม่ควรกีดกัน และควรให้ความสำคัญมากกว่านี้ ถ้าเห็นว่าผู้นำฝ่ายค้านน่าจะมีบทบาทช่วยเหลือแก้ปัญหาได้ดีกว่าตัวนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็ควรจะเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิจารณาตัวเองลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะความล้มเหลวในการบริหารประเทศสร้างความเสียสูญทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านบาท ทั้งๆที่ไม่ควรจะมีความเสียหายถึงขนาดนั้น
ทั้งนี้ การกล่าวพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ว่าหนีไปเที่ยว ละทิ่งหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ทั้งๆที่เป็นตำแหน่งสำคัญนั้น อยากชี้แจงว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ละทิ่งหน้าที่ แต่มีภารกิจสำคัญเช่นเดียวกัน แต่ในภาวะการเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยควรต้องกลับไปเรียกร้องตัวนายกฯให้แก้ปัญหามากกว่ามาเรียกร้องผู้นำฝ่ายค้านที่ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใด และถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สังคมไทยจะขาดผู้ดำรงตำแหน่งนี้ไม่ได้ ก็อยากถามว่าวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านถ้าให้ความสำคัญจริงก็ควรจะมีผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ไม่ปล่อยให้สภาว่างผู้นำฝ่ายค้านมาจนครบวาระ
“การออกมาพูดเรื่องนี้ของนายพร้อมพงศ์ เป็นการเบี่ยงเบนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล และพยายามโยนความผิดว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ไม่อยู่ทำหน้าที่ในประเทศแต่กลับเดินทางไปประเทศมัลดีฟ ทั้งๆที่เป็นการไปพบกับประธานาธิบดี และที่ไม่ได้ออกมาชี้แจงให้สังคมรับทราบก็เนื่องจากเป็นการเดินทางไปอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นการกำหนดวาระล่วงหน้าเป็นเวลานานก่อนเหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้น และการไปครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ แต่กลับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย”นายเทพไท กล่าว
ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า สถานการณ์เฉพาะหน้าใน กทม.ตอนนี้สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ การเร่งนำน้ำจากทิศเหนือระบายลงทิศใต้ โดยพยายามทำทุกทางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางตะวันออกนั้นได้ติดตามสถานการณ์แล้วพบว่าคุณภาพการระบายน้ำยังไม่ดีพอ จึงจำเป็นต้องไปดูว่าติดขัดจุดใด และต้องปรับปรุงการระบายน้ำต่อเนื่อง โดยจะใช้วิธีเพิ่มทางออกให้มีพื้นที่รองรับน้ำมากขึ้น หรือแม้แต่การเจาะถนนที่จะระบายน้ำเร็วขึ้น โดยบ่ายวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหารือในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องขุดคลองลัดทางด้านคลองสิบเพื่อให้น้ำจากคลองรังสิต-นครนายก ทรงตัวหรือลดลง
ส่วนกรณีที่ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า ศปภ.ไม่ระบายน้ำลงทางตะวันออกของ กทม. เพราะมีบางคนในรัฐบาลที่มีฐานเสียงอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่ต้องการให้ระบายน้ำไปทางนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นการกล่าวหาทางการเมืองที่ปราศจากข้อเท็จจริง หลักสามัญสำนึกนั้นทุกคนพยายามระบายน้ำออกทั้งนั้น หากทราบว่าใครสั่งให้ไม้ระบายน้ำพรรคประชาธิปัตย์ระบุชื่อมาเลย การพูดแบบเล่นการเมืองเช่นนี้ถือว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะวันนี้ ศปภ.พยายามระบายน้ำเต็มที่.
"มีการฉวยโอกาสมิจฉาขีพซ้ำเติมประชาชนมเรียกร้อง ผบ.ตร.ต้องโชว์ฝีมือการเป็นมือปราบ ใช้เรือดันน้ำมาตรวจการดูแลทรัพย์สินให้ประชาชนเพื่อให้เกิดความไว้วางใจอพยพจากบ้านตัวเอง การแก้ปัญหาก็จะครบวงจรมากขึ้น ด้านการสาธารณสุขต้องเร่งดูแล ป้องกันปัญหาโรคระบาดบำบัดน้ำ ตั้งศูนย์การแพทย์ทุกหน่วยอพยพ และดูแลระบบไฟฟ้า ประปาอย่าให้เกิดปัญหา ประปาไม่มีใช้ ไฟฟ้าช็อตคนเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก" นายชวนนท์ กล่าว
โรัฐบาลยังมีปัญหาในการชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างชาติ โดยสถานทูตหลายแห่งเล่าให้ฟังว่าไม่มีการประสานงานเพื่อให่ข้อมูลที่ชัดเจนกับสถานทูต ทำให้เกิดความสับสน ขาดการวางแผนที่ขัดเจนและการให้ข้อมูลรับมือกับสถานการณ์ สถานทูตต้องตัดสินใจโดยลำพัง ประสานไปยังภาคเอกชนนำรถสถานทูตไปจอดตามคอนโดมีเนียมสถานที่เอกชน โดยรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยข้องเลย ทำให้เกิดกรณีอังกฤษเตือนพลเมืองของตัวเองไม่ให้เดินทางมาประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่หากมีการให้ข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง กผ้จะทำให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจต่อรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์มากกว่านี้
นายชวนนท์ ยังกล่าวตอบโต้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่พาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่เดินทางไปประเทศมัลดีฟส์ และเป็นผู้เหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่ช่วยเหลือประสานงานแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า พรรคไม่อยากตอบโต้เรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว ที่จริงนายอภิสิทธิ์ลงพื้เนที่ทุกวัน มีเดินทางไป 2-3 วัน ซึ่งไปตามคำเทียบเชิญล่วงหน้าของประธานาธิบดีมัลดีฟ และเดินทางไปอย่างเปิดเผยเพราะนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่นักโทษหนีดคีอาญา ที่ต้องหลบหนี เพราะฉะนั้นนายพร้องพงศ์ ไม่ต้องเดือนร้อนเช็คตรางบิน มาถามตน ตนก็บอก เอาเวลาไปคิดประโยชน์ เรื่องดีๆต่อประเทศและมนุษยชาติบ้างดีกว่า
“ถ้านายพร้อมพงศ์ อยากรู้ว่าใครหนีไปเที่ยวอังกฤษช่วงน้ำท่วม ดื่มแชมเปญ กินไข่ปลาคาเวียร์ ก็ให้ไปดูพลาสปอร์ตของเจ๊ใหญ่ดีกว่า และนายอภิสิทธิ์ก็กลับมาทำงานทุกวัน คนที่อยู่กทม. ทำอะไรบ้าง พูดอยู่หน้าไมค์ กักของบริจาค ทำไมไม่เอาเวลาไปใส่ใจช่วยประชาชนที่เลือกคุณมาเป็นรัฐบาล สนใจเรื่องไร้สาระอยู่ได้ ถ้าผู้นำฝ่ายค้านสำคัญขนาดนั้น รัฐบาลก็ลาออกไปได้แล้ว และถ้าผู้นำฝ่ายค้านสำคัญจริง ช่วงนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯมา 2 ปีกว่า ผู้นำฝ่ายค้านสักคนก็ยังไม่มี”นายชวนนท์ กล่าว
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญของผู้นำฝ่ายค้านในการแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้จริง ก็ไม่ควรกีดกัน และควรให้ความสำคัญมากกว่านี้ ถ้าเห็นว่าผู้นำฝ่ายค้านน่าจะมีบทบาทช่วยเหลือแก้ปัญหาได้ดีกว่าตัวนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็ควรจะเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิจารณาตัวเองลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะความล้มเหลวในการบริหารประเทศสร้างความเสียสูญทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านบาท ทั้งๆที่ไม่ควรจะมีความเสียหายถึงขนาดนั้น
ทั้งนี้ การกล่าวพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ว่าหนีไปเที่ยว ละทิ่งหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ทั้งๆที่เป็นตำแหน่งสำคัญนั้น อยากชี้แจงว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ละทิ่งหน้าที่ แต่มีภารกิจสำคัญเช่นเดียวกัน แต่ในภาวะการเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยควรต้องกลับไปเรียกร้องตัวนายกฯให้แก้ปัญหามากกว่ามาเรียกร้องผู้นำฝ่ายค้านที่ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใด และถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สังคมไทยจะขาดผู้ดำรงตำแหน่งนี้ไม่ได้ ก็อยากถามว่าวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านถ้าให้ความสำคัญจริงก็ควรจะมีผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ไม่ปล่อยให้สภาว่างผู้นำฝ่ายค้านมาจนครบวาระ
“การออกมาพูดเรื่องนี้ของนายพร้อมพงศ์ เป็นการเบี่ยงเบนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล และพยายามโยนความผิดว่าความล้มเหลวที่เกิดขึ้น เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ไม่อยู่ทำหน้าที่ในประเทศแต่กลับเดินทางไปประเทศมัลดีฟ ทั้งๆที่เป็นการไปพบกับประธานาธิบดี และที่ไม่ได้ออกมาชี้แจงให้สังคมรับทราบก็เนื่องจากเป็นการเดินทางไปอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นการกำหนดวาระล่วงหน้าเป็นเวลานานก่อนเหตุการณ์วิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้น และการไปครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ แต่กลับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย”นายเทพไท กล่าว
ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า สถานการณ์เฉพาะหน้าใน กทม.ตอนนี้สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ การเร่งนำน้ำจากทิศเหนือระบายลงทิศใต้ โดยพยายามทำทุกทางให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางตะวันออกนั้นได้ติดตามสถานการณ์แล้วพบว่าคุณภาพการระบายน้ำยังไม่ดีพอ จึงจำเป็นต้องไปดูว่าติดขัดจุดใด และต้องปรับปรุงการระบายน้ำต่อเนื่อง โดยจะใช้วิธีเพิ่มทางออกให้มีพื้นที่รองรับน้ำมากขึ้น หรือแม้แต่การเจาะถนนที่จะระบายน้ำเร็วขึ้น โดยบ่ายวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหารือในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องขุดคลองลัดทางด้านคลองสิบเพื่อให้น้ำจากคลองรังสิต-นครนายก ทรงตัวหรือลดลง
ส่วนกรณีที่ ครม.เงา พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่า ศปภ.ไม่ระบายน้ำลงทางตะวันออกของ กทม. เพราะมีบางคนในรัฐบาลที่มีฐานเสียงอยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่ต้องการให้ระบายน้ำไปทางนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นการกล่าวหาทางการเมืองที่ปราศจากข้อเท็จจริง หลักสามัญสำนึกนั้นทุกคนพยายามระบายน้ำออกทั้งนั้น หากทราบว่าใครสั่งให้ไม้ระบายน้ำพรรคประชาธิปัตย์ระบุชื่อมาเลย การพูดแบบเล่นการเมืองเช่นนี้ถือว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะวันนี้ ศปภ.พยายามระบายน้ำเต็มที่.
